ThaiPublica > สู่อาเซียน > เวียดนาม… เศรษฐกิจเติบโตเด่นสุดในเอเชียแปซิฟิก

เวียดนาม… เศรษฐกิจเติบโตเด่นสุดในเอเชียแปซิฟิก

8 พฤศจิกายน 2022


ที่มาภาพ: https://special.nhandan.vn/kinhtetoancanh2021/index.html

ในรายงานล่าสุด “Economic Outlook for Asia – Pacific” เผยแพร่โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม การเติบโต GDP ของเวียดนามคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 7% ในปีนี้ รายงานของ IMF ระบุว่า แนวโน้มการเติบโตที่เป็นบวกของเวียดนามสวนทางกับแนวโน้มการชะลอตัวในส่วนอื่นๆ ในเอเชีย เป็นผลจากอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนตัวกว่า ซึ่งก็ต่างจากภาพรวมในภูมิภาคนี้ด้วย

การรายงานสัญญาณทางบวกของเศรษฐกิจเวียดนามมีขึ้นท่ามกลางการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเอเชียจาก IMF เป็น 4.0% ในปีนี้และ 4.3% ในปีหน้า ลดลง 0.9% จุดและ 0.8 จุดจากที่เคยประเมินในเดือนเมษายนตามลำดับ เนื่องจากสภาวะการเงินที่ตึงตัวทั่วโลก เงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากความขัดแย้งในยูเครนและจีนชะลอตัวลงอย่างมาก

นอกเหนือจากการประเมินของ IMF แล้ว รายงานของธนาคารโลก (WB) เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม แสดงให้เห็นว่า GDP ของเวียดนามเติบโต 13.7% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสที่สามของปีนี้ และ 8.9% ในช่วงสามไตรมาสแรก

ในรายงาน การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการค้าปลีกมีอัตราการเติบโตสูงอีกเดือนหนึ่ง (13.0% และ 36.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี) ซึ่งอาจเป็นผลมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและผลจากฐานที่ต่ำ

ในขณะเดียวกัน ดัชนีราคาผู้บริโภคเฉลี่ยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 2.73% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การควบคุมอัตราเงินเฟ้อช่วยให้เวียดนามสามารถรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ซับซ้อน

นโยบายการเงินของธนาคารกลางเวียดนาม (State Bank of Vietnam) ยังค่อนข้างมีประสิทธิภาพ อัตราเงินเฟ้อในเวียดนามยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าในหลายประเทศ แนวโน้มการเติบโตยังคงเป็นไปในเชิงบวก และเวียดนามยังคงเป็นประเทศที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งในอนาคต นาย Francois Painchaud หัวหน้าผู้แทนของ IMF ในเวียดนามกล่าว

รายงานของ IMF ชี้ว่า ความสำเร็จเหล่านี้มาจากการใช้กลยุทธ์การใช้ชีวิตร่วมกับโควิดของประเทศ และการให้วัคซีนครอบคลุมทั่วประเทศ นโยบายที่มีประสิทธิภาพหลายชุด เช่น การเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่ง อัตราดอกเบี้ยต่ำ และโครงการของรัฐบาลเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ได้เร่งผลิตผลการผลิตที่แข็งแกร่งและการฟื้นตัวของกิจกรรมการค้าปลีกและการท่องเที่ยว

หนึ่งในแรงผลักดันต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามก็คือ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงเติบโตในระดับสูง ซึ่งเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในเศรษฐกิจเวียดนาม สำนักงานสถิติทั่วไปของเวียดนามระบุว่า เงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่บันทึกในเวียดนามในช่วงสามไตรมาสแรกมีจำนวน 15.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.3% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนของปี ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2022

นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณบวกที่ชัดเจนจากจำนวนโครงการที่จดทะเบียนการลงทุนจากต่างประเทศในช่วง 9 เดือนของปีนี้ โดยทั้งประเทศมีโครงการใหม่ที่ได้รับใบอนุญาตจดทะเบียนการลงทุนจำนวน 1,355 โครงการ เพิ่มขึ้น 11.8% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 โดยที่ 769 โครงการเป็นโครงการจดทะเบียนเพื่อปรับมูลค่าเงินลงทุน ซึ่งเพิ่มขึ้น 13.4%

“เสถียรภาพทางการเมือง เสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค ความมั่นคงของตลาดการเงิน และความสามัคคีทางสังคม เป็นข้อได้เปรียบของเวียดนามในช่วงนี้ ซึ่งหมายความว่าเวียดนามมีความเสี่ยงต่ำ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศกำลังมองหาจุดหมายปลายทางที่มีเสถียรภาพและคาดการณ์ได้”

…..นาย Chheang Vanarith ประธานสถาบัน Asian Vision (AVI) กัมพูชาให้ความเห็น

กฎหมายการลงทุนปี 2563 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 ถือได้ว่าเป็นการพลิกโฉมการกำกับดูแลกิจกรรมการลงทุนในเวียดนาม ซึ่งกฎหมายฉบับใหม่สร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อการโครงการลงทุนสตาร์ตอัพ โครงการลงทุนต่างประเทศในกิจกรรมสตาร์ตอัพในเวียดนาม นักลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (เช่น สนามกอล์ฟและคาสิโน) เพียงแค่ต้องยื่นขออนุมัติจากคณะกรรมการประชาชนของจังหวัดและเมืองเท่านั้น เมื่อเทียบกับกฎหมายฉบับก่อน ที่ข้อเสนอต้องได้รับอนุมัติจากนายกรัฐมนตรี นี่เป็นหนึ่งในการปรับเปลี่ยนที่สำคัญของการปฏิรูปขั้นตอนการบริหาร

เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ (เวียดนามมีความได้เปรียบจากการที่ประชากรในวัยทำงานสัดส่วนสูงด้วย) ปัจจุบันเวียดนามอยู่ในยุคทองของประชากร โดย 75% ของประชากรอยู่ในวัยทำงานได้ยาวนานประมาณ 30 ปี

ปัจจุบัน ไทยเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับที่ 9 ในบรรดา 140 ประเทศและเขตปกครองที่ลงทุนในเวียดนาม ด้วยมูลค่าลงทุนรวมกว่า 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในแง่ของการค้า ไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยมีมูลค่าการซื้อขายระหว่างกันในปี 2564 รวม 19.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีมูลค่ารวม 10.6 พันล้านดอลลาร์

ตลาดเวียดนามเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทยมากว่าทศวรรษ กลุ่มบริษัทชั้นนำของไทยทั้งหมดได้เข้าไปดำเนินงานในเวียดนามแล้ว โดยมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี นักลงทุนชาวไทยสนใจที่จะดำเนินธุรกิจในหลายภาคส่วนในเวียดนาม เช่น อาหารสัตว์และเกษตรกรรม พลังงานหมุนเวียน บรรจุภัณฑ์ การขายปลีกและการจัดจำหน่าย ปิโตรเคมี การแปรรูปอาหาร ผลิตภัณฑ์พลาสติก และเครื่องดื่มชูกำลัง

ในเดือนกรกฎาคม เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น ธุรกิจค้าปลีกของไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุนชาวไทยรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ได้เปิดเผยแผนลงทุน 5 ปีด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 3 หมื่นล้านบาท (829.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อขยายการดำเนินงานในเวียดนาม

Olivier Langlet ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม (Central Retail Vietnam) กล่าวว่าระหว่างปี 2565 ถึง 2569 เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม ตั้งเป้าที่จะเป็นแพลตฟอร์มแบบหลายช่องทางและธุรกิจศูนย์กลางอาหารและการค้าชั้นนำในเวียดนาม รวมทั้งเพิ่มรายได้เป็น 1 แสนล้านบาท พร้อมขยายธุรกิจดำเนินการใน 55 เมืองจาก 63 เมืองและจังหวัดของเวียดนาม

หมายเหตุ
รายงานโดย พันธมิตรไทยพับลิก้าในเวียดนาม สรุปภาวะเศรษฐกิจของเวียดนาม สมาชิกอาเซียนที่คาดว่าจะได้รับความสนใจอย่างมากในการประชุม APEC 2022 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายน 2565 ที่ประเทศไทย

Note
Reported by Thaipublica’s associates in Vietnam. Vietnam economy which has some updated information. Vietnam is expected to attract attention at APEC 2022 to be held during 14-19 November 2022 in Thailand.