รฟม.แจงปมส่วนต่างประมูล “รถไฟฟ้าสายสีส้ม” 6.8 หมื่นล้าน ทุกประเด็น ยืนยันเกณฑ์การคัดเลือกผู้ชนะ ไม่ได้พิจารณาเฉพาะตัวเลขผลประโยชน์ตอบแทนอย่างเดียว ชี้ BTSC เสนอราคาแตกต่างจากผลการศึกษาที่ ครม.อนุมัติ เป็นจำนวนมาก
หลังจากที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) จัดเวทีสาธารณะในหัวข้อ “6.8 หมื่นล้าน ในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ผลประโยชน์ หรือ ค่าโง่ ที่ภาครัฐต้องมีคำตอบ” รวมทั้งมีกระแสข่าวว่าทางบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) มีหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เรื่องคัดค้านและไม่ให้ความเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ตามประกาศเชิญชวน และเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ ฉบับเดือนพฤษภาคม 2565 นั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ออกแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ด้านตะวันตก และกรณี BTSC ยื่นฟ้อง รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือก ตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 (คณะกรรมการคัดเลือกฯ) ต่อศาลปกครองและศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมทั้งหมด 5 ประเด็น ดังนี้
1) ประเด็น BTSC ฟ้องศาลปกครอง คดีหมายเลขดำที่ 2280/2563
2) ประเด็น BTSC ฟ้องศาลปกครอง คดีหมายเลขดำที่ 580/2564
3) ประเด็น BTSC ฟ้องศาลปกครองคดีหมายเลขดำที่ 1646/2565
4) ประเด็น BTSC ฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ คดีหมายเลขดำที่ อท30/2564
จากข้อเท็จจริงในการดำเนินคดี ไม่ปรากฏว่ามีบทกฎหมาย ห้ามมิให้ รฟม. หรือ คณะกรรมการคัดเลือกฯ ดำเนินการคัดเลือกเอกชนครั้งใหม่ตามอำนาจหน้าที่แต่อย่างใด การดำเนินการคัดเลือกเอกชนครั้งใหม่นี้ จึงเป็นกรณีที่ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกฯ จำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ซึ่งเป็นการจัดทำบริการสาธารณะ สามารถดำเนินการได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ อันเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของรัฐและประชาชน มิใช่ต้องหยุดชะงักลงเพียงเพราะการดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นไปตามความประสงค์ของเอกชนรายใดรายหนึ่ง
5) ประเด็นผลการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ
5.1 ประเด็นคณะกรรมการของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ในการดำเนินการยื่นข้อเสนอตามเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (RFP) ระบุให้ ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องตรวจสอบและรับรองเอกสารข้อเสนอของผู้ยื่นข้อเสนอ โดยผู้ยื่นข้อเสนอทั้ง 2 รายได้มีการยื่นหนังสือรับรองคุณสมบัติในการเข้าร่วมการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน ในกรณีที่ปรากฏว่ามีข้อเท็จจริงใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอมีความไม่ถูกต้องหรือเป็นเท็จ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกฯ มีสิทธิที่จะไม่ยอมรับข้อเสนอ หรือ ปฏิเสธที่จะทำสัญญากับเอกชนรายนั้นได้ ทั้งนี้ ในประเด็นดังกล่าว ได้มีการพิจารณาแล้วเห็นว่า ประกาศคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เรื่อง ลักษณะของเอกชนที่ไม่สมควรร่วมลงทุนในโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 นั้น ได้กำหนดลักษณะของเอกชนที่ไม่สมควรให้ร่วมลงทุนในโครงการร่วมลงทุน โดยเอกชนที่มีลักษณะดังกล่าว ไม่มีสิทธิได้รับคัดเลือกเป็นคู่สัญญาในโครงการร่วมลงทุน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความรอบคอบในการดำเนินการคณะกรรมการคัดเลือกฯ จึงมีข้อสรุปว่า เมื่อได้ผู้ผ่านการคัดเลือก แล้วหากพบว่ามีข้อสงสัยในประเด็นตามประกาศคณะกรรมการนโยบายร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนฯดังกล่าว จะได้สอบถามไปยังคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ก่อนการประกาศรายชื่อผู้ชนะการคัดเลือกต่อไป ทั้งนี้ เมื่อ ITD Group ไม่ได้เป็นผู้ผ่านการคัดเลือกฯ จึงไม่ต้องดำเนินการใดๆ
5.2 ประเด็นข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทนของ BTSC ที่ใช้ยื่นข้อเสนอในการคัดเลือกเอกชนตาม RFP ฉบับเดือน กรกฎาคม 2563
ข้อเสนอฯ ที่กล่าวอ้าง เป็นเอกสารที่ รฟม. มิได้เปิดซองเอกสาร และได้ส่งคืน BTSC แล้ว เนื่องจากได้มีการยกเลิกการคัดเลือกฯ ข้อเสนอฯ จึงไม่อยู่ในกระบวนการคัดเลือกที่ต้องตรวจสอบ และประเมินซองข้อเสนอด้านคุณสมบัติ และซองข้อเสนอด้านเทคนิค เพื่อให้ รฟม. มั่นใจได้ว่าผู้ยื่นข้อเสนอจะสามารถดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ มีความปลอดภัย และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายที่จะเกิดต่อประเทศชาติและประชาชนได้ มิใช่การพิจารณาเพียงตัวเลขสรุปผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐเท่านั้น ทั้งนี้ รฟม. มีข้อสังเกตว่า ตัวเลขดังกล่าวของ BTSC มีความแตกต่างจากผลการศึกษาที่ รฟม. นำเสนอขออนุมัติโครงการต่อคณะรัฐมนตรีไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งผลการศึกษาได้ใช้สมมติฐานทางการเงินตาม MRT Assessment Standardization ที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นสมมติฐานที่น่าเชื่อถือ และใช้ในทุกโครงการของ รฟม. รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ และ สายสีเหลือง ฯ ที่ BTSC ได้ยื่นข้อเสนอโดยเสนอขอรับการสนับสนุนสุทธิเป็นไปตามผลการศึกษา จนกระทั่งได้รับคัดเลือกเป็นผู้รับสัมปทาน
5.3 การดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน ตามประกาศเชิญชวนฯ และเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน ฉบับเดือนพฤษภาคม 2565 ได้ดำเนินการตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เรื่อง แนวทางปฏิบัติ สำหรับการนำข้อตกลงคุณธรรมมาใช้กับโครงการร่วมลงทุนที่ดำเนินการ ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 พ.ศ. 2564 และประกาศสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เรื่อง ข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) โดยองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ตัวแทนจากภาคเอกชน ได้ส่งผู้สังเกตการณ์ 5 ท่าน เข้าร่วมในการดำเนินการทุกขั้นตอน
ทั้งนี้ผู้สังเกตการณ์มีหน้าที่ต้องจัดทำรายงานผลการสังเกตการณ์ และในกรณีที่พบเห็นพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางทุจริตให้แจ้งคณะกรรมการคัดเลือกฯโดยเร็ว เพื่อให้มีการชี้แจงหรือแก้ไขในระยะเวลาที่ผู้สังเกตการณ์กำหนด หากคณะกรรมการคัดเลือกฯ ไม่ชี้แจง หรือ แก้ไข ให้ผู้สังเกตการณ์แจ้งองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เพื่อรายงานต่อ สคร. และกระทรวงเจ้าสังกัดพิจารณาดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง สำหรับกรณีการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ตามประกาศเชิญชวนฯ ฉบับวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 ซึ่งผู้สังเกตการณ์ได้เข้าร่วมการประชุมครบทุกครั้ง ไม่ปรากฏว่า คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้รับแจ้งข้อสังเกตใดจากผู้สังเกตการณ์
การคัดเลือกเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ตามประกาศเชิญชวนฯ ฉบับเดือน พฤษภาคม 2565 ได้ผ่านการตรวจสอบจากกระบวนยุติธรรม และการตรวจสอบจากตัวแทนภาคเอกชนที่มีวัตถุประสงค์ในการต่อต้านคอร์รัปชันที่น่าเชื่อถือ ตามหลักการข้อตกลงคุณธรรม มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เปิดกว้างให้เอกชนสามารถร่วมแข่งขันเสนอราคา และการดำเนินการทุกขั้นตอนเป็นไปตามขอบเขตอำนาจที่กฎหมายกำหนด
อนึ่ง โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร แบ่งเป็นส่วนตะวันออก (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์)) ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี) และส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี (สถานีใต้ดินตลอดสาย)