ASEAN Roundup ประจำวันที่ 16-22 ตุลาคม 2565
อินโดนีเซียยกเว้นภาษี 20-30 ปีนักลงทุนสร้างเมืองหลวงใหม่

อินโดนีเซียจะให้สิทธิประโยชน์จูงใจให้กับบริษัทต่างๆ ที่เข้าลงทุนในโครงการมูลค่า 32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อสร้างเมืองหลวงใหม่ในประเทศที่เรียกว่านูซันตารา จากการเปิดเผยของบัมบัง ซูซานโตโน ผู้อำนวยการสำนักงานเมืองหลวงแห่งชาตินูซันตารา ในงานแนะนำโครงการทุนใหม่ที่จัดขึ้นในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงปัจจุบัน เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม
“เราจะให้สิทธิประโยชน์จูงใจทางการเงินและที่ไม่ใช่ทางการเงิน ซึ่งรวมถึงการลดหย่อนภาษี 30 ปีสำหรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะมูลค่ากว่า 10 พันล้านรูปียะห์ (645,000 ดอลลาร์สหรัฐ)”
นอกจากนี้ยังจะมีการยกเว้นภาษี 20 ปีให้กับการลงทุนในห้างสรรพสินค้า สถานที่ท่องเที่ยว และสิ่งอำนวยความสะดวก และรัฐบาลมีแผนที่จะเสนอการลดหย่อนภาษี 350% สำหรับการลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาในนูซันตารา
“นี่เป็นโอกาสหนึ่งในชีวิต…ในการสร้างเมืองนี้” ซูซานโตโนกล่าว พร้อมเสริมว่า รัฐบาลจะจัดตั้งองค์กรธุรกิจเพื่อเร่งการทำข้อตกลงกับภาคเอกชน
การก่อสร้างเขื่อนและถนนได้เริ่มขึ้นแล้วที่เมืองหลวงแห่งใหม่ บนพื้นที่ที่ไม่ได้เคยมีการพัฒนาซึ่งรายล้อมไปด้วยป่าชื้นอันกว้างใหญ่ของเกาะบอร์เนียว มีคนงานก่อสร้างมากถึง 100,000 คน ซึ่งจะเร่งดำเนินการในปีหน้าเพื่อเตรียมพื้นที่ให้พร้อมภายในวันที่ 17 สิงหาคม 2567 เพราะประธานาธิบดีโจโก วีโดโด ต้องการฉลองวันประกาศอิสรภาพของอินโดนีเซียที่ทำเนียบประธานาธิบดีแห่งใหม่
ซูซานโตโนเรียกร้องให้ผู้ที่เข้าร่วมงานพิจารณาการลงทุนในด้านต่างๆ เช่น การดูแลสุขภาพ การศึกษา และความบันเทิงในเมืองหลวงแห่งใหม่ โดยสัญญาว่าจะออกหลักเกณฑ์การให้สิทธิประโยชน์จูงใจในเร็วๆ นี้
เมืองหลวงใหม่นี้จะถูกสร้างให้เป็นเมืองอัจฉริยะบนฐานป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ โดยพื้นที่สีเขียวคิดเป็น 70% ของพื้นที่ทั้งหมด
ด้านประธานาธิบดีวีโดโดกล่าวเมื่อต้นเดือนว่า อินโดนีเซียได้รับความไว้วางใจจากบริษัทใหญ่ๆ ของโลกในฐานะจุดหมายปลายทางการลงทุน แม้จะมีวิกฤติการเงินโลกในปัจจุบันก็ตาม
“แม้ว่าโลกจะเผชิญภาวะวิกฤติทางการเงิน แต่อินโดนีเซียก็ยังได้รับความไว้วางใจที่เข้ามาลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก” ประธานาธิบดีวีโดโดกล่าวในการวางศิลาฤกษ์โรงงาน Wavin Manufacturing Indonesia ของ Orbia ในนิคมอุตสาหกรรม Batang Integrated Industrial Estate (KITB) ) อำเภอบาตัง ชวากลาง
ประธานาธิบดีวีโดโดกล่าวถึงเหตุผลที่อินโดนีเซียยังคงได้รับความไว้วางใจจากบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกว่า ความไว้วางใจของบริษัทระดับโลกในอินโดนีเซียยังคงสูง เป็นผลจากเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศ และย้ำว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้รับความไว้วางใจในฐานะจุดหมายปลายทางการลงทุน
“เมื่อประเทศใดถูกตราหน้าว่าไม่ดีต่อการลงทุน ก็ไม่มีประเทศใดอยากมาบ้านเรา และถ้าไม่มีใครอยากมา หมายความว่าอย่างไร เราต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ”
การลงทุนในปัจจุบันเป็นสิ่งที่เกือบทุกประเทศในโลกพากันแย่งชิง เพราะการลงทุนสามารถเพิ่มมูลค่า สร้างงาน และเพิ่มรายได้ของรัฐ ดังนั้น จึงเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย
“สิ่งที่เราจะดำเนินการต่อไปคือดึงการลงทุน เพราะมันจะสร้างโอกาสในการสร้างงานมหาศาลอีกครั้ง จากนั้นภาษีจะเพิ่มรายได้ของรัฐและทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเรา”
ธนาคารกลางลาวห้ามร้านรับแลกเงินขายเงินตราต่างประเทศ

คำสั่งห้ามมีขึ้นเพื่อสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลในการให้ธนาคารพาณิชย์มีบทบาทมากขึ้นในการซื้อและขายเงินตราต่างประเทศ ในขณะที่จำกัดบทบาทของร้านรับแลกเปลี่ยนเงินในการซื้อขายสกุลเงิน
ภายใต้นโยบายใหม่ ร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราจะได้รับอนุญาตให้ซื้อเงินตราต่างประเทศจากลูกค้า แต่ห้ามขายสกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่เงินกีบ จัดว่าเป็นการดำเนินการครั้งล่าสุดของธนาคารกลางในการควบคุมสกุลเงินต่างประเทศ ท่ามกลางการอ่อนค่าที่ต่อเนื่องของเงินกีบ ซึ่งทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
ประกาศของธนาคารแห่ง สปป.ลาว กำหนดว่า ร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราที่เป็นตัวแทนของธนาคารอาจซื้อดอลลาร์สหรัฐในอัตราที่ขึ้นลงได้ในช่วง 3% เมื่อเทียบกับอัตราอ้างอิงที่กำหนดโดยธนาคารกลาง
อัตราการซื้อสกุลเงินอื่นไม่ควรเกินอัตราที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ธนาคารยังได้รับอนุญาตให้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินกีบต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงขึ้นลงไม่เกิน 4.5% เมื่อเทียบกับอัตราอ้างอิงประจำวันที่กำหนดโดยฝ่ายนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างระหว่างอัตราซื้อและขายระหว่างเงินกีบกับดอลลาร์สหรัฐ เงินบาท เงินหยวนและเงินยูโรต้องไม่เกิน 1%
ธนาคารพาณิชย์และร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราต้องรายงานอัตราแลกเปลี่ยนของตนในสื่อและต่อธนาคารกลางโดยใช้แพลตฟอร์มต่างๆ เช่น เว็บไซต์ของตนเอง
ธนาคารพาณิชย์มีหน้าที่รายงานผลการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนและของร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราที่เป็นตัวแทนไปยังธนาคารกลางภายในเวลา 16.00 น. ของวันทำการทุกวัน รายงานต้องระบุมูลค่าโดยรวมของสกุลเงินที่ซื้อขายและมูลค่าของแต่ละสกุลเงินที่ซื้อขาย
ฝ่ายนโยบายการเงินของธนาคารกลางจะประกาศอัตราอ้างอิงเงินกีบและเงินดอลลาร์สหรัฐประจำวันทุกวันทำการอย่างเป็นทางการ เวลา 08.10 น. บนเว็บไซต์ของธนาคารกลาง เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์และร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราที่เป็นตัวแทนใช้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนของตนเอง
ในเดือนมิถุนายนปีนี้ ธนาคารแห่ง สปป.ลาว ได้กำหนดข้อจำกัดเกี่ยวกับร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยอนุญาตให้เปลี่ยนเงินเฉพาะบุคคลและนักท่องเที่ยว สูงสุด 15 ล้านกีบต่อคนต่อวัน
รวมทั้งห้ามร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราซื้อขายเงินตราต่างประเทศกับองค์กรและบริษัทต่างๆ ปัจจุบันมีเพียงธนาคารพาณิชย์เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ซื้อขายเงินตราต่างประเทศกับผู้นำเข้า ผู้ส่งออก นักลงทุน และนิติบุคคลอื่นๆ
อุตสาหกรรมจัดการสินทรัพย์สิงคโปร์โตเป็นประวัติการณ์

อุตสาหกรรมการจัดการสินทรัพย์ของสิงคโปร์ เติบโตขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้ว แซงหน้าการเติบโตของภาคธุรกิจจากทั่วโลก เพราะได้ประโยชน์จากธุรกิจที่เพิ่มขึ้นจากกองทุนระดับโลกและระดับภูมิภาค
ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) กล่าวว่า สินทรัพย์ภายใต้การบริหารในสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 16% ในปี 2564 เป็น 5.4 ล้านล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (3.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้น 12% ทั่วโลกเป็น 112 ล้านล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
ด้วยมาตรการอันเข้มงวดในการต่อสู้กับโควิด-19 ในประเทศจีนและฮ่องกง ผู้ประกอบการและนักลงทุนต่างตั้งร้านหรือขยายการลงทุนในสิงคโปร์
MAS เปิดเผยผลสำรวจซึ่งพบว่า การเติบโตของสินทรัพย์ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบเป็นรายปีในภาคการลงทุนทางเลือก ซึ่งประกอบด้วยไพรเวทอิควิตี้ (private equity), เงินร่วมลงทุน (venture capital) กองทุนเฮดจ์ฟันด์, อสังหาริมทรัพย์ และทรัสต์เพื่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์
“ภายในภาคการลงทุนทางเลือก การเติบโตของกองทุนไพรเวทอิควิตี้และสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของเงินทุนร่วมทุนที่แข็งแกร่ง ในอัตรา 42% และ 48% ตามลำดับ” MAS ระบุในรายงานประจำปี
ผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนร่วมลงทุนรายงานว่า ผงแห้งหรือทุนที่ตกลงกันไว้แต่ยังไม่ได้ถอนออก รวมมูลค่า 90 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์และ 5 พันล้านดอลลาร์ตามลำดับ
สำนักงานครอบครัว (family business) และเงินทุนจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่สิงคโปร์ โดยเฉพาะจากประเทศจีน กองทุนและผู้ประกอบการต่างแย่งซื้ออสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียมและสนับสนุนสตาร์ทอัปในสิงคโปร์และภูมิภาค
MAS ระบุว่า จำนวนบริษัทจัดการกองทุนที่ได้รับอนุญาตและจดทะเบียนในสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 15% เป็น 1,108 แห่ง ณ เดือนธันวาคมปีที่แล้ว กองทุนยังได้ใช้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีและสิทธิประโยชน์จูงใจที่สิงคโปร์เสนอ เพื่อตอกย้ำความน่าเชื่อถือในฐานะศูนย์กลางบริการทางการเงินที่สำคัญแห่งหนึ่งของเอเชีย
การเปิดตัวโครงสร้างธุรกิจใหม่ที่เรียกว่า Variable Capital Companies (VCC) ในสิงคโปร์ในปี 2563 ได้ดึงดูดผู้จัดการสินทรัพย์ในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงสำนักงานของครอบครัว เฮดจ์ฟันด์ และไพรเวทอิควิตี้
การสำรวจของ MAS ระบุว่า VCC มากกว่า 660 แห่งได้รับการจัดตั้งขึ้นหรือตั้งถิ่นฐานใหม่ในสิงคโปร์ ณ วันที่ 14 ต.ค. ปีนี้ เทียบกับมากกว่า 400 แห่งในปีก่อนหน้า
เมียนมาดึง FDI จากจีน 129 ล้านดอลลาร์ในรอบ 6 เดือน

บริษัทต่างชาติทั้งหมด 29 แห่ง ใส่เงิน 129 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เข้าสู่ภาคการผลิตของเมียนมาในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน 2565-2566 รวมถึงการขยายทุนของบริษัทที่ดำเนินการอยู่แล้ว จากข้อมูลตามสถิติที่เผยแพร่โดย Directorate of Investment and Company Administration (DICA) หรือหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านการลงทุนและการจัดตั้งบริษัทของเมียนมา
เมียนมาดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจำนวน 1.24 พันล้านดอลลาร์จาก 39 บริษัทในช่วงเดือนเมษายน-กันยายน การลงทุนส่วนใหญ่เข้าสู่ภาคการผลิต ภาคพลังงานได้รับ 702.4 ล้านดอลลาร์จาก 6 โครงการ ขณะที่บริษัทหนึ่งทุ่มเงิน 29 ล้านดอลลาร์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทต่างประเทศอีก 2 แห่งลงทุน 378 ล้านดอลลาร์ในภาคบริการตามลำดับ นอกจากนี้ ภาคปศุสัตว์และการประมงยังมีการขยายทุน 1.545 ล้านดอลลาร์
สถานประกอบการด้านการผลิตและธุรกิจที่ต้องการกำลังแรงงานจำนวนมากได้รับความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เพื่อสร้างโอกาสในการทำงานให้กับชุมชนท้องถิ่น ตามรายงานของคณะกรรมการการลงทุนเมียนมา
แม้สถานประกอบการที่ใช้แรงงานจำนวนมากต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินจากผลกระทบด้านลบของการระบาดของโควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่ตอนนี้อุตสาหกรรมกำลังกลับสู่สภาวะปกติหลังจากโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้คนงานตามรายงานของไอเอชมาร์กิตในเดือนกันยายน และยังมีบริการการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ให้กับคนงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่ย่างกุ้งและเนปยีดอ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากยูนิเซฟเมียนมา เพื่อเพิ่มผลผลิตของโรงงานด้วยแรงงานที่มีสุขภาพดีในอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้า
สมาคมผู้ผลิตเครื่องนุ่งห่มเมียนมาได้จัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านกฎหมายแรงงานและการฝึกอบรม ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 โดยได้รับการสนับสนุนจากยูนิเซฟในเมียนมา มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมทักษะทางสังคมที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรม และสร้างสถานที่ทำงานที่ดีขึ้นสำหรับคนงานตัดเย็บเสื้อผ้า
นอกจากนี้ สมาคมจะเปิดตัวการประเมินการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านแรงงานโดยสมัครใจผ่านระบบออนไลน์ (voluntary labour compliance assessment — VLCA Online System) ในเดือนพฤศจิกายน 2565
ภาคการผลิตของเมียนมาส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอที่ผลิตแบบ cutting making packaging (CMP) และมีส่วนใน GDP ของประเทศมากในระดับหนึ่ง
เมียนมาดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากกว่า 647.127 ล้านดอลลาร์จาก 49 บริษัทในปีงบประมาณย่อยที่ผ่านมา (ตุลาคม 2564 ถึงมีนาคม 2565) ในจำนวนนี้ มีบริษัทต่างชาติ 40 แห่งลงทุนในภาคการผลิต โดยใส่เงินลงทุนประมาณ 202.667 ล้านดอลลาร์
อาเซียน–อียูลงนามข้อตกลงการบินเชื่อมโยง 1.1 พันล้านคน

วันที่ 17 ตุลาคม สหภาพยุโรปและสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงการขนส่งทางอากาศที่ครอบคลุม ซึ่งจะเปิดโอกาสในการขนส่งทางอากาศมากขึ้น และยกระดับการเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างสองภูมิภาค ในขณะเดียวกันก็ยกระดับกฎเกณฑ์และมาตรฐานสำหรับเที่ยวบินที่เกี่ยวข้อง ข้อตกลงจะมีผลบังคับใช้ทันทีด้วยการกำหนดมาตรฐานระดับโลกที่กำหนดให้ทั้ง 37 ประเทศในทั้งสองภูมิภาคมีการแข่งขันที่เป็นธรรมและปรับปรุงสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อม ถือเป็นตัวอย่างล่าสุดของข้อตกลงการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศชุดใหม่ และเป็นการให้โอกาสใหม่สำหรับผู้บริโภค สายการบิน และสนามบิน ทั้งในยุโรปและในกลุ่มประเทศอาเซียน
อาดินา วาลีน กรรมาธิการด้านคมนาคมกล่าวว่า “ข้อตกลงการขนส่งทางอากาศแบบ ‘bloc-to-bloc’ ครั้งแรกที่ทำมานี้ นำความเป็นหุ้นส่วนด้านการบินของสหภาพยุโรป–อาเซียนไปสู่ระดับใหม่ โดยจะสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการบินหลังโควิด-19 และฟื้นฟูการเชื่อมโยงที่มีความสำคัญมากเพื่อประโยชน์ของผู้คนประมาณ 1.1 พันล้านคน ทำให้ธุรกิจ การค้า การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนระหว่างบุคคลมีมากขึ้น โดยจะเข้ามาแทนที่ข้อตกลงการให้บริการทางอากาศทวิภาคีมากกว่า 140 ฉบับ และกลายเป็นข้อตกลงหนึ่งและลดการทุจริตคอร์รัปชัน นอกจากนี้ ยังสร้างแพลตฟอร์มใหม่ที่จะทำงานร่วมกันเพื่อมุ่งสู่ความมุ่งมั่นร่วมกันในด้านการบินที่ยั่งยืนทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม”
อาเซียนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจระดับโลกที่มีตลาดการบินเติบโตอย่างรวดเร็ว ในปี 2563 อาเซียนเป็นตลาดการขนส่งสินค้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของสหภาพยุโรป และใหญ่เป็นอันดับที่ 16 สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางมากกว่า 8 ล้านคน นอกจากนี้ ยังแนะนำกรอบการทำงานที่ทันสมัยสำหรับบริการทางอากาศระหว่างยุโรปและเอเชีย ซึ่งเปิดโอกาสในขณะที่รับรองมาตรฐานระดับสูง จึงเป็นการลงทุนในอนาคต
ข้อตกลงในวันนี้ทำให้มีสนามแข่งขันที่เท่าเทียมกัน และคาดว่าจะนำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆ ในการขนส่งทางอากาศและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสำหรับทั้งสองฝ่าย
โดยเข้ามาแทนที่ข้อตกลงการให้บริการทางอากาศแบบทวิภาคีมากกว่า 140 ฉบับ ซึ่งทำให้มีกฎเกณฑ์ชุดเดียวและลดการทุจริตคอร์รัปชัน ปัจจุบันประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่ไม่มีข้อตกลงทวิภาคีกับรัฐอาเซียนได้รับการคุ้มครองโดยกรอบกฎหมายที่ทันสมัย
สายการบินในสหภาพยุโรปทั้งหมดจะสามารถให้บริการเที่ยวบินตรงจากสนามบินใดก็ได้ในสหภาพยุโรปไปยังสนามบินทั้งหมดในอาเซียน และจะมีผลเช่นกันเดียวกับสายการบินในอาเซียน ซึ่งจะช่วยให้สายการบินของสหภาพยุโรปและอาเซียนสามารถแข่งขันกับคู่แข่งที่มุ่งเป้าไปที่ตลาดสหภาพยุโรป-อาเซียนที่ทำกำไรได้
สายการบินจะสามารถให้บริการผู้โดยสารได้ถึง 14 เที่ยวต่อสัปดาห์ไปยังหรือจากแต่ละประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป และบริการขนส่งสินค้าจำนวนเท่าใดก็ได้ทั้งผ่านและออกทั้งสองภูมิภาค ไปยังประเทศที่สาม
ข้อตกลงนี้รวมถึงข้อกำหนดการแข่งขันที่ทันสมัยและเป็นธรรมเพื่อจัดการกับการบิดเบือนของตลาด
ทั้งสองฝ่ายยังตระหนักถึงความสำคัญของประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ตกลงที่จะให้ความร่วมมือและปรับปรุงกฎหมายและนโยบายด้านสังคมและแรงงานของตน
ในปี 2559 คณะกรรมาธิการได้รับอนุญาตจากสภาเพื่อเจรจาข้อตกลงการบินระดับสหภาพยุโรปกับอาเซียน การเจรจาได้ข้อสรุปในเดือนมิถุนายน 2564
ข้อตกลงการขนส่งทางอากาศที่ครอบคลุมของสหภาพยุโรปที่คล้ายกันได้ลงนามกับประเทศพันธมิตรอื่นๆ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา กาตาร์ บอลข่านตะวันตก โมร็อกโก จอร์เจีย จอร์แดน มอลโดวา อิสราเอล ยูเครน และอาร์เมเนีย
ข้อตกลงเริ่มมีผลบังคับใช้นับจากวันที่ลงนาม ในขั้นตอนต่อไป ทั้งสองฝ่ายจะเริ่มกระบวนการให้สัตยาบันตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องเพื่อบังคับใช้ข้อตกลง