ThaiPublica > ประเด็นสืบสวน > เพิ่มสลากออนไลน์ 20 ล้านใบ ท้าพิสูจน์ “ความจริงใจ” รัฐบาลประยุทธ์ แก้หวยแพง

เพิ่มสลากออนไลน์ 20 ล้านใบ ท้าพิสูจน์ “ความจริงใจ” รัฐบาลประยุทธ์ แก้หวยแพง

23 มิถุนายน 2022


เพิ่มสลากออนไลน์ 20 ล้านใบ ท้าพิสูจน์ “ความจริงใจ” รัฐบาลประยุทธ์ แก้หวยแพง ล่าสุด บอร์ดสลาก ฯไฟเขียวกรอบการจำหน่าย “สลากดิจิทัล” เป็นงวดละ 20 ล้านใบ ภายในปี 2565 เริ่มขาย 7 ล้านใบ ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.เป็นต้นไป หากขายหมดเกลี้ยงเหมือน 2 งวดที่ผ่านมา เพิ่มอีกงวดละ 2 ล้านใบ เพื่อใช้เป็นกลไกแทรกแซงราคา-แก้หวยแพง นอกจากนี้ยังมีมติเพิ่มจุดจำหน่ายสลาก 80 บาทขายตามปั้มน้ำมันอีก 2,000 จุด

จากผลการจำหน่าย “สลากดิจิทัล” 2 งวดที่ผ่านมาที่จบอย่างรวดเร็ว โดยงวดแรกเริ่มขายเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2565 เวลา 6 โมงเช้าถึงช่วงบ่ายของวันที่ 6 มิถุนายน 2565 สลากดิจิทัล 5,173,500 ใบ ใช้เวลาขายไม่ถึง 5 วันก็หมดเกลี้ยง โดยมีประชาชน 1,247,406 ล้านรายเข้ามาซื้อสลากดิจิทัลผ่านแอปฯ เป๋าตัง

งวดที่ 2 เปิดขายสลากดิจิทัล 5,151,500 ฉบับ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2565 เวลา 6 โมงเช้า ถึงเวลา 8.23 น. ของวันที่ 19 มิถุนายน 2565 ใช้เวลาเพียงแค่ 2 วัน กับอีก 2 ชั่วโมง ก็ขายหมดเกลี้ยงอีก โดยงวดนี้มีคอหวยประมาณ 987,786 รายเข้ามาซื้อสลากดิจิทัลใบละ 80 บาทจากตัวแทนจำหน่ายจำนวน 10,303 ราย ที่มาเปิดร้านขายสลากอยู่ในแอปฯ เป๋าตัง

จากผลการจำหน่ายสลากดิจิทัลในช่วง 2 งวดที่ผ่านมา ถือเป็นบทพิสูจน์แล้วว่า ถ้าขายสลากใบละ 80 บาท ไม่ว่าเลขสวยหรือเลขไม่สวย ผลคือ “ขายหมดเกลี้ยง” ย้อนแย้งกับเหตุผลที่ผู้ค้าสลากมักใช้เป็นข้ออ้างเสมอว่าเหตุที่ต้องขายสลากเกินราคา (ใบละ 100-120 บาท) เป็นเพราะสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลให้ส่วนลดหรือกำไรแก่ผู้ค้าน้อยเกินไป แค่ใบละ 9.60 บาท ขณะที่ผู้ค้าสลากต้องแบกรับต้นทุนกรณีขายสลากไม่หมดหรือเหลือ โดยเฉพาะเลขไม่สวย เช่น 000, 001, 00 เป็นต้น ซึ่งในสลาก 1 เล่ม (100 ใบ) จะมีเลขกลุ่มนี้อยู่ประมาณ 10% ทำให้ต้องขายเกินราคาหรือบวกกำไรเข้าไป เพื่อให้ครอบคลุมภาระต้นทุนในส่วนนี้ด้วย

ปัจจุบันสำนักงานสลากฯ จัดสรรโควตาสลากให้ตัวแทนจำหน่ายรายย่อยคนละ 5 เล่ม หรือ 500 ใบ แต่ละงวดต้องใช้เงินลงทุนเพื่อไปรับสลากจากสำนักงานฯ มาขาย 35,200 บาท ถ้าขายใบละ 80 บาทหมดเกลี้ยงจะได้กำไรงวดละ 4,800 บาท เดือนละ 9,600 บาท (1 เดือนมี 2 งวด) หรือปีละ 115,200 บาท ถามว่าสำนักงานสลากฯ ให้ส่วนลดหรือกำไรแก่ผู้ค้าสลากน้อยเกินไปหรือไม่นั้น ถ้ายึดอาชีพนี้เป็นอาชีพหลัก รายได้แค่นี้ถือว่าน้อยมาก

ประเด็นนี้จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนขายสลากใบหรือลอตเตอรีต้องขายเกินราคา เพราะไปรับสลากราคาแพงจากยี่ปั๊ว ซาปั๊ว มาเติมลงในแผงขายสลากเพื่อหารายได้เพิ่ม ทำให้ต้องบวกต้นทุนส่วนนี้เข้าไปด้วย

ต้นทุนสลากออกจากสำนักงานฯ ใบละ 70.40 บาท ผ่านพ่อค้าคนกลางบวกกำไรกันเป็นทอดๆ กว่าจะถึงมือผู้บริโภคกลายเป็นใบละ 100-120 บาท จากปัญหาดังกล่าวนี้ ทำให้สำนักงานสลากฯ ต้องมาคิดหาวิธีป้องกันไม่ให้มีการนำสลากไปซื้อ-ขายเปลี่ยนมือ ในขณะเดียวกันก็ต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายด้วย จึงใช้วิธีการนำสลากใบมาสแกนขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยได้รับความร่วมมือจากธนาคารกรุงไทย ดำเนินการออกแบบโครงการ “สลากดิจิทัล” ขึ้นมา เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ และความต้องการของทั้งผู้ซื้อและผู้ขายในโลกยุคปัจจุบัน ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด

ข้อดีหรือจุดเด่นของโครงการนี้ คือ ช่วยลดต้นทุน ทั้งยังอำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อและตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัล โดยสำนักงานสลากฯ เปิดรับสมัครให้ตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัล 10,303 รายนำสลากมาฝากขายบนแอปฯ “เป๋าตัง” ฟรี ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนให้กับคนขายสลากตัวจริงลงไปได้มาก เช่น ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเดินทางเข้ามาเร่ขายหวยในกรุงเทพฯ หรือหัวเมืองหลัก ไม่ต้องมาเสียค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร 3 มื้อ และก็ไม่ต้องเสียเวลาถีบจักรยานหรือเดินเร่ขายหวย แค่นำสลากมาสแกนขายผ่านแอปฯ เป๋าตัง จากนั้นก็มารอลุ้นว่าจะขายหมดหรือไม่

จากเงินลงทุนในงวดแรกที่ 35,200 บาท ถ้าขายหมดสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ค้าสลากเดือนละ 9,600 บาท หรือปีละ 115,200 บาท เงินจำนวนนี้ ถ้ายึดเป็นอาชีพหลัก ก็อาจไม่พอกิน แต่ถ้าจะทำเป็นอาชีพเสริม ก็ถือว่าไม่เลวนัก เอาเวลาที่เหลือไปประกอบอาชีพอื่น หารายได้เสริม เช่น ทำนา ทำสวน ขับแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ เดลิเวอรี ขายอาหารตามสั่ง รับจ้างทั่วไป ขายของออนไลน์จะดีกว่าหรือไม่

ด้านผู้ซื้อซึ่งเป็นสมาชิกแอปฯ เป๋าตัง มีอยู่ประมาณ 41 ล้านคน ก็มีความสะดวกสบาย สามารถเลือกหรือค้นหาเลขจากสลากดิจิทัล 5 ล้านใบได้ตามที่ต้องการในราคา 80 บาท โดยที่ไม่ถูกพ่อค้าคนกลางเอารัดเอาเปรียบขายสลากเกินราคาอีกต่อไป ประหยัดทั้งค่ารถและเวลาในการเดินทางไปหาซื้อสลากตามแผงค้า ไม่ว่าผู้ซื้อจะอยู่ในมุมไหนของโลก ขอแค่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ก็สามารถทำรายการสั่งซื้อสลากดิจิทัลผ่านแอปฯ เป๋าตังได้

นอกจากนี้ ในแพลตฟอร์มออนไลน์ของสำนักงานสลากฯ ยังถูกออกแบบให้มีระบบแจ้งเตือน กรณีถูกรางวัลก็จะมีการแจ้งให้ผู้ซื้อทราบผ่านแอปฯ เป๋าตัง และหลังจากที่มีการออกรางวัลเรียบร้อย สำนักงานสลากฯ จะโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของผู้ถูกรางวัลที่ผูกอยู่กับแอปฯ เป๋าตังภายใน 12 ชั่วโมง ยกเว้นถูกรางวัลที่ 1 ต้องมาขึ้นเงินรางวัลกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่สนามบินน้ำเท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดข้อพิพาทในกรณีสลากหาย และป้องกันการสวมสิทธิเรียกร้องในตัวสลากตามที่เคยปรากฏเป็นข่าวใหญ่มาแล้วก่อนหน้านี้ได้อย่างดี โดยยึดหลักผู้ที่โอนเงินจากแอปฯ เป๋าตังมาชำระค่าสลาก คือ เจ้าของสลากตัวจริง ส่วนสำนักงานสลากฯ ก็สามารถประหยัดงบประมาณในการจัดส่งไปรษณีย์ไปให้ผู้ค้าสลากทั่วประเทศ และยังช่วยป้องกันปัญหาขายสลากเกินราคาได้ด้วย

สำหรับผลการออกรางวัลในงวดประจำวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา มีสลากถูกรางวัล 73,191 ใบจากยอดขายสลากดิจิทัล 5,173,500 ใบ ในจำนวนนี้มีผู้โชคดีถูกรางวัล 41,419 ราย รวมยอดเงินรางวัล 247.43 ล้านบาท ทางสำนักงานสลากฯ ได้ดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ถูกรางวัลไปหมดแล้ว ยกเว้นรางวัลที่ 1 มีผู้ถูกรางวัลติดต่อขอขึ้นเงินรางวัลแล้ว 4 ราย

ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคา ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงมีข้อสั่งการให้สำนักงานสลากฯ เพิ่มปริมาณการจำหน่ายสลากดิจิทัลเข้าสู่ระบบเป็นงวดละ 10 ล้านใบ ทั้งนี้ เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 เวลา 15.00 น. นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมด้วย พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แถลงมาตรการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาด้วยการจำหน่ายสลากดิจิทัลผ่านแอปฯเป๋าตัง และโครงการจุดจำหน่ายสลาก 80 ณ ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สนามบินน้ำ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลว่า วันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลมีมติเห็นชอบกรอบในการพิจารณาเพิ่มปริมาณสลากดิจิทัลสูงสุดไม่เกิน 20 ล้านใบ ภายในปีนี้ โดยมอบอำนาจให้ฝ่ายบริหารของสำนักสลากฯพิจารณาปริมาณสลากแต่ละครั้งไม่เกิน 2 ล้านฉบับต่องวด เพื่อให้เพียงต่อความต้องการของประชาชนผู้ซื้อสลาก โดยพิจารณาถึงระยะเวลาในการขายที่เหมาะสม ควรมีสลากดิจิทัลวางขายอยู่บนแอปฯเป๋าตัง 7-10 วัน เพื่อใช้เป็นกลไกในการแทรกแซงราคาสลากให้อยู่ที่ 80 บาท/ใบ ทั้งนี้ คณะกรรมการสลากฯ ได้มีมติให้เพิ่มปริมาณสลากดิจิทัลอีก 2 ล้านใบ รวมเป็น 7 ล้านใบ เริ่มขายผ่านแอปฯเป๋าตังตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2565 เป็นต้น หากผลการตอบรับขายหมดในเวลารวดเร็วเหมือน 2 งวดที่ผ่านมา ให้พิจารณาเพิ่มปริมาณสลากดิจิทัลขึ้นไปอีก 2 ล้านใบในงวดถัดไป

“นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการสลากฯยังมีมติให้เพิ่มจุดจำหน่ายสลากราคา 80 บาท หรือที่เรียกว่า “สลาก 80” ในสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศอีกไม่น้อยกว่า 2,000 จุด ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการสลากฯได้มอบหมายให้ฝ่ายบริหารของสำนักงานสลากฯไปเจรจากับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) ซึ่งที่ผ่านมาทางสำนักงานสลากฯได้เริ่มดำเนินการโครงการจุดจำหน่ายสลาก 80 มาแล้ว 1 ปี มีจุดจำหน่ายทั้งหมด 754 จุดกระจายอยู่ทั่วประเทศ และยังมีบางส่วนอยู่ระหว่างทำสัญญา คาดว่าตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 เป็นต้นไปจะมีจุดจำหน่ายสลาก 80 ทั่วประเทศ 1,077 จุด และภายในปีนี้สำนักงานสลากฯ จะนำร่องขยายจุดจำหน่ายสลาก 80 ผ่านแอปฯเป๋าตัง ไปที่สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 2,000 จุด และหากได้รับการตอบรับที่ดีจะขยายเพิ่มต่อไป”นายลวรณ กล่าว

อ่าน แถลงข่าวสำนักงานสลากฯเพิ่มสลากดิจิทัล 20 ล้านใบในปีนี้ เพิ่มเติม

สำหรับเหตุผลที่สำนักงานสลากฯ ไม่เพิ่มปริมาณการจำหน่ายสลากดิจิทัลเป็นงวดละ 20 ล้านใบเข้าสู่ระบบทันที เพราะเกรงว่าจะกระทบกับยอดขายของตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัล และสลากที่เป็นใบ (หวยกระดาษ) หากขายไม่หมด หรือ ขายเหลือ จะส่งผลทำให้กำไรของตัวแทนจำหน่ายลดลง ดังนั้น การเพิ่มปริมาณสลากดิจิทัลเข้าสู่ระบบจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ โดยคำนึงถึงความสมดุลในการจัดจำหน่ายระหว่างสลากดิจิทัลกับสลากใบ โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ การแก้ปัญหาสลากเกินราคา และเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชน ไม่ได้มีเจตนาที่จะนำสลากดิจิทัลมาขายแข่งกับสลากใบ แต่ผลการจำหน่ายสลากดิจิทัล 2 งวดที่ผ่านมา หมดเร็วเกินไป ทำให้สำนักงานสลากฯ ต้องพิจารณาเพิ่มปริมาณสลากดิจิทัลเข้าสู่ระบบ เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือก หากสลากใบขายเกิน 80 บาท/ใบ ก็ยังมีสลากดิจิทัลซึ่งขายใบละ 80 บาท ตีคู่ขนานกันไป

ทั้งหมดนี้ก็เป็นบทพิสูจน์ความจริงใจในการแก้ปัญหาสลากเกินราคาช่วง 8 ปีที่ผ่านมา จากรัฐบาล คสช. ถึงรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เพิ่งจะมาแก้ปัญหาสลากเกินราคาได้ตรงจุดก็คราวนี้ แต่จะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ต้องติดตามกันต่อไป

  • นายกฯสั่งเพิ่ม “สลากดิจิทัล” 10 ล้านใบ เริ่มขาย 17 ก.ค.นี้
  • คอหวยแห่ซื้อ“สลากดิจิทัล”งวดสอง 3 วัน 5 ล้านใบ ขายหมดเกลี้ยง!
  • “สลากดิจิทัล”หมดเกลี้ยง! คอหวยแห่ซื้อ 5 วัน 5,173,500 ใบ
  • กองสลากฯพร้อมจำหน่าย “สลากดิจิทัล” 5 ล้านใบ ขายผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” 2 มิ.ย.นี้
  • กองสลากปิดรับคนขาย “สลากดิจิทัล” 5 ล้านใบ” ตั้งเป้าหมื่นราย สมัครไม่ถึงครึ่ง
  • ปฏิบัติการ “เสธฯ หนุน” ตัดโควตาตัวแทนจำหน่าย โยกสลาก 6 ล้านใบ ขายออนไลน์
  • บอร์ดสลากฯเคาะขาย ‘ลอตเตอรี่ดิจิทัล’ 5 ล้านใบ ผ่านแอปเป๋าตัง 2 มิ.ย.นี้