กองสลากฯชงบอร์ดฯเพิ่มปริมาณ “สลากดิจิทัล” 23 มิ.ย.นี้ หลังคอหวยแห่ซื้อ 5 ล้านใบ ขายหมดเกลี้ยงภายใน 5 วัน ยืนยันต้องการแก้ปัญหาหวยแพง-เพิ่มทางเลือก ปชช.ได้เข้าถึงสลาก 80 บาท – ไม่มีเจตนาขายแข่งสลากใบ
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2565 เวลา 13.00 น. นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคา พร้อมด้วยนายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และพันโท หนุน ศันสนาคม แถลงความคืบหน้ามาตรการในการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคา และการจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์ม หรือ “สลากดิจิทัล” ณ ห้องประชุมอเนกประสงค์ ชั้น 3 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการจัดจำหน่าย “สลากดิจิทัล” ผ่านแพลตฟอร์มแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในราคา 80 บาทว่า หลังจากสำนักงานสลากฯ เปิดจำหน่ายสลากดิจิทัลตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2565 ปรากฏได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีประชาชนจำนวน 1.2 ล้านคน เข้ามาเลือกซื้อสลากดิจิทัลที่ผู้ค้าสลากรายย่อยนำมาฝากขายบนแฟลตฟอร์มออนไลน์ของสำนักงานสลากฯทั้งหมด 5,173,500 ใบ สามารถจำหน่ายสลากจนหมดเกลี้ยงในช่วงเที่ยงของวันนี้ โดยที่ระบบแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สามารถรองรับคำสั่งซื้อที่เข้ามาเป็นจำนวนมากโดยที่ไม่มีปัญหาด้านเทคนิคแต่ประการใด ทั้งนี้ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่กว่า 40 ล้านคน มีความคุ้นชิ้นกับแอปฯ “เป๋าตัง” อยู่แล้ว รวมทั้งผู้ซื้อเองก็ให้ความสนใจ สามารถเลือกซื้อสลากตัวเลขตามที่ต้องการได้จริงในราคา 80 บาท
ส่วนการพิจารณาเพิ่มปริมาณ “สลากดิจิทัล” ขึ้นไปอีกหรือไม่นั้น นายอนุชา กล่าวว่า คงต้องขอเวลาในการประเมินผลการจำหน่ายและผลตอบรับประมาณ 2 เดือน เพื่อดูว่าในระยะยาวเป็นอย่างไร เพราะการตอบรับในช่วงแรกนี้ อาจได้รับความสนใจเนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ และประชาชนสามารถเลือกซื้อเลขที่ต้องการในราคา 80 บาทได้ ทั้งนี้ หากจะต้องมีการเพิ่มปริมาณสลากในอนาคต เพื่อให้มีปริมาณสลากเพียงพอที่จะช่วยชี้นำตลาด และทำให้ราคาโดยรวมลดลงมาเหลือ 80 บาท ให้ได้ ซึ่งจะต้องมาจากความพร้อมของตัวแทนจำหน่ายที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการด้วยความเต็มใจ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อผู้ค้าสลากใบด้วย จึงต้องประเมินให้รอบคอบก่อน โดยคำนึงถึงความสมดุลในการปล่อยขายสลาก เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมแก่ผู้ค้าสลากใบ ยืนยันวัตถุประสงค์ของการขายสลากดิจิทัลราคา 80 บาท เพราะต้องการแก้ปัญหาสลากเกินราคา และเป็นทางเลือกให้กับประชาชนเท่านั้น ยืนยันไม่ได้ต้องการเปิดขาย เพื่อแข่งกับผู้ค้าสลากใบแต่อย่างใด โดยสำนักงานสลากฯจะทำเรื่องเสนอที่ประชุมบอร์ดสลากฯ พิจารณาเพิ่มปริมาณสลากดิจิทัลอีกครั้งในวันที่ 23 มิถุนายน 2565ดังนั้น ในงวดวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 (วันออกรางวัล) ซึ่งจะเริ่มขายในวันที่ 17 มิถุนายน 2565 ยังคงมีปริมาณสลากดิจิทัล 5,137,500 ใบ เท่าเดิม หากที่ประชุม บอร์ด สลากฯวันที่ 23 มิถุนายน 2565 มีมติให้เพิ่มปริมาณสลากดิจิทัลจำนวนเท่าไหร่ ก็จะเริ่มในงวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2565 ซึ่งจะเริ่มขายในตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป
นายอนุชา กล่าวย้ำว่า การจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์มฯ แอปฯ “เป๋าตัง” เป็นแอปฯที่ภาครัฐใช้เป็นเครื่องมือในการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และใช้ในการอุดหนุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้การใช้แอปฯเป๋าตังเป็นที่ยอมรับ ประกอบกับการใช้งานที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน มีความปลอดภัย และประชาชนคุ้นเคยกับการใช้งานเทคโนโลยีมากขึ้น อีกทั้งสลากที่ซื้อก็มีการบันทึกข้อมูลไว้ แสดงสิทธิในตัวสลาก ไม่ต้องกังวล หากสลากหาย หรือ กรณีการเรียกร้องสิทธิในตัวสลาก นอกจากนี้ในส่วนของการขึ้นเงินรางวัล ก็มีความสะดวก โดยสามารถเลือกมารับสลาก และขึ้นรางวัลที่สำนักงานสลากฯ ด้วยตนเอง หรือ โอนเงินผ่านบัญชีที่ผูกไว้กับธนาคารกรุงไทยฯ ซึ่งตนยืนยันว่าการกำหนดค่าธรรมเนียม และค่าอากรแสตมป์ในการโอนเงินรางวัลผ่านบัญชีธนาคารนั้น ดำเนินการเช่นเดียวกับที่ใช้ในการขึ้นเงินรางวัลอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการนำสลากไปขึ้นเงินรางวัลที่สำนักงานสลาก ฯ ซึ่งจะเสียเฉพาะค่าอากรแสตมป์ 0.5% ส่วนการนำสลากไปขึ้นเงินที่ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ และธนาคารกรุงไทย ก็จะเสียค่าธรรมเนียม 1% และ ค่าภาษีอากรแสตมป์ 0.5% ซึ่งในระยะต่อไป จะมีการเพิ่มช่องทางการโอนเงินรางวัลผ่านบัญชีธนาคารต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อมากยิ่งขึ้น สำหรับมาตรการแก้ไขปัญหาสลาเกินราคา ที่สำนักงานสลากฯ ดำเนินการอยู่นั้น ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเพิ่มความเข้มข้นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการจุดจำหน่ายสลาก 80 ในเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ กว่า 500 จุด และจะเรียกรายสำรองขึ้นมา เพื่อให้มีจุดจำหน่ายโครงการสลาก 80 ให้ครบ 1,000 จุด ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ และโครงการลงทะเบียนผู้ซื้อจองล่วงหน้า กำลังเร่งดำเนินการคัดเลือกต่อไป คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
