ThaiPublica > เกาะกระแส > กรมส่งเสริมฯสอบปม “การบินไทย” หักเงิน พนง. ใช้หนี้สหกรณ์

กรมส่งเสริมฯสอบปม “การบินไทย” หักเงิน พนง. ใช้หนี้สหกรณ์

25 เมษายน 2022


กรมส่งเสริมสหกรณ์มอบผู้ตรวจราชการสอบข้อเท็จจริง ปมตีความ ‘การบินไทย’ หักเงิน พนง. ที่ถูกเลิกจ้างใช้หนี้สหกรณ์ พร้อมส่ง จม. ทวงหนี้สมาชิกที่ไปร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ หากไม่ชำระหนี้ทั้งหมดภายใน 20 วัน จะถูกปลดออกจากการเป็นสมาชิกฯ

ต่อจากตอนที่แล้ว นายนเรศ ผึ้งแย้ม อดีตประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย พร้อมสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานการบินไทย จำกัด เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2565 เพื่อใช้สิทธิโต้แย้งคำวินิจฉัยนายทะเบียนพื้นที่ 2

ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2565 นายนเรศ ผึ้งแย้ม อดีตประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ได้รับหนังสือลับจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่ กษ 1115/210 ลงวันที่ 19 เมษายน 2565 เรื่อง โต้แย้งคำวินิจฉัยนายทะเบียนพื้นที่ 2 ฉบับลงวันที่ 17 ธันวาคม 2564 ส่งถึงนายนเรศ ผึ้งแย้ม และคณะ ระบุว่า ตามที่นายนเรศและคณะขอโต้แย้งผลการพิจารณาตามหนังสือสำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 ที่ กษ 1110/3287 ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2564 เรื่องแจ้งผลการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการดำเนินการ และคณะกรรมการเร่งรัดหนี้ กรณีหักเงินของสมาชิกสหกรณ์ที่ถูกบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เลิกจ้าง พร้อมขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 กรณีการเปิดเผยรายชื่อนายนเรศ และคณะ ให้กรรมการสหกรณ์รับทราบ ส่งผลให้ได้รับผลกระทบในการถูกเลือกปฏิบัติจากกรรมการสหกรณ์ ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น

กรมส่งเสริมสหกรณ์ ขอเรียนว่า “กรณีดังกล่าวได้มอบหมายให้ผู้ตรวจราชการ เขตตรวจราชการที่รับผิดชอบตรวจสอบข้อเท็จจริงตามนัยข้อร้องขอ และพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่…” จึงเรียนมาเพื่อทราบลงชื่อนายประกอบ เผ่าพงศ์ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์

นายนเรศกล่าวว่า ประเด็นที่ตนและเพื่อนสมาชิกสหกรณ์ฯ ขอให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมสหกรณ์นั้น หลักๆ จะมีอยู่ 2 ประเด็น คือ เรื่องแรก ขอให้ตรวจสอบคำวินิจฉัยของนายทะเบียนสหกรณ์ พื้นที่ 2 ที่มีความเห็นว่า “คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ฯ มีสิทธิแจ้งให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ส่งเงินใดๆ ที่สมาชิกสหกรณ์ผู้นั้นมีสิทธิได้รับจากบริษัทฯ มาหักชำระหนี้กับสหกรณ์ฯ ย่อมที่จะกระทำได้ ตามข้อตกลงในสัญญา…” ซึ่งในประเด็นนี้ตนและเพื่อนสมาชิกสหกรณ์ เห็นต่างจากคำวินิจฉัยของนายทะเบียนสหกรณ์พื้นที่ 2 คือ สัญญากู้เงินข้อ 8 ระบุว่า “ผู้กู้ยอมรับผูกพันตามข้อบังคับของสหกรณ์ว่า ถ้าผู้กู้ออกจากงานประจำ ผู้กู้จะต้องแจ้งเป็นหนังสือให้สหกรณ์ทราบ และจัดการชำระหนี้สินซึ่งผู้กู้มีอยู่ต่อสหกรณ์ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน” เขียนเอาไว้แค่นี้ สัญญากู้เงิน ข้อ 8 ไม่ได้ระบุว่า “ถ้าผู้กู้ไม่จัดการชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นตามที่กล่าวข้างต้น เมื่อผู้กู้ได้ลงชื่อรับเงินเดือน ค่าจ้าง เงินสะสม บำเหน็จ บำนาญ หรือเงินอื่นใดที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือผู้ได้รับมอบหมายจากบริษัทฯ จะจ่ายให้ผู้กู้ ผู้กู้ยินยอมให้หักเงินดังกล่าวเพื่อชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยส่งชำระหนี้ต่อสหกรณ์ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ประเด็นก็คือข้อความท่อนหลังนี้เขียนอยู่ในสัญญากู้เงิน ข้อ 9 เป็นกรณีของผู้กู้ประสงค์จะขอลาออกจากงานประจำ ซึ่งตนและสมาชิกสหกรณ์ไม่ได้ประสงค์จะขอลาออกจากงาน แต่ถูกบริษัทการบินไทยเลิกจ้างจึงได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน เป็นคนละกรณีกัน

“คำถาม คือ ทำไมนายทะเบียนสหกรณ์ไปนำข้อความท่อนหลังของสัญญากู้เงิน ข้อ 9 มาวินิจฉัยร่วมกับ สัญญากู้เงิน ข้อ 8 ซึ่งมีความหมายและสิทธิที่แตกต่างกัน ดังนั้น ในสัญญากู้เงินจึงเขียนแยกเอาไว้คนละข้อ เพราะถ้าหากมีความหมายเหมือนกัน ตามหลักการก็ควรจะเขียนรวมกันไว้ในข้อเดียวกัน ซึ่งกรณีของผมและสมาชิกสหกรณ์ฯ นั้น เป็นกรณีถูกบริษัทเลิกจ้าง เข้าใจว่าอยู่ในข่ายผู้กู้ออกจากงานประจำ ตามที่กำหนดไว้ในสัญญากู้เงิน ข้อ 8 ซึ่งสัญญากู้เงินข้อนี้ ก็ไม่มีข้อความใดที่ระบุว่า ผู้กู้ยินยอมให้หักเงินดังกล่าว ชำระหนี้สหกรณ์ แต่นายทะเบียนสหกรณ์วินิจฉัยว่า คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ฯ มีสิทธิแจ้งให้บริษัทการบินไทยหักเงินของสมาชิกสหกรณ์ที่ได้รับจากบริษัทฯ มาใช้หนี้สหกรณ์ได้ ตรงนี้เป็นเหตุให้ผมต้องเดินทางไปใช้สิทธิโต้แย้งคำวินิจฉัยของนายทะเบียนที่กรมส่งเสริมสหกรณ์เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา หากนายทะเบียนสหกรณ์ยังยืนยันว่าวินิจฉัยถูกต้อง ก็จะไปร้องศาลปกครองเป็นขั้นตอนต่อไป” นายนเรศกล่าว

นายนเรศกล่าวต่อว่า ประเด็นที่ 2 ผมและเพื่อนสมาชิก ขอให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ตรวจสอบเรื่อง การเปิดเผยเผยรายชื่อสมาชิกสหกรณ์ฯ ที่ไปยื่นหนังสือร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆ ให้กรรมการสหกรณ์รับทราบ ซึ่งการกระทำดังกล่าวนี้ ทำให้ผมและเพื่อนสมาชิกฯ ได้รับความเดือดร้อนมาก เพราะถูกเจ้าหน้าที่สหกรณ์ทำหนังสือแจ้งให้นำเงินมาชำระหนี้ที่ติดค้างอยู่กับสหกรณ์ทั้งหมดภายใน 20 วัน หากสมาชิกรายไหนไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ตามกำหนดเวลา ก็จะถูกให้ออกจากการเป็นสมาชิกสหกรณ์ฯ ตามข้อบังคับสหกรณ์ ข้อ 42 (4) กรณีค้างส่งเงินงวดชำระหนี้ ไม่ว่าต้นเงินหรือดอกเบี้ย ติดต่อกันเป็นเวลาถึง 2 งวด หรือผิดนัดการส่งเงินงวดชำระหนี้ดังกล่าวนั้นถึง 3 คราว สำหรับเงินกู้สัญญาหนึ่งๆ ผมและเพื่อนสมาชิกจึงรวมตัวกันไปยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ขอให้ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย

  • เตรียมร้องศาลปกครอง ‘การบินไทย’ หักเงิน พนง.ใช้หนี้สหกรณ์ฯ ชอบหรือไม่?