ThaiPublica > สู่อาเซียน > รถไฟจีน-ลาว มีนัยสำคัญต่อการค้าภาคเหนือหรือไม่?

รถไฟจีน-ลาว มีนัยสำคัญต่อการค้าภาคเหนือหรือไม่?

19 มีนาคม 2022


รายงานโดย ก้องภพ ภู่สุวรรณ กุศล จันทร์แสงศรี ปราณี จิระกิตติเจริญ

ภาคเหนือเป็นอีกหนึ่ง gateway สำคัญเชื่อมโยงการค้าระหว่างไทยกับจีนตอนใต้ผ่านโครงข่ายคมนาคมเชื่อมโยงทั้งทางบกทางถนนผ่านสปป.ลาว (R3A) และเมียนมา (R3B) รวมทั้งทางแม่น้ำโขง โดยตั้งแต่ปี 2535 ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภาคลุ่มน้้าโขง (Greater Mekong Sub-region: GMS) ท้าให้การค้าและการท่องเที่ยวเติบโตสูงต่อเนื่อง (รูปที่ 1) ล่าสุดมีการเปิดให้บริการรถไฟจีน-ลาว เมื่อ 3 ธ.ค. 2564 ที่ผ่านมา จะเป็นโอกาสของสินค้าภาคเหนืออย่างไร1 บทความนี้จึงได้ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกเส้นทาง อาทิ ต้นทุน ระยะเวลา ความเสี่ยง และความสะดวกในการขนส่ง เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพของเส้นทางขนส่งสินค้าเดิมเปรียบเทียบกับเส้นทางใหม่ สำนักเศรษฐกิจภูมิภาค ฝ่ายนโยบายโครงสร้างเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทยชวนค้นหาคำตอบเพิ่มเติม หลังจากที่นำเสนอบทความเกี่ยวกับรถไฟจีน-ลาวไปแล้วก่อนหน้านี้ในหัวข้อ คว้าโอกาสให้การค้าไทย จากรถไฟจีน-ลาว

รถไฟจีน-ลาวเพิ่มทางเลือกจากเส้นทางขนส่งเดิมเพิ่มโอกาสการค้า

เดิมการขนส่งสินค้าระหว่างภาคเหนือกับจีนตอนใต้ มี 3 เส้นทาง เรือแม่น้ำโขง R3A และ R3B (รูปที่ 2) การเลือกเส้นทางขึ้นกับชนิดของสินค้า และตลาดลูกค้าปลายทาง ส่วนใหญ่ใช้ทางถนน R3A การเปิดเดินรถไฟจีน-ลาว ช่วยเพิ่มทางเลือกในการขนส่ง เป็นโอกาสที่จะขยายการค้ากับจีนตอนใต้เพิ่มขึ้น (รูปที่ 3)

1.ทางเรือแม่น้าโขง (ด่านเชียงแสน-ท่าเรือสบหลวย (เมียนมา)-สิบสองปันนา มณฑลยูนนาน)

  • สัดส่วน 40%4ของมูลค่าการส่งออกผ่านชายแดนในภาคเหนือไปจีน
  • สินค้าส่วนใหญ่แบบเทกอง (Bulk Cargo) อาทิ ยางพารา ซึ่งกระจายไปเมืองคุนหมิง และเฉิงตู ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคใช้ในสิบสองปันนา
  • การขนส่งทางเรือแม่น้ำโขงมีต้นทุนต่ำ อย่างไรก็ตาม ช่วงฤดูแล้งระดับน้ำลดลงมีความเสี่ยงเรือติดสันดอนทราย และบรรทุกสินค้าได้น้อยลง ส่งผลให้ค่าขนส่งปรับเพิ่มขึ้น แม้ท่าเรือกวนเหล่ยของจีนปิดตั้งแต่ มี.ค. 2563 แต่สามารถส่งผ่านท่าเรือสบหลวยของเมียนมาเข้าจีนได้
  • 2.ถนน R3A (ด่านเชียงของ-สปป.ลาว-คุนหมิง)

  • สัดส่วน 60%4 ของมูลค่าการค้าผ่านชายแดนภาคเหนือไปจีนทั้งหมด
  • สินค้าส่งออกกว่า 88%4เป็นผลไม้ เช่น ทุเรียน มังคุด ลำไย และมะขามโดยช่วงก่อน COVID-19 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง5 ส่วนใหญ่สินค้ากระจายไปมณฑลตะวันตกของจีน ขณะที่สินค้านำเข้ากว่า 94%4เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคและเกษตรแปรรูป
  • ช่วงปลายปี 2564 การส่งออกผลไม้ลดลง จากมาตรการควบคุม COVID-19ที่เข้มงวด ใช้เวลาตรวจสอบสินค้านานขึ้น ส่งผลให้สินค้าบางส่วนเสียหายและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
  • <
    3.ถนน R3B (ด่านแม่สาย-เชียงตุง-คุนหมิง )

  • เปิดใช้เส้นทางนี้เมื่อปี 2547 มีค่าผ่านด่านสูง และทางการจีนปิดด่านชายแดน ตั้งแต่ปี 2549 จึงไม่สามารถขนส่งสินค้าไปจีนได้
  • เส้นทางใหม่ รถไฟจีน-ลาว เพิ่มโอกาสการค้าภาคเหนือ-จีนตอนใต้

  • รถไฟจีน-ลาว เป็นความคิดริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ของจีน กับ ยุทธศาสตร์ “เปลี่ยนประเทศ Land Lock สู่ Land link” ของ สปป.ลาว ตั้งแต่เปิดบริการเมื่อ 3 ธ.ค. 2564 ถึง 25 ก.พ. 2565 ขนส่งสินค้าระหว่างจีน-ลาวแล้วมากกว่า 350 ขบวน น้ำหนัก 250,000 ตัน
  • ผู้ประกอบการในภาคเหนือ สามารถใช้โอกาสนี้ขนส่งสินค้าไปจีนตอนใต้ทางถนนจากเชียงใหม่-หนองคายระยะทาง 640 กม. ขนส่งต่อโดยรถไฟช่วงในลาว 414 กม. และช่วงในจีน 628 กม. ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ในภาคเหนือเริ่มไปตั้งสำนักงานที่ จ.หนองคาย เพื่อให้บริการขนส่งที่มีต้นทุนต่ำ รวดเร็ว ทำให้ธุรกิจผลิตในภาคเหนือ6 อาทิ ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเซรามิก ให้ความสนใจเส้นทางขนส่งมาใช้รถไฟจีน-ลาว
  • รถไฟจีน ลาว เส้นทางขนส่งสินค้าที่ดีกว่าเส้นทางเดิมของภาคเหนือในอนาคต

    รถไฟจีน-ลาว จะช่วยลดต้นทุน ลดเวลา ลดความเสี่ยง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการค้าระหว่างภาคเหนือกับจีนตอนใต้ให้คล่องตัวยิ่งขึ้น

  • ระยะต่อไป หากระบบตรวจสอบสินค้าระหว่างด่าน และข้อตกลงการขนส่งสินค้าระหว่างไทยและสปป.ลาว เสร็จสมบูรณ์ เส้นทางรถไฟจีน ลาว จะรองรับการขนส่งสินค้าภาคเหนือไปจีนตอนใต้ได้มากขึ้น จากการวิเคราะห์เปรียบเทียบเส้นทางการขนส่งทางถนน R3A เรือแม่น้าโขง และรถไฟจีน-ลาว ด้วยปัจจัย 4 ด้าน คือ ต้นทุน ระยะเวลา ความเสี่ยง เช่น อุบัติเหตุทางถนน เรือติดสันดอนทราย และความสะดวกในการขนส่ง เช่น พิธีการศุลกากร การเปลี่ยนถ่ายสินค้า(รูปที่ 4และ 5 ) โดยให้น้ำหนักกับต้นทุนและระยะเวลาขนส่งเป็นหลักตามความเห็นของผู้ประกอบการ พบว่า การขนส่งทางรถไฟจีน ลาว เป็นเส้นทางที่คุ้มค่า เพราะมีต้นทุนต่ำกว่าถนน R3A 50% และต่ำกว่าทางแม่น้าโขง 42 รวมถึงใช้เวลาน้อยกว่า และมีความเสี่ยงในการขนส่งสินค้าต่ำที่สุดซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการบางส่วนเปลี่ยนเส้นทางขนส่งสินค้ามาใช้ทางรถไฟจีน-ลาวมากขึ้น
  • ในระยาว ช่วยเพิ่มโอกาสการค้าผ่านจีนไปยังเอเชียกลางและยุโรป

  • รถไฟจีน-ลาว เชื่อมต่อไปยังเอเชียกลางและยุโรป (รูปที่ 6) ตามเส้นทาง Belt and Road โดยใช้คุนหมิงเป็น hub ในการขนส่ง และสามารถใช้ใบกำกับสินค้าใบเดียวตลอดการขนส่งระหว่างจีน-ยุโรป ประเทศปลายทางสำคัญ คือ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ ตุรกี และรัสเซีย
  • ค่าขนส่งใกล้เคียงกับการขนส่งทางเรือเดินสมุทร แต่ใช้เวลาน้อยกว่า ปัจจุบันการขนส่งทางรถไฟจีน-ยุโรป ใช้เวลาเพียง 10-15 วัน ขณะที่การขนส่งทางเรือเดินสมุทรใช้เวลามากกว่า 30 วัน
  • โอกาสของสินค้าภาคเหนือในการส่งออกทางรถไฟ

    การค้ากับจีนจะมีโอกาสและสะดวกมากขึ้น จากข้อตกลง RCEP ที่มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565 สินค้าไทยมีโอกาสทางตลาดในจีนมากขึ้นในกลุ่มสินค้าเกษตรอาหาร และอุตสาหกรรมบางรายการ จากการตรวจปล่อยสินค้าที่รวดเร็วขึ้น สินค้าเน่าเสียง่ายภายใน 6 ชั่วโมง และสินค้าปกติภายใน 48 ชั่วโมงและจากงานศึกษา ”“คว้าโอกาสให้การค้าไทย จากรถไฟจีน-ลาว9 ซึ่งพิจารณาจากอัตราการเติบโตตลาดและการขยายตัวของส่วนแบ่งสินค้าไทยในจีน ระหว่างปี 2559-2563 พบว่าภาคเหนือมีสินค้าดาวเด่น ที่มีศักยภาพในการส่งออกทางรถไฟไปจีนตอนใต้ ได้แก่

  • สินค้าเกษตร ลำไย ทุเรียน(อุตรดิตถ์) มะม่วง มะขาม ชาวจีนเชื่อมั่นคุณภาพสินค้าเกษตรของไทย โดยเฉพาะผลไม้ได้รับความนิยมสูง
  • สินค้าแปรรูป ผลไม้อบแห้ง ผลิตภัณฑ์สปา น้ำมันหอมระเหย สบู่ ครีมบำรุงผิว ยาหม่องสมุนไพร ได้รับความนิยมมากในตลาดออนไลน์จีน
  • อย่างไรก็ตาม การขนส่งสินค้าทางรถไฟมีการตรวจสอบสินค้าเข้มงวด ทั้งด้านสุขอนามัยและมาตรฐานสินค้า ผู้ประกอบการต้องเตรียมความพร้อมรองรับ เพราะหากมีการตรวจพบเชื้อและสารตกค้างจะถูกทาลายสินค้าทิ้ง หรืออาจถูกยึดใบอนุญาตนำเข้า ตามที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 252564 ที่จีนระงับการนำเข้าลำไยจากไทย เนื่องจากตรวจพบเพลี้ยแป้ง รวมถึงช่วงปลายปี 2564-ต้นปี 2565 จีนทำลายผลไม้นำเข้าจากไทย อาทิ ลำไยและทุเรียน จากการตรวจพบเชื้อ COVID 19

    รถไฟมาพร้อมโอกาสจะขึ้นรถไฟอย่างไรไม่ให้ตกขบวน?

    สินค้าดาวเด่นของภาคเหนือที่มีโอกาสส่งออกโดยรถไฟจีน-ลาว ไปจีนตอนใต้เพิ่มขึ้น มีเงื่อนไขที่เกษตรกรและผู้ประกอบการควรทราบ ดังนี้
    สินค้าเกษตร : เงื่อนไข เช่น
    • ผลิตได้ตามมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practices)
    • มีใบรับรองสุขอนามัยพืช เช่น ปริมาณสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตกค้างในลำไยสด
    • ต้องขออนุญาตนำเข้าจีน เช่น ผักผลไม้และยางพารา
    • ปลอดเชื้อ COVID-19
    สินค้าแปรรูป : เงื่อนไข เช่น
    • ผ่านการตรวจสอบจากกระทรวงพาณิชย์จีน กรมศุลกากรจีนและสำนักงานควบคุมคุณภาพตรวจสอบ และกักกันโรคแห่งประเทศจีน (AQSIQ)
    • สินค้าต้องห้ามของจีน เช่น สินค้ามีลิขสิทธิ์ที่ผลิตในจีนอยู่แล้ว
    • ควรนำตู้คอนเทนเนอร์ไปจดทะเบียนขนส่งทางรถไฟจีน

    สรุปและข้อเสนอแนะ

    การเปิดให้บริการรถไฟจีน-ลาว จะสร้างโอกาสทางการค้าระหว่างภาคเหนือกับจีนตอนใต้ เป็นประโยชน์ทั้งผู้ส่งออกสินค้า ผู้ประกอบการผลิต และเกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกพืชผลเกษตร โดยเฉพาะผลไม้สำคัญของภาคเหนือ เช่น ลำไย ทุเรียน มะขาม และมะม่วง อย่างไรก็ตาม ในช่วงทดลองให้บริการขนส่งสินค้ายังมีข้อจำกัดหลายประการ แต่หากสามารถปลดล็อคข้อจำกัดด้านต่าง ๆ ได้ เช่น ข้อตกลงพิธีสารด้านการขนส่ง ไทย-สปป.ลาว และระบบตรวจสอบสินค้าของจีนแล้วเสร็จ เส้นทางรถไฟจีน-ลาว จะมีศักยภาพในการขนส่งสินค้า กับจีนตอนใต้มากขึ้น เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ประหยัดต้นทุน สะดวกรวดเร็วขึ้น และมีความเสี่ยงต่ำกว่าการขนส่งทางถนน R3A และทางเรือ แม่น้าโขง อย่างไรก็ตาม เกษตรกรต้องยกระดับมาตรฐานสินค้าให้สูงขึ้น และมีความเข้มงวดด้านสุขอนามัย เพื่อให้สามารถขนส่งผลไม้ทางรถไฟ จีน-ลาวได้ ขณะที่ผู้ประกอบการผลิตจำเป็นต้องนำสินค้าไปตรวจสอบคุณภาพกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนก่อน รวมทั้งควรนำตู้คอนเทนเนอร์ ไปจดทะเบียนขนส่งทางรถไฟจีน เพื่อให้สามารถขนส่งได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายตู้

    มองไปข้างหน้า หากการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน บริเวณชายแดนไทย-ลาว-จีนตอนใต้ ทั้งทางด่วนบ่อเต็น-ห้วยทรายใน สปป.ลาว และเส้นทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงของ แล้วเสร็จ จะพลิกโฉมการขนส่งของภาคเหนือ ผู้ประกอบการจะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกจากการเชื่อมโยงขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transportation) ไปเชื่อมต่อกับรถไฟจีน-ลาว จะทำให้สามารถกระจายสินค้าภาคเหนือไปทั่วประเทศจีนได้สะดวก ยิ่งขึ้น ใช้เวลาขนส่งสั้นลง และลดต้นทุนค่าขนส่งได้มากกว่าที่ประเมินขั้นต้น

    ดังนั้นการศึกษาเส้นทางการขนส่งรูปแบบต่าง ๆ จะช่วยให้การตัดสินใจเลือกรูปแบบการขนส่งสินค้าได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ การยกระดับมาตรฐานสินค้า และปฎิบัติตามข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า รวมทั้งรับรู้สินค้าของภาคเหนือที่มีศักยภาพในจีนจะช่วยให้ผู้ประกอบการ ภาคเหนือสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ติดมากับขบวนรถไฟจีน-ลาว ได้มากยิ่งขึ้น

    ประเด็นพิเศษ : ปัจจัยสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐานบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-ลาว-จีนตอนใต้ รองรับการค้าที่มีโอกาสเติบโต

    ปัจจุบันพื้นที่เชียงของมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำคัญรองรับการเชื่อมโยงรถไฟจีน-ลาวและถนน R3A ดังนี้
    1. ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ รองรับการเปลี่ยนหัวลาก-หางพ่วงระหว่าง รถบรรทุกไทยกับรถบรรทุกต่างประเทศ และการเปลี่ยนถ่ายสินค้าจากทางถนนสู่ทางราง (Modal Shift) กับรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงของ คาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2568
    2. รถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงของ (รูปที่ 7) รองรับการขนส่งสินค้าและช่วยลดต้นทุนการขนส่ง คาดว่าเริ่มทยอยก่อสร้างกลางปี 2565 และแล้วเสร็จในปี 2571

    นอกจากนี้ สปป.ลาว มีโครงการทางด่วนบ่อเต็น – ห้วยทราย ซึ่งจะช่วยร่นระยะทางบนเส้น R3A จาก 228.3 กม. เหลือเพียง 176.3 กม. และลดระยะเวลาการขนส่งจาก 5 ชั่วโมง เหลือเพียง 1.30 ชั่วโมง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2570

    อ้างอิง
    1.เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนยังไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้จึงขอโฟกัสเฉพาะการค้า
    2.กรมศุลกากร, อัตราเติบโตเฉลี่ยปี 2561-64 คานวณโดยผู้ศึกษา
    3.เป็นข้อมูลล่าสุดและก่อนการระบาดโควิด
    4.กรมศุลกากรและการแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ประกอบการค้าชายแดน คานวณโดยผู้ศึกษา
    5.กรมศุลกากร, ปี 2561-62 มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 91% คานวณโดยผู้ศึกษา
    6. การแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ประกอบการภาคเหนือ
    7. การแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ประกอบการค้าชายแดน คานวณโดยผู้ศึกษา
    8.การแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ประกอบการค้าชายแดน และ Yunnan International Railway Service and Trading Co., Ltd คานวนโดยผู้ศึกษา
    9.อ้างอิงงานศึกษา“คว้าโอกาสให้การค้าไทย จากรถไฟจีน-ลาว”โดยส่วนเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จาเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย