ThaiPublica > Sustainability > Climate Action > Climate Action : หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) ลดโลกร้อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

Climate Action : หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) ลดโลกร้อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

5 มกราคม 2022


ปัจจุบัน ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมีความรุนแรงยิ่งขึ้น เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้นจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อควบคุมการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศตามประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ต้องมีการให้มีพลังงานสีเขียวมากขึ้นเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ทั้งภาครัฐและภาคอุตสาหกรรม

ในภาคอุตสาหกรรมการบริการและธุรกิจต่างๆเริ่มมีความต้องการใช้บริการที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ยิ่งทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมากขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการต้องมีวิสัยทัศน์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการมีส่วนร่วมสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน

บริษัท หัวเว่ย เชื่อว่าการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นโอกาสของการเติบโตระยะยาว และเห็นว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลสามารถช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังลดผลกระทบจากกิจกรรมของมนุษย์ในโลก จึงมุ่งเน้นขับเคลื่อนการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีเพื่อโลกที่ดีขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2563 ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของหัวเว่ยต่อยอดขาย 1 ล้านหยวน ลดลงถึง 33.2% เมื่อเทียบกับปีฐาน (พ.ศ. 2555) และยังมากกว่าเป้าหมายที่ทางบริษัทตั้งไว้ที่ 30% ในปี พ.ศ. 2559 อีกด้วย

นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ที่มาภาพ:https://www.huawei.com/th/

นาย อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหารหัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัดซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติที่ได้เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ได้บอกเล่าถึงแนวทางการดำเนินงานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยย้ำว่า

“ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนและโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญมากขึ้นกับการเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัล รวมถึงรณรงค์ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในฐานะที่หัวเว่ยเป็นพาร์ทเนอร์ชั้นนำด้าน ICT และผู้ผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล เรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านความเป็นกลางทางคาร์บอนในภูมิภาคอาเซียน โดยจะนำโซลูชันพลังงานสะอาด และเทคโนโลยีอื่น ๆ มาประยุกต์ใช้ร่วมกับพาร์ทเนอร์ในภาคอุตสาหกรรม เพื่อทำให้ประเทศไทยดีขึ้น”

กลยุทธ์ของหัวเว่ยเพื่อการพัฒนายั่งยืนขับเคลื่อนบน 4 หลักการ ประกอบด้วย

  • ความเท่าเทียมในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล
  • ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือทางเทคโนโลยีดิจิทัล
  • การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
  • และการสร้างอีโคซิสเต็มที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
  • นายอาเบล เติ้ง กล่าวว่า จากความมุ่งมั่นของบริษัทในขับเคลื่อนการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนด้วยเทคโนโลยี เป็นไปตามเป้าหมายร่วมกันของประชาคมทั่วโลกที่ต้องการโลกสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการพัฒนาแบบสังคมคาร์บอนต่ำและเติบโตอย่างยั่งยืน รวมไปถึงต้องคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสีเขียว

    โดยรูปแบบการดำเนินการและการปฏิบัติเดียวกัน แต่จะมีขั้นตอนและระดับที่ต่างกันไป เช่น การเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาด (พลังงานไฟฟ้า) การเปลี่ยนโครงข่ายไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และนำกลยุทย์การซื้อขายคาร์บอนเครดิตมาใช้

    นายอาเบล ให้รายละเอียดเพิ่มเติมถึงบทบาทของหัวเว่ยในการช่วยลดโลกร้อนว่า หัวเว่ยเป็นผู้ให้บริการชั้นนำในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและมีความก้าวหน้าเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยผ่านการวิจัยและพัฒนาในระดับโลก จึงมีความมั่นใจในการนำเสนอนวัตกรรมและโซลูชันทางเทคโนโลยีที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนทั้งทางตรงและทางอ้อม

    ด้วยความที่หัวเว่ยมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้านไอซีทีอย่างยาวนาน หัวเว่ยได้เปิดตัวธุรกิจพลังงานดิจิทัล จะร่วมแบ่งปันประสบการณ์และโซลูชันที่ช่วยลดโลกร้อนได้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านโซลูชันการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์แบบดิจิทัล และพัฒนาอุปกรณ์โซลูชันอัจฉริยะต่างๆ โดยโซลูชันของหัวเว่ยมี 3 ประเภทได้แก่ เครือข่ายการชาร์จไฟ ดาต้าเซ็นเตอร์ และการจัดเก็บพลังงานแสงอาทิตย์

    โครงการผสมผสานประมงและพลังงานแสงอาทิตย์ ในมณฑลซานตง ซึ่งใช้ smart PV solution ของหัวเว่ยที่มาภาพ:https://www.huawei.com/en/sustainability/environment-protect/renewable-energy

    เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักในการช่วยอนุรักษ์ ปกป้องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยจะขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน ทำให้ช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่แหล่งพลังงานสีเขียวบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) หรือการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์

    ข้อมูลจาก Global Enabling Sustainability Initiative (GeSI) พบว่า ภายในปี 2030 เทคโนโลยี ICT จะช่วยลดปริมาณการปล่อยมลพิษทั่วโลกได้ถึง 20%

    โดยเทคโนโลยีดิจิทัลถูกนำมาใช้เพื่อเสริมประสิทธิภาพการจัดงานพลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดึงประโยชน์จาก AI, เทคโนโลยีการเชื่อมต่อและการประมวลผลบนคลาวด์ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานให้มีความเป็นดิจิทัลมากยิ่งขึ้น และยังสนับสนุนการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่สะอาดจากพลังงานหมุนเวียน ขณะเดียวกันมีเป็นการปรับรูปแบบอุปสงค์และอุปทานให้เหมาะสม

    ประเทศไทยได้มีการประกาศยืนยันการให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นายอาเบล เติ้ง ได้ให้รายละเอียดสำหรับแผนปฏิบัติการของบริษัทฯที่เป็นรูปธรรมในการลดภาวะโลกร้อนและช่วยแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศให้กับประเทศไทยว่า ประเทศไทยถือว่ามีศักยภาพนำหน้าหลายประเทศในอาเซียน ทั้งในด้านการเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัลและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากความพร้อมทั้งด้านนโยบายและการเสริมสนุนด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างมีวิสัยทัศน์ของภาครัฐ ทำให้ประเทศไทยกำลังวิ่งอยู่บนทางด่วนในการก้าวสู่ดิจิทัล และหัวเว่ยพร้อมสนับสนุนประเทศไทยในการเป็นผู้นำคาร์บอนต่ำของอาเซียน ด้วยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและแนวปฏิบัติระดับโลกของหัวเว่ย รวมถึงมีพนักงานด้านวิจัยและพัฒนามากกว่า 6,000 คนในสาขานี้ มีการจัดสรรราว 10-15% ของรายได้ลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาแต่ละปี จากประสบการณ์ที่สะสมมานี้ หัวเว่ยจะนำเสนอโซลูชันด้านพลังงานดิจิทัลที่ล้ำสมัยมาสนับสนุนประเทศไทยในการขึ้นเป็นผู้นำด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน เติบโตด้วยนวัตกรรมและความยั่งยืน”

    สถานีชาร์จที่ใช้ Huawei HiCharger DC Charging Module ในสนามบินเซี่ยงไฮ้ หงเฉียว ที่มาภาพ:https://www.huawei.com/en/sustainability/environment-protect/reducing-carbon-emissions

    “นอกจากนี้ ประเทศไทยมีระยะเวลาที่มีแสงแดดมากกว่า 1,500 ชั่วโมงต่อปี และยังมีความพร้อมทางด้าน 5G เราจึงเห็นศักยภาพของประเทศไทย โดยในปี 2564 หัวเว่ย ได้ประกาศขยายแผนธุรกิจส่วนพลังงานดิจิทัล (Digital Power) เพื่อสนับสนุนแผนการผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางดิจิทัลของอาเซียน”

    หัวเว่ย ในฐานะพาร์ทเนอร์ชั้นนำด้าน ICT และเป็นผู้ผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล จะทำงานรวมกับภาครัฐและพาร์ทเนอร์ในภาคอุตสาหกรรมมุ่งมั่นส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านความเป็นกลางทางคาร์บอนในภูมิภาคอาเซียน โดยหัวเว่ยจะมุ่งมั่นสร้างนวัตกรรมและผลักดันพลังงานทดแทนต่อไป เพื่อทำให้โลกใบนี้ดีขึ้น นำเทคโนโลยีดิจิทัลไปสู่ทุกคน ทุกครัวเรือน และองค์กรทุกแห่ง เพื่อสร้างประเทศไทยแห่งอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกันอย่างเต็มรูปแบบและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์