ThaiPublica > คนในข่าว > “อาร์คบิชอป เดสมอนด์ ตูตู” เจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพต้านเหยียดผิวแอฟริกาใต้ เสียชีวิต

“อาร์คบิชอป เดสมอนด์ ตูตู” เจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพต้านเหยียดผิวแอฟริกาใต้ เสียชีวิต

26 ธันวาคม 2021


อาร์คบิชอป เดสมอนด์ ตูตู ที่มาภาพ: https://www.aljazeera.com/gallery/2021/12/26/in-pictures-south-africas-anti-apartheid-icon-desmond-tutu

อาร์คบิชอป เดสมอนด์ ตูตู ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และผู้ผ่านศึกการต่อสู้เพื่อต่อต้านการปกครองของชนกลุ่มน้อยผิวขาวของแอฟริกาใต้ ถึงแก่อสัญกรรมในวันนี้(26 ธ.ค.) ถัดจากวันคริสมาสต์หนึ่งวันในเมืองเคปทาวน์ ด้วยวัย 90 ปี

ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ซีริล รามาโฟซาได้แถลงข่าว ว่า “การจากไปของอาร์คบิชอปกิตติคุณเดสมอนด์ ตูตู เป็นอีกบทหนึ่งของความเศร้าโศกของประเทศในการบอกลาคนแอฟริกาใต้ที่โดดเด่น ซึ่งได้นำแอฟริกาใต้มาสู่อิสรภาพ”

“จากทางเท้าของการต่อต้านในแอฟริกาใต้ไปจนถึงธรรมาสน์ของมหาวิหารและสถานที่สักการะที่ยิ่งใหญ่ของโลก และการจัดพิธีมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพอันทรงเกียรติ อาร์คบิชอป ได้รับการยกย่องในฐานะผู้ไม่แบ่งแยก ผู้นำด้านสิทธิมนุษยชนสากล ” ประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซากล่าว

ประธานาธิบดีไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต

“ในที่สุด ในวัย 90 ปี เขาเสียชีวิตอย่างสงบที่ Oasis Frail Care Center ในเคปทาวน์เมื่อเช้านี้” ดร.รามเฟลา แมมเฟเล รักษาการประธานของ Archbishop Desmond Tutu IP Trust และผู้ประสานงานสำนักงานอาร์คบิชอประบุ ในแถลงการณ์ในนามของตระกูลตูตู

เมื่อเดือนตุลาคม ตูตูที่ดูอ่อนแอ ถูกเข็นเข้าไปในเขตวัดเก่าของเขาที่มหาวิหารเซนต์จอร์จในเคปทาวน์ ซึ่งเคยเป็นที่หลบภัยของนักเคลื่อนไหวต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว เพื่อร่วมพิธีขอบคุณพระเจ้าพิเศษเนื่องในวันเกิดครบรอบ 90 ปีของเขา

ตูตู เกิดที่เคลิร์กส์ดอร์ป เมืองเกษตรกรรมที่ห่างออกไป 100 ไมล์ (160 กม.) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโจฮันเนสเบิร์ก เป็นลูกชายที่ป่วยกระเสาะกระแสะของครูใหญ่และคนรับใช้ในบ้าน เขาได้รับการฝึกฝนเป็นครูก่อนที่จะมาเป็นนักบวชในนิกายแองกลิกัน

ในฐานะนักบวช เขาเดินทางไปทั่วและได้รับปริญญาโทด้านเทววิทยาจากมหาวิทยาลัยลอนดอน แม้ว่าเขาเพียงขึ้นมาเป็นบุคคลสำคัญในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพในช่วงกลางทศวรรษ 1970 แต่ก็มีผลกระทบอย่างมากและกลายเป็นชื่อที่คุ้นเคยทั่วโลก

ตูตูซึ่งเป็นคนที่เร้าใจ อ่อนไหว มีเสน่ห์ และพูดเสียงดังฟังชัดเต็มปากเต็มคำ ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 1984 เขาสนับสนุนการคว่ำบาตรจากแอฟริกาใต้ และถูกท้าทายจากแกนนำที่สนับสนุนระบอบการแบ่งแยกสีผิว ซึ่งมองว่าเขาเป็นผู้ก่อกวนและผู้ทรยศ อย่างไรก็ตาม ตูตูได้รับการคุ้มครองไม่เพียงแค่ความเฉลียวฉลาดและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ แต่ด้วยความนิยมและความเคารพอย่างล้นหลาม ในปี 1986 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นอาร์คบิชอปแห่งเคปทาวน์ หัวหน้าคณะสงฆ์คริสตจักรแองกลิกันในบ้านเกิดของเขา

ตูตูมักรักษาระยะห่างจากสภาแห่งชาติแอฟริกัน (ANC) ซึ่งเป็นพรรคที่เป็นผู้นำขบวนการต่อสู้เพื่ออิสรภาพและปัจจุบันครองอำนาจในแอฟริกาใต้มานานกว่า 20 ปี เขาปฏิเสธที่จะสนับสนุนการต่อสู้ด้วยอาวุธและสนับสนุนผู้นำที่ไม่มีเงื่อนไข เช่น เนลสัน แมนเดลา

อาร์ชบิชอปแห่งเคปทาวน์ เดสมอนด์ ตูตูที่เกษียณอายุ ทักทายประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดลา ในพิธี ที่จัดขึ้นในเมืองเคปทาวน์ วันที่ 23 มิ.ย. 1996 เพื่อเฉลิมฉลองการสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งของตูตูในฐานะผู้นำของโบสถ์แองกลิกันในแอฟริกาใต้ ที่มาภาพ:https://www.aljazeera.com/gallery/2021/12/26/in-pictures-south-africas-anti-apartheid-icon-desmond-tutu

อย่างไรก็ตาม ตูตู ได้แชร์วิสัยทัศน์ของแมนเดลา เกี่ยวกับสังคมพหุเชื้อชาติ ซึ่งทุกชุมชนอาศัยอยู่ร่วมกันโดยไม่มีการเกลียดชัง หรือการเลือกปฏิบัติ และ ได้รับการยกย่องในบัญญัติคำว่า “ประเทศสีรุ้ง” หรือ rainbow nation เพื่ออธิบายวิสัยทัศน์นี้

(Rainbow Nation หมายถึงเอกภาพของลัทธิพหุวัฒนธรรมและการรวมตัวของผู้คนจากหลายชาติในประเทศที่เคยระบุว่ามีการแบ่งแยกสีขาวและสีดำอย่างเข้มงวดภายใต้ระบอบการแบ่งแยกสีผิว)

หลังการเลือกตั้งเสรีครั้งแรกของประเทศในปี 1994 แมนเดลา ซึ่งกลายเป็นประธานาธิบดีของแอฟริกาใต้ที่มีอิสรภาพ ได้ขอให้ตูตูเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดอง (Truth and Reconciliation Commission :TRC) ซึ่งเป็นประเด็นที่ถกเถียงและเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในยุคการแบ่งแยกสีผิว

TRC เป็น “จุดสูงสุดในอาชีพของตูตู” และได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็นความพยายามบุกเบิกในการรักษาบาดแผลลึกของประวัติศาสตร์

อย่างไรก็ตาม ตูตูพบประสบการณ์ที่สะเทือนใจอย่างสุดซึ้ง เขารู้สึกเศร้าและงงงวยกับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากฝ่ายขวาผิวขาว พวกเสรีนิยมกระแสหลักบางคน และ ANC ถ้อยแถลงอันน่าสยดสยองที่เขาฟังทุกวันทำให้เกิดความเครียดทางอารมณ์เช่นกัน โดยที่ผู้ชมโทรทัศน์เห็นภาพนักบวชที่เฉลียวฉลาดและเฉียบแหลม เอามือปิดหน้าและร้องไห้

ตูตู ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากในช่วงปลายทศวรรษ 1990 เขาเริ่มใช้เวลามากขึ้นกับภรรยาอายุ 60 ปี มีลูกสี่คน และหลานๆ จำนวนมาก เขายังคงวิพากษ์วิจารณ์ ANC และถูกกีดกันออกจากงานศพของเนลสัน แมนเดลาในปี 2013 การที่เขาหายไป ทำให้ประชาชนออกมาแสดงความคิดเห็นกันมาก ตูตูกล่าวในภายหลังว่าเขา “เสียความรู้สึกมาก”

แม้ว่าเขาจะป่วย แต่ตูตูยังคงสนใจเรื่องโลกและมุ่งมั่นที่จะใช้ศักดิ์ศรีทางศีลธรรมอันยิ่งใหญ่ของเขาเพื่อสร้างความแตกต่าง ในปี 2015 เขาได้ยื่นคำร้องเพื่อกระตุ้นให้ผู้นำระดับโลกสร้างโลกที่ใช้พลังงานหมุนเวียนภายใน 35 ปี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้คนมากกว่า 300,000 คนทั่วโลก โดยชี้ว่าการเปลี่ยน แปลงสภาพภูมิอากาศเป็น “ความท้าทายด้านศีลธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในยุคของเรา”

นอกจากนี้ เขายังให้ความเห็นต่อต้านกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกปฎิบัติทางเพศในยูกันดาและยังให้ความเห็นสนับสนุนการุณยฆาต

แมนเดลาซึ่งอาศัยอยู่ใกล้บ้านของตูตูในโซเวโตและได้รับรางวัลโนเบลด้วย กล่าวถึงเพื่อนสนิทของเขาว่า “บางครั้งก็เฉียบขาด มักจะอ่อนโยน ไม่เคยกลัว ไม่ค่อยมีอารมณ์ขัน”

อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ถ่ายภาพร่วมกับตูตู ขณะที่เยี่ยมศูนย์เยาวชนมูลนิธิ HIVและมีส่วนร่วมในกิจกรรมด้านสุขภาพกับเยาวชนในเมืองเคปทาวน์ วันที่ 30 มิ.ย. 2013 ที่มาภาพ:https://www.aljazeera.com/gallery/2021/12/26/in-pictures-south-africas-anti-apartheid-icon-desmond-tutu
“สิ่งที่เดสมอนด์ ตูตู พูด จะเป็นเสียงสะท้อนของคนที่ไม่พูดเสมอ” แมนเดลากล่าว

ในปี 2009 บารัค โอบามา กล่าวถึงว่า ตูตูเป็น “ผู้ทำสงครามเพื่ออิสรภาพ ผู้นำทางจิตวิญญาณ … และรัฐบุรุษที่เคารพนับถือ [ซึ่ง] ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเมตตาและความหวังที่แพร่ไปไกลเกินขอบเขตของดินแดนบ้านเกิด”

เพื่อน ๆ จำได้ว่าตูตูเป็นชายที่มีศรัทธาอย่างลึกซึ้งซึ่งมีเสน่ห์ ความอบอุ่นและมีสติปัญญา ที่น้อยคนนักที่จะต้านทานได้ และเป็นคนที่มีความสุขที่สุดเมื่อทำงานเพื่อผู้อื่น

“ผมชอบที่จะได้รับความรัก” เขาบอกวู ลอว์เลย์ ของบีบีซี เมื่อปรากฏตัวบนรายการ Desert Island Discs ในปี 1994

ตูตู ซึ่งเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมา ได้รับการยกย่องว่าเป็นจิตสำนึกของประเทศทั้งจากคนดำและคนขาว ทั้งคนต่างชาติและคนในประเทศเอง ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ชัดแจ้งถึงศรัทธาและจิตวิญญาณแห่งการปรองดองในประเทศที่แตกแยก