ThaiPublica > ประเด็นร้อน > COVID-19 พลิกโลก > WHO เตือนทั่วโลกเสี่ยงสูงจากไวรัสสายพันธุ์ “โอไมครอน”

WHO เตือนทั่วโลกเสี่ยงสูงจากไวรัสสายพันธุ์ “โอไมครอน”

30 พฤศจิกายน 2021


ดร.เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าวสนทรพจน์ในการประชุม WHA นัดพิเศษ ที่มาภาพ: https://twitter.com/who

ในการปราศรัยเปิดการประชุมนัดพิเศษของสมัชชาอนามัยโลกดร.เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า ไวรัสที่กลายพันธุ์เป็น Omicron เป็นการเตือนว่า “โควิด -19 ยังไม่หายไปจากเรา”

การประชุมพิเศษเป็นเวลา 3 วันของสมัชชาอนามัยโลก (World Health Assemble: WHA) เริ่มขึ้นในวันจันทร์(29 พ.ย.)เพื่อหารือเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมและการตอบสนองต่อโรคระบาด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่กระจายของไวรัสกลายพันธุ์สายใหม่ โอไมครอน( Omicron)

โดยปกติแล้ว WHA จะประชุมกันในเดือนพฤษภาคม แต่สมาชิกองค์การอนามัยโลก(World Health Organization:WHO) ตัดสินใจที่จัดการประชุมพิเศษครั้งนี้ขึ้น

ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ภัยคุกคามที่เกิดจากสายพันธุ์ Omicron ที่ “กลายพันธุ์สูง” แสดงให้เห็นว่าโลกอยู่ในสถานการณ์ที่ “อันตรายและไม่ปลอดภัย” พร้อมเตือนว่า การแพร่ระบาดจะไม่สิ้นสุดจนกว่าทุกประเทศ สามารถเข้าถึงวัคซีนได้

ดร.เทดรอส ให้ความเห็นที่สำคัญครั้งแรกตั้งแต่พบตัวกลายพันธุ์ใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า มันแสดงให้เห็นว่า “ผลที่ได้ทำอย่างยากลำบากจะหายไปในทันที”

WHO ระบุว่า สายพันธุ์ Omicron มีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายไปทั่วโลก ทำให้เกิดความเสี่ยงที่สูงมากที่จะติดเชื้อทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงในบางพื้นที่

องค์การอนามัยโลก ได้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิก 194 แห่งเร่งฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มที่มีความสำคัญสูง และในพื้นที่ที่คาดว่าจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นนั้น ให้ “ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีแผนบรรเทาผลกระทบ” เพื่อให้บริการด้านสุขภาพรองรับได้

ดร.เทดรอส กล่าวว่าการระบาดใหญ่จะยังไม่หมดไป จนกว่าสิ่งที่เรียกว่า “วิกฤติวัคซีน” จะสิ้นสุดลง โดยเน้นว่า

ประเทศที่มีรายได้ต่ำได้รับวัคซีนโควิดเพียง 0.6% ของโลก กลุ่มประเทศ G-20 ได้รับ 80% พร้อมเสริมว่า “ไม่มีประเทศใดสามารถฉีดวัคซีนให้รอดจากการแพร่ระบาดเพียงลำพังได้”

“แทนที่จะพบกันหลังการระบาดใหญ่ เรากำลังประชุมกันเพราะมีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจำนวนมากในยุโรป โดยมีผู้เสียชีวิตที่ยังไม่รู้และนับไม่ถ้วนทั่วโลก” ดร.เทดรอสกล่าวและว่า “และแม้ว่าภูมิภาคอื่นๆ จะมีแนวโน้มลดลงหรือทรงตัว แต่ถ้าจะพูดถึงสิ่งที่เราได้เรียนรู้ นั่นคือไม่มีภูมิภาคใด ประเทศ ชุมชน และบุคคลใดปลอดภัยจนกว่าเราจะปลอดภัย การเกิดขึ้นของสายพันธุ์ Omicron ที่กลายพันธุ์อย่างมาก ตอกย้ำว่าสถานการณ์ของเรามีอันตรายและไม่แน่นอนแค่ไหน”

ประเทศที่รายพบการติดเชื้อ Omicron ที่มาภาพ: https://www.theguardian.com/world/2021/nov/29/omicron-covid-variant-poses-very-high-global-risk-says-who

องค์การอนามัยโลกกล่าวก่อนหน้านี้ว่า “Omicron มีการกลายพันธุ์ของspike protein อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งบางส่วนน่ากังวลเกี่ยวกับผลที่อาจเกิดขึ้นต่อวิถีของการแพร่ระบาด ความเสี่ยงทั่วโลกโดยรวมที่เกี่ยวข้องกับสายพันธุ์ใหม่ … มีการประเมินว่าสูงมาก”

จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับ Omicron แม้ว่า WHO กล่าวว่า ยังต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อประเมินความสามารถของ Omicron ในการหลบเลี่ยงจากภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนและการติดเชื้อครั้งก่อน

“จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าระดับความรุนแรงของโรคที่เปลี่ยนไป อาจก่อให้เกิดความต้องการอย่างล้นหลามของระบบการดูแลสุขภาพและอาจนำไปสู่การเจ็บป่วยและการตายที่เพิ่มขึ้น ผลกระทบต่อประชากรกลุ่มเปราะบางจะมีมาก โดยเฉพาะในประเทศที่มีการฉีดวัคซีนต่ำ” รายงานระบุ

ไวรัสายพันธุ์ใหม่นี้มีการรายงานครั้งแรกไปยัง WHO เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนจากแอฟริกาใต้ซึ่งมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่นั้น ก็แพร่กระจายไปทั่วโลก โดยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก และออสเตรเลีย แม้หลายประเทศจะกำหนดข้อจำกัดการเดินทางเพื่อป้องกันตัวเอง

  • นานาชาติจำกัดการเดินทางจากแอฟริกาใต้สกัดโควิดกลายพันธุ์สายใหม่ “โอไมครอน”
  • สธ.ห้ามผู้เดินทางจาก 8 ประเทศเสี่ยงในทวีปแอฟริกาเข้าไทยตั้งแต่วันนี้ สกัดโควิด “โอไมครอน”
  • ญี่ปุ่นประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า จะปิดพรมแดนรับชาวต่างชาติ เช่นเดียวอิสราเอลที่ใช้มาตรการที่เข้มงวดที่สุด

    “การพบการกลายพันธุ์ของspike proteinหลาย ตำแหน่ง ในโปรตีนที่ทำหน้าที่ในการจับตัวรับบนผิวเซลล์ แสดงให้เห็นว่า อาจมีโอกาสสูงที่ Omicron หลบเลี่ยงการป้องกันด้วยภูมิคุ้มกัน” WHO กล่าว “อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการหลบเลี่ยงจากภูมิคุ้มกันที่อาศัยเซลล์นั้นคาดเดาได้ยากกว่า โดยรวมแล้วมีความไม่แน่นอนอย่างมากในระดับของความสามารถของ Omicron ในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน”