ThaiPublica > ประเด็นร้อน > COVID-19 พลิกโลก > ไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ Omicron มีแนวโน้ม “ครองโลก”ใน 3-6 เดือน

ไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ Omicron มีแนวโน้ม “ครองโลก”ใน 3-6 เดือน

2 ธันวาคม 2021


ที่มาภาพ: https://www.un.org/africarenewal/magazine/june-2021/limited-supplies-slow-covid-19-vaccination-africa

แพทย์ด้านโรคติดเชื้อในสิงคโปร์ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่มีแนวโน้มจะ “ถาโถมทั้งโลก” ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ดร. เหลียง โฮ นัม จากโรงพยาบาล Mount Elizabeth Novena กล่าวเมื่อวันพุธ( 1 ธ.ค.)ว่า แม้จะพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่โอไมครอนได้อย่างรวดเร็ว แต่ต้องใช้ทดสอบนาน 3-6 เดือน

“ขอบอกตรงๆ โอไมครอนจะครองโลกและถาโถมทั่วโลกใน 3-6 เดือน” ดร.เหลียงให้สัมภาษณ์รายการ “Street Signs Asia” ของ ซีเอ็นบีซี

เดลต้า ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ถึง 99% เริ่มกระจายมากขึ้นในรัฐมหาราษฏระของอินเดียในเดือนมีนาคม 2564 และแพร่กระจายไปทั่วโลกในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน จากการรายงานของรอยเตอร์

สเตฟาน บันเซล ซีอีโอของ Moderna กล่าวเมื่อวันจันทร์( 29 พ.ย.) ว่าจะใช้เวลาหลายเดือนในการพัฒนาและจัดส่งวัคซีนที่มีพัฒนาเฉพาะสำหรับสายพันธุ์โอไมครอน

อัลเบิร์ต บูร์ลา ซีอีโอของไฟเซอร์กล่าวว่า วัคซีนอาจจะพร้อมใช้ในเวลาไม่ถึง 100 วันหรือนานกว่า 3 เดือนเล็กน้อย

ดร. เหลียง โฮ นัม จากโรงพยาบาล Mount Elizabeth Novena ที่มาภาพ:https://www.cnbc.com/2021/12/02/omicron-to-dominate-and-overwhelm-the-world-in-3-6-months-doctor-says.html

“เป็นความคิดที่ดี แต่จริงๆ แล้ว มันไม่มีประโยชน์” ดร.เหลียงกล่าวถึงวัคซีนที่มุ่งเป้าไปที่โอไมครอนโดยเฉพาะ “เราไม่สามารถรีบฉีดวัคซีนได้ทันเวลาและเมื่อวัคซีนมาถึง แทบทุกคนติดเชื้อโอไมครอนไปแล้ว เนื่องจากสายพันธุ์นี้แพร่เชื้อได้สูงและเร็ว”

ผู้เชี่ยวชาญยังไม่ทราบแน่ชัดว่า สายพันธุ์โอไมครอนที่กลายพันธุ์สูงติดต่อได้อย่างไร แต่ spike protein ในตำแหน่งที่ทำหน้าที่ในการจับตัวรับบนผิวเซลล์ มีการกลายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับการแพร่เชื้อที่สูงขึ้นและภูมิคุ้มกันที่ลดลง

“ข้อมูลการกลายพันธุ์ชี้ชัดว่า มันจะมีความสามารถในการแพร่เชื้อและอาจหลบเลี่ยงภูมิคุ้มที่จะได้รับ” ดร. แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อในสหรัฐอเมริกาให้สัมภาษณ์รายการ “Meet the Press” ของ เอ็นบีซี ในวันอาทิตย์(28 พ.ย.)

การปกป้องจากวัคซีนที่มีอยู่

ตามที่ระบุว่า แพทย์บางรายเชื่อว่าวัคซีนที่มีอยู่จะสามารถป้องกันสายพันธุ์ใหม่ได้นั้น ดร. ไซรา มาดาด นักวิจัยของ Belfer Center for Science and International Affairs กล่าวว่า ร่างกายคนเราสร้าง “ภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันจำนวนมาก” เพื่อตอบสนองต่อวัคซีน

“ฉันคิดว่าวัคซีนปัจจุบันของเราจะยังคงมีประสิทธิภาพในระดับหนึ่งต่อสายพันธุ์ใหม่นี้” ดร.ไซราให้สัมภาษณ์รายการ Capital Connection ของ ซีเอ็นบีซี เมื่อวันพุธ(2 ธ.ค.) โดยชี้ว่า วัคซีนสามารถป้องกันสายพันธุ์เดลตาได้

ดร. ไซรา มาดาด นักวิจัยของ Belfer Center for Science and International Affairs ที่มาภาพ:https://www.cnbc.com/2021/12/02/omicron-to-dominate-and-overwhelm-the-world-in-3-6-months-doctor-says.html

“มันอาจลดประสิทธิภาพของวัคซีนได้ 2-3 ขั้น แต่ก็ยังไม่เห็น” ดร.ไซรากล่าว วัคซีนในปัจจุบันและการฉีดเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันน่าจะให้ “การป้องกันในระดับที่ดี”

ดร.เหลียงเห็นด้วยว่า การวัคซีน 3 เข็มน่าจะป้องกันอาการรุนแรงได้ แต่ชี้ให้เห็นว่าหลายประเทศยังคงมีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ

ดร.เหลียงกล่าวว่าโอไมครอนกำลัง “คุกคามคนทั้งโลก”ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างทันที และระบบบริการสุขภาพอาจรับภาระหนักมากและตึงมือ แม้จะมีเพียง 1% หรือ 2% ของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ ดร.เหลียงกล่าวว่า ควรดำเนินการฉีดวัคซีน รักษาระยะห่าง สวมหน้ากาก และอย่ากังวลจนเกินไป เช่นเดียวกับดร.ไซรา ที่บอกว่า “เรายังคงใช้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง” เธอกล่าว “การป้องกันหลายชั้นเป็นแนวทางที่ดีที่สุดจริงๆ”

แอฟริกาใต้ติดเชื้อเพิ่ม 2 เท่าภายใน 24 ชม.

ด้าน บีบีซีรายงานว่าใน แอฟริกาใต้มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 2 เท่าใน 24 ชั่วโมง จากการแพร่กระจายของสายพันธุ์ Omicron ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวว่า Omicron สายพันธุ์ใหม่ของไวรัสโคโรนา ได้เขมือบแอฟริกาใต้และกำลังส่งผลให้มีการติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก

โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 8,500 รายจากการบันทึกข้อมูลรายวันล่าสุด ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 2เท่าจากจำนวน 4,300 รายที่ยืนยันแล้วในวันก่อนหน้า

ขณะนี้มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ Omicron อย่างน้อย 24 ประเทศทั่วโลกตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก

ไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน ตรวจพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้และองค์การอนามัยโลก (World Health Organization:WHO) จัดว่าเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อซ้ำ ตั้งแต่นั้นมาก็มีรายงานพบการติดเชื้อในประเทศอื่นๆ อีกหลายแห่ง รวมถึงฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ และโปรตุเกส

อินเดีย กานา ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นประเทศล่าสุดที่ได้รับการยืนยันการพบการติดเชื้อสายพันธุ์ Omicron รายแรก ขณะที่ประเทศอื่นๆ รวมทั้งสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี ก็พบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ด้วยเช่นกัน

มีคำถามมากมายเกี่ยวกับ Omicron ที่ยังไม่มีคำตอบ รวมถึงว่าวัคซีนในปัจจุบันจะป้องกันได้แค่ไหน

เมื่อต้นสัปดาห์นี้ หลายประเทศ ทั่วโลกได้ใช้มาตรการจำกัดการเดินทางจากแอฟริกาตอนใต้ ซึ่งทำให้กระทรวงต่างประเทศของแอฟริกาใต้วิจารณ์ว่าถูกลงโทษ แทนที่จะได้รับเสียงปรบมือ จากการตรวจพบไวรัสสายพันธุ์ Omicron

ประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซาของแอฟริกาใต้ยังกล่าวด้วยว่า เขา “ผิดหวังอย่างมาก” กับการสั่งห้ามการเดินทาง ซึ่งชี้ว่าไม่ยุติธรรม

ประชาชนรอฉีดวัคซีนในโจฮันเนสเบิร์ก ที่มาภาพ: https://www.mercurynews.com/2021/11/26/world-races-to-contain-new-covid-threat-the-omicron-variant/

ดร.เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เตือนในเวลาต่อมาว่า มาตรการสกัดโควิด ถือเป็นการลงโทษแอฟริกาตอนใต้อัตราการติดเชื้อรายใหม่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงเริ่มต้นของการระบาดระลอกที่สี่ในแอฟริกาใต้ และกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ยังมีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ศาตราจารย์ซาลิม อับดุล คาริม จากคณะทำงานเฉพาะกิจด้านไวรัสโคโรนาในแอฟริกา กล่าวว่า “ไม่ต่างจากสายพันธุ์ก่อนหน้าที่ภาพรวมจะยังไม่ชัดเจนจนกว่า จะมีคนป่วยหนักจนต้องไปโรงพยาบาล ซึ่งโดยทั่วไปแล้วะเป็น 3-4 สัปดาห์ต่อมา”

“แต่ผลที่เราได้รับคือไม่มีธงแดง(สัญญานอันตราย)เลย เราไม่เห็นอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่เราเห็นคือสิ่งที่คุ้นกันอยู่แล้ว” ศาตราจารย์ซาลิม กล่าวกับรายการ BBC’s Newsday

สถาบันโรคติดต่อแห่งชาติ (National Institute for Communicable Diseases :NICD) ชี้ว่า คนส่วนใหญ่ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในแอฟริกาใต้ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน ไวรัสโควิด

ทั้งไม่มีการขาดแคลนวัคซีนในประเทศ และนายรามาโฟซาได้เรียกร้องให้คนมาฉีดวัคซีนมากขึ้น โดยกล่าวว่า ยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับไวรัส

ชาวแอฟริกาใต้ประมาณ 24% ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว มากกว่าค่าเฉลี่ย 6% ของทั้งทวีปแอฟริกา ณ เดือนตุลาคม แต่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยล่าสุดของยุโรปที่ 54%