ThaiPublica > ประเด็นร้อน > COVID-19 พลิกโลก > WHO เตือนสึนามิยอดติดเชื้อโควิด จากโอไมครอน-เดลตา

WHO เตือนสึนามิยอดติดเชื้อโควิด จากโอไมครอน-เดลตา

30 ธันวาคม 2021


ที่มาภาพ: https://news.un.org/en/story/2021/12/1108452

ผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นอาจสร้าง ‘แรงกดดันมหาศาลต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและระบบสุขภาพที่เหนื่อยล้า’ ดร.เทดรอส
กล่าว

ดร.เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (World Health Organization :WHO) เตือนว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอไมครอนและเดลตา อาจทำให้เกิด “สึนามิ” ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่จะทำให้เกิด “แรงกดดันมหาศาล” ต่อระบบการรักษาพยาบาล

“ผมกังวลอย่างมากว่าโอไมครอน ซึ่งแพร่เชื้อได้มากกว่า [และ] แพร่ระบาดไปพร้อมๆกับเดลตา จะนำไปสู่การเกิดสึนามิการติดเชื้อ”

ดร.เทดรอส กล่าวในการแถลงข่าวออนไลน์เมื่อวันพุธ(29 ธ.ค.)

การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นมาสองปีแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานด้านสุขภาพของสหประชาชาติเตือนว่า ยังเร็วเกินไปที่จะให้ความมั่นใจ แม้ข้อมูลเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่า โอไมครอน สายพันธุ์ล่าสุดที่ตรวจพบ ไม่ทำให้เกิดอาการรุนแรง

จากการรายงานครั้งแรกเมื่อเดือนที่แล้วในแอฟริกาใต้ กลายมาเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่กระจายในสหรัฐอเมริกาและบางส่วนของยุโรป ในช่วงนี้

สมาชิกของ WHO จำนวน 92 ประเทศจากทั้งหมด 194 ประเทศ ฉีดวัคซีนไม่ได้ตามเป้า 40% ของประชากรทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ดร.เทดรอสเรียกร้องให้ทุกคนตั้ง “ปณิธานปีใหม่” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีน ให้ได้ 70% ของประชากรของทุกประเทศภายใน ต้นเดือนกรกฎาคม

จากตัวเลขของ WHO จำนวนผู้ป่วยโควิด -19 ทั่วโลกที่มีการบันทึกเพิ่มขึ้น 11% ในสัปดาห์ที่แล้วจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เกือบ 4.99 ล้านคน ในช่วงวันที่ 20- 26 ธันวาคม

จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในยุโรป คิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมด เพิ่มขึ้น 3% ขณะที่ในอเมริกาเพิ่มขึ้น 39% และในแอฟริกา 7% ผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกทยอยเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคม

ด้วยความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น ผู้อำนวยการใหญ่อนามัยโลกกล่าวว่า จะทำให้เกิด “แรงกดดันมหาศาลต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เหนื่อยล้าและระบบสุขภาพ ที่ใกล้จะล่มสลาย”

WHO ระบุในรายงานระบาดวิทยาประจำสัปดาห์ว่า “ความเสี่ยงโดยรวม” ที่เกี่ยวข้องกับโอไมครอน “ยังคงสูงมาก” โดยอ้างถึง “หลักฐานที่สอดคล้องกัน” ว่า โอไมครอนมีการเติบโตเหนือสายพันธุ์เดลตา

แม้รายงานชี้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลงในแอฟริกาใต้ และข้อมูลในเบื้องต้นจากแอฟริกาใต้ สหราชอาณาจักร และเดนมาร์ก ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่จะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโอไมครอนลดลง แต่ย้ำว่าจำเป็นต้องมีข้อมูลเพิ่มเติม

ดร.ไมเคิล ไรอัน ผู้บริหารฝ่ายภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพ (Health Emergencies Programme) ขององค์การอนามัยโลก กล่าวย้ำเตือนว่า ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ จะต้อง “สกัดการแพร่ระบาดของทั้งสองสายพันธุ์ให้มากที่สุดเท่าที่เราสามารถทำได้”

ดร.ไรอัน กล่าวว่า การติดเชื้อโอไมครอนส่วนใหญ่เริ่มในกลุ่มคนหนุ่มสาว “สิ่งที่เรายังไม่เห็นคือ การก่อตัวอย่างเต็มที่ของระลอกการระบาดของโอไมครอนในกลุ่มประชากรในวงกว้าง”

“และผมค่อนข้างไม่กล้าที่จะคาดการณ์ในเชิงบวกจนกว่า เราจะเห็นว่าวัคซีนจะป้องกันได้ดีแค่ไหนในประชากรสูงอายุและกลุ่มเสี่ยง”

ข้อมูลผิดและความไม่เท่าเทียมของวัคซีน

ดร.เทดรอส ประณามประเทศร่ำรวย โดยกล่าวหาว่า ได้ใช้สรรพกำลังเพื่อต่อสู้กับโควิด -19 แต่กลับเปิดประตูหลังรับไวรัส

“ประชานิยม ลัทธิชาตินิยมที่แคบ และการกักตุนเครื่องมือด้านสุขภาพ รวมทั้งหน้ากาก ยารักษา การวินิจฉัย และวัคซีน จากไม่กี่ประเทศ ได้ทำลายความเท่าเทียม และสร้างเงื่อนไขที่เอื้อต่อการระบาดของสายพันธุ์ใหม่”

ขณะเดียวกัน ดร.เทดรอสกล่าวว่า การบิดเบือนข้อมูลเป็นสิ่งที่ทำให้ไขว้เขวอย่างต่อเนื่องในปี 2021 ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อความพยายามในการเอาชนะการแพร่ระบาด

“จากการติดเชื้อจำนวนมากในยุโรปและในหลายประเทศทั่วโลก ข้อมูลที่ผิด ทำให้เกิดความลังเลในการฉีดวัคซีน และกำลังแปลงไปสู่ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งเสียชีวิตมากเกินไป”

ดร.เทดรอสกล่าวอีกว่า ในปี 2020 ที่มีผู้เสียชีวิต 1.8 ล้านคน แต่เพิ่มขึ้นเป็น 3.5 ล้านคนในปี 2021 และจำนวนจริงน่าจะสูงกว่านี้มาก

แต่ ดร.เทดรอสกล่าวว่า ยังคง “มองโลกในแง่ดีว่า [2022] อาจเป็นปีที่เราไม่เพียงแต่ยุติระยะรุนแรงของการระบาดใหญ่เท่านั้น แต่เรายังอยู่บนเส้นทางสู่ความมั่นคงด้านสุขภาพที่เข้มแข็งมากขึ้นด้วย”