ThaiPublica > คนในข่าว > “ภควิภา เจริญตรา” เปิดเส้นทางความยั่งยืน จาก ‘กลุ่มแอกซ่า’ ถึง ‘กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต’

“ภควิภา เจริญตรา” เปิดเส้นทางความยั่งยืน จาก ‘กลุ่มแอกซ่า’ ถึง ‘กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต’

25 มีนาคม 2021


นางภควิภา เจริญตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายลูกค้า กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต

กลุ่มแอกซ่า ธุรกิจประกันภัยระดับโลก เข้ามาลงทุนในประเทศไทยราวปี 2540 พร้อมกับการร่วมทุนระหว่าง บมจ.ธนาคารกรุงไทย และกลุ่มแอกซ่า กลุ่มธุรกิจประกันชีวิต สุขภาพ และบริหารสินทรัพย์ขนาดใหญ่ เนื่องจากมองเห็นศักยภาพ และการเติบโตของตลาดประกันชีวิตในประเทศไทย

กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต มุ่งเน้นการสนับสนุน ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมใน ด้าน ความยั่งยืน หรือ ‘Sustainability’ พร้อมการันตีด้วยรางวัลทั้งระดับประเทศ และระดับนานาชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็น รางวัล 3G Best CSR Initiative 2020 จาก Global Good Governance, Best CSR Insurance Company 2020 จาก The Global Economics Award 2020, Best CSR Initiative Thailand 2020 จาก International Business Magazine Award และล่าสุดกับรางวัล Best CSR Insurance Company จาก Global Business Outlook Awards 2020

หนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการผลักดัน ‘กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต’ คือ นางภควิภา เจริญตรา ผู้บริหารหญิงมากประสบการณ์ ผู้อยู่ในแวดวงธุรกิจประกันชีวิตเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 20 ปี โดยเริ่มงานที่เเรกเเละสั่งเสริมประสบการณ์เกือบ 20 ปีที่เอไอเอ เเละได้มีโอกาสร่วมงานในเวลาสั้นๆ ที่บริษัทพรูเดนเชียลประกันชีวิต ปัจจุบัน นางภควิภา เจริญตรา ดำรงตำเเหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายลูกค้า ที่บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต

“บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ดำเนินธุรกิจมาเกือบ 25 ปี พนักงานส่วนใหญ่ คือคนรุ่น Gen Y พนักงานรุ่นนี้ มีความคิดสร้างสรรค์ กล้าคิดกล้าเเสดงความคิดเห็น ซึ่งเราว่ามันเป็นส่วนผสมที่ดี กับคนรุ่นเราซึ่งเราก็ต้องเข้าใจคน Gen Y เราต้องหาจุดแข็ง เเละทำงานร่วมกันให้ได้ เเละจริงๆ มันดีมากเลย”

บทบาทของนางภควิภา คือ การสร้างแบรนด์ การดูเเลผลิตภัณฑ์และการบริการลูกค้า การพัฒนาธุรกิจประกันสุขภาพ ธุรกิจด้านดิจิทัล การสร้างประสบการณ์ที่ดี และความพึงพอใจให้กับลูกค้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการต่อยอดของธุรกิจ ทั้งนี้เพื่อเป้าหมายของการเป็นเบอร์ 1 ในตลาดประเทศไทย

“ดัชนีความยั่งยืน” กำกับมาตรฐาน กลุ่มแอกซ่า

กลุ่มแอกซ่าทำธุรกิจทางการเงินระดับโลก เกิดขึ้นในทวีปยุโรปมาตั้งแต่ปี 2528 และได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยที่แอกซ่าเข้ามาเปิดให้บริการในช่วงปี 2540

“แอกซ่ามี Sustainability Index เป็นดัชนีชี้วัดความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นมาตรฐานของกลุ่มแอกซ่า ทุกบริษัทภายใต้กลุ่มแอกซ่าจะต้องผ่านการประเมินทุกปี กับ 3 เรื่องหลักคือ สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และเศรษฐกิจ (Economic)”

“แต่ละข้อมีคะแนนหนึ่งถึงห้า ทุกฝ่าย ในองค์กรต้องตอบ และอธิบายอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว เช่น การใช้รถ คาร์บอนมอนอกไซด์ พลังงาน กระดาษ หรือ Climate Change ว่าบริษัทฯ เราทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ประเทศไทยมีผลกระทบเรื่องนี้มาก เราต้องกลับมาดูส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรา”

กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมมาโดยตลอดอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ระดับผู้บริหาร และพนักงาน ผ่านนโยบาย และโครงการต่างๆ มากมาย ที่มุ่งเน้นการช่วยเหลือสังคมอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ได้คะแนน Sustainability Index เป็นอันดับ 1 ในเอเชียมาสี่ปีซ้อน และเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ส่วนประเทศที่ได้รับคะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 คือฝรั่งเศสซึ่งเป็นบริษัทแม่

นางภควิภาเล่าว่า แต่ละประเทศจะมีกิจกรรมหรือโครงการของตัวเอง โดย กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิตมีกิจกรรม Mental Health Day ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เเละเป็นกิจกรรมที่ผู้เข้าร่วมได้ประโยชน์ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต

ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ที่กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จัดทำแล้ว เเละเป็นต้นแบบที่ดี ได้เเก่ กิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรอย่าง LFC (ลิเวอร์พูล) เพราะเป็นกิจกรรมที่ได้ฐานแฟนคลับมากมาย กิจกรรม KOP Run เพราะคนไทยสนใจเรื่องวิ่ง โครงการ Football Youth Academy โดยเปิดให้เยาวชนอายุ 13-15 ปี อบรมทักษะฟุตบอล และให้ทุนการศึกษาเยาวชน

นางภควิภากล่าวต่อว่า กลุ่มแอกซ่ามีเป้าหมายที่จะผลักดันบทบาทของผู้หญิง หรือ Women in Leadership และให้โจทย์กับธุรกิจในแต่ละประเทศ

หากจะเปรียบเทียบแบรนด์กับคนหนึ่งคน นางภควิภามองว่า กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต คือคนหนุ่มสาวที่มีความมั่นใจ กล้าคิดกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง เชื่อในศักยภาพของตัวเองแบบ Know You Can และมองเห็นความเท่าเทียมทางสังคม

“เรื่องประกันสุขภาพเราเลือกก้อยรัชวิน เพราะเป็นตัวแทนของผู้หญิง แล้วเราเชื่อเรื่องความเท่าเทียมทางสังคม ไม่แบ่งแยกเพศสภาพ เราอยู่ในสังคมเดียวกัน เป็นการสื่อสารผ่านแบรนด์ สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้หญิงได้เห็นว่าผู้หญิงก็พึ่งพาตัวเองได้ เป็นตัวแทนคนรักสุขภาพ ขณะเดียวกันผู้ชายก็ต้องหันมาดูแลตัวเองเหมือนกัน”

ความยั่งยืนในทุกมิติ

นางภควิภาเล่าว่า บริษัทฯวางแผนกลยุทธ์โดยนำประกันสุขภาพมาร่วมพัฒนาสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมหรือ CR (Corporate Responsibility) ซึ่งเกิดประโยชน์ทั้งภายใน และภายนอกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นโครงการตรวจสุขภาพฟรีทั่วไทยแก่ประชาชนคนไทยซึ่งร่วมมือกับโรงพยาบาลในเครือข่าย กระทั่งการทำประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม-ชุมชน และสร้างความยั่งยืนด้วยการไปช่วยเหลือชุมชนบ้านนานา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยบริษัทฯ มีแนวคิดให้ชุมชนสามารถช่วยเหลือ และยืนหยัดด้วยตนเอง โดยให้ความรู้ อุปกรณ์ในการสีข้าว และบรรจุข้าว การมอบพันธ์ปลา เพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่ชุมชน อีกทั้งยังร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในการติดตั้งเสาไฟเพื่อให้ชุมชนได้มีไฟฟ้าใช้ในชีวิตประจำวัน กลายเป็นชุมชนที่มีสุขภาพกาย และสุขภาพทางการเงินที่ดี

ด้านการให้องค์ความรู้ บริษัทฯ พัฒนาโครงการ Green4Good และ Insure Your Success และสอนเรื่องการวางแผนทางการเงิน ให้กับนักเรียนกว่า 4,000 คน ทั่วประเทศ ตลอดระยะเวลากว่า 7 ปี โดยเป็นการร่วมมือกันกับมูลนิธิ “ครอบครัวพอเพียง” และมูลนิธิ Junior Achievement Thailand ซึ่งพนักงานอาสาสมัครจะเป็นครูผู้สอน และครูผู้ช่วยสอนในทั้งสองโครงการ เพื่อสร้างจิตสำนึกในการช่วยเหลือผู้อื่น และร่วมแบ่งปัน ที่เราเรียกว่า “หัวใจทำงาน” หรือ “Hearts in Action”

“เราให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม อาคารที่เราทำงานได้รับรางวัล LEED Gold Certificate คือระบบไฟ อัตโนมัติ Automatic Light Control เเละเราลดการใช้กระดาษ โดยร่วมกับพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ โดยเราตั้งเป้าหมายในการปลูกต้นไม้ทั้งหมด 1 แสนต้นภายใน 3 ปี ซึ่งปี 2563 ที่ผ่านมา เราได้ปลูกต้นไม้จำนวน 60,000 ต้น ที่จังหวัดปทุมธานี และอุบลราชธานี”

นอกจากนี้บริษัทฯ มีการสื่อสารภายในองค์กรทุกเดือนว่าแต่ละเดือน เราลดการใช้ทรัพยากรกระดาษไปจำนวนเท่าไหร่ และสามารถเปลี่ยนเป็นการปลูกต้นไม้ได้กี่ต้น ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการ Green Campaign ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของพนักงาน ฝ่ายขาย และลูกค้า โดยพนักงานลดการใช้กระดาษ 100 แผ่น หรือฝ่ายขายใช้ใบสมัครบนแอปพลิเคชั่น Advisor Zone ของบริษัท หรือลูกค้าเลือกรับกรมธรรม์ในแบบอิเล็กทรอนิกส์ จะเท่ากับการปลูกต้นไม้ 1 ต้น ซึ่งถือเป็นการสร้างความตระหนักรู้ ในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมร่วมกันในภาพกว้าง

อย่างไรก็ตาม นางภควิภามองว่า จุดที่ต้องเสริมให้แข็งแกร่งคือ ‘การสร้างแบรนด์’

“เราคิดว่าเราต้องสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากกว่านี้ ยังมีคนไม่รู้จักกลุ่มแอกซ่าเท่าไหร่นัก แต่รู้จักธนาคารกรุงไทยเป็นอย่างดี ทำอย่างไรจึงจะทำให้ธนาคารกรุงไทย และกลุ่มแอกซ่าร่วมกันดึงศักยภาพที่ต่างคนต่างมี เสริมสร้างแบรนด์ สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้ดียิ่งกว่านี้

“วันนี้เราอายุ 23 ปี เรายังอยู่ในวัยที่มีไฟ มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองให้ไปได้ไกลยิ่งกว่า

ปรับรูปแบบการทำงานสู่ Smart Working

นางภควิภา กล่าวว่า กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ถือเป็นธุรกิจประกันที่นำร่องเรื่อง Smart Working สอดรับการเป็นองค์กรที่น่าทำงานมากที่สุด และสอดคล้องกับนโยบายของกลุ่มแอกซ่า นับตั้งแต่การเผชิญกับความท้าทายของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พนักงานทุกคนสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง ทำงานประสานประโยชน์ร่วมกัน และผลักดันตัวเองได้ดี รวมทั้งยังให้ความสำคัญกับลูกค้าและคู่ค้าด้วยตามแนวคิด Customer First โดยบริษัทฯ ให้พนักงานเลือก 2 วัน ต่อสัปดาห์ ซึ่งเริ่มในเดือนมกราคมที่ผ่านมา

พนักงานมากกว่าครึ่ง คือ คนหนุ่มสาวเจนวายที่เป็นตัวของตัวเอง รักความเป็นอิสระ และต้องการให้บริษัทฯ เชื่อในศักยภาพการทำงาน ดังนั้นผู้บริหารขององค์กรจึงต้องเข้าใจ และเข้าถึง เพื่อสร้างวัฒนธรรมในการทำงานเหล่านี้

“การสร้างความรู้สึกให้กับพนักงานว่าบริษัทฯ เชื่อใจเขาเป็นเรื่องสำคัญมาก คนรุ่นใหม่รักอิสระในการทำงานกล้าคิด กล้าแสดงออก มีความเชื่อมั่น และต้องการความชัดเจน”

“เราเรียนรู้จากพนักงานเยอะมาก มีลูกน้องอายุ 35 บางคน ถามเราเรื่องความคาดหวัง ที่เรามีต่อกันว่าตรงกันไหม ซึ่งเราก็คุยกัน และหาจุดที่ลงตัวที่ทำให้เราทำงานร่วมกันอย่างดีได้”

“เราต้องเชื่อมั่นว่าเราทำได้เหมือนคำที่ว่า Know You Can โดยเฉพาะเวลาเราพูดกับพนักงานในบริษัทฯ อย่างตอนลงท้ายอีเมลเราจะเขียน Know You Can เพื่อให้กำลังใจ เราเชื่อว่าคุณทำได้นะ เพราะความเชื่อมั่น สร้างกำลังใจให้กันและกัน สมดังเป้าหมายสูงสุดของบริษัทฯ คือเคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป”