ThaiPublica > Sustainability > NaTive AD > โออาร์ กับก้าวที่มากกว่าธุรกิจน้ำมัน ภายใต้กรอบ ESG…รวมพลัง ร่วมสร้าง เพื่อทุกวันที่ดีขึ้น

โออาร์ กับก้าวที่มากกว่าธุรกิจน้ำมัน ภายใต้กรอบ ESG…รวมพลัง ร่วมสร้าง เพื่อทุกวันที่ดีขึ้น

14 ธันวาคม 2020


กระแสการนำเอาเรื่อง ESG (Environmental, Social and Governance : ESG) มาใช้กำกับดูแลภาคธุรกิจ เป็นการสร้างแรงกระเพื่อมได้เป็นอย่างดี ในโลกยุควิกฤติการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 และโลกยุค VUCA (Volatility, Uncertainty, Complexity and Ambiguity) ผู้ประกอบการ นักลงทุน ผู้บริโภค และผู้กำกับดูแล ต่างนำ ESG มาเป็นเครื่องมือบริหารจัดการความเสี่ยงที่ซับซ้อนและยากจะคาดเดาในบริบทที่แตกต่างกันไป โดยมีเป้าหมายว่ากระบวนการนี้จะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต ท่ามกลางเส้นทางสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ภาคธุรกิจต่างมีส่วนร่วมดำเนินการในบริบทที่แตกต่างกันไป บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ซึ่งเป็นบริษัทแกนนำ (Flagship) ของกลุ่ม ปตท. ในการดำเนินธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกทั้งในและต่างประเทศได้ให้ความสำคัญกับ ESG เช่นกัน ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะ “รวมพลัง ร่วมสร้าง เพื่อทุกวันที่ดีขึ้น” (Together for Betterment) โดยดำเนินธุรกิจผ่านธุรกิจหลัก 3 กลุ่มได้แก่

1.กลุ่มธุรกิจน้ำมัน (Oil Business) อาทิ จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบค้าปลีกผ่านสถานีบริการน้ำมัน PTT Station กว่า 1,900 สาขาทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) รวมทั้งการจำหน่ายเชิงพาณิชย์ให้กับกลุ่มลูกค้าต่าง ๆ เช่น กลุ่มลูกค้าอากาศยานและเรือขนส่ง โดยลูกค้าในกลุ่มพาณิชย์นี้รวมกันกว่า 2,600 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562) และด้วยการมุ่งสู่การเป็น Energy Solution Provider ในการให้บริการด้านเทคนิคควบคู่การขายผลิตภัณฑ์อย่างครบวงจร นอกจากนี้ ยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์หล่อลื่น จาระบีไขข้น และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใต้แบรนด์ PTT Lubricants

2.กลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-oil Business) โออาร์ ดำเนินธุรกิจร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ที่หลากหลาย ผ่านเครือข่ายร้านค้าที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สถานีบริการน้ำมัน PTT Station และทำเลอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น ร้านกาแฟ “Café Amazon” ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 3,400 สาขาทั้งในไทยและต่างประเทศ (ข้อมูลจำนวนร้าน ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) ร้านอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ “Texas Chicken” “ฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ” ร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ “จิฟฟี่” และ “7-Eleven” ซึ่งปัจจุบันมีร้านสะดวกซื้อภายใต้ 2 แบรนด์ดังกล่าวรวมกัน 1,960 ร้านในประเทศไทย (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) เป็นต้น

3. ธุรกิจต่างประเทศ (International Business) โออาร์ สร้างชื่อเสียงให้แบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักในระดับสากล ด้วยการผสมผสานธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ และต่อยอดความสำเร็จไปยังต่างประเทศ โดยมีสถานีบริการน้ำมัน PTT Station 329 แห่ง ร้าน Café Amazon 272 สาขา ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ 86 สาขา และศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto 4 สาขา ที่กระจายอยู่ใน 10 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม จีน สิงคโปร์ โอมาน ญี่ปุ่น และมาเลเซีย (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)

โออาร์…ธุรกิจที่ยั่งยืนต้องยืนหยัดในกรอบ ESG

ด้วยตระหนักดีว่าธุรกิจจะเติบโตได้อย่างยั่งยืน ต้องดำเนินไปควบคู่กับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โออาร์ จึงปลูกฝังหลักคิดและการทำงานที่คำนึงถึง ESG เสมอมา เช่น การให้ความสำคัญกับสังคมชุมชนรอบสถานประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณคลังเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม หรือสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ทั้งในไทยและต่างประเทศ การให้ความสำคัญกับประชาชน เช่น เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน SMEs ฯลฯ โดยร่วมดูแลและสนับสนุนการพัฒนาให้เติบโตเคียงข้างไปกับ โออาร์ เพื่อให้ โออาร์ เติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนทั่วประเทศ

ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) โออาร์ มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เช่น การจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลประเภทต่างๆ เป็นรายแรก การพัฒนาพลังงานทางเลือกสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยปัจจุบัน สถานีบริการน้ำมัน PTT Station ของ โออาร์ มีการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าให้แก่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) แล้ว 25 สถานี ตลอดจนการพัฒนาโครงการต่าง ๆ เช่น นวัตกรรม Circular Living ในร้านกาแฟ Café Amazon ที่นำวัสดุที่ใช้แล้วภายในร้าน Café Amazon และโรงคั่วกาแฟ Café Amazon มาผ่านกระบวนการอัพไซคลิ่งผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับตกแต่งทั้งภายในและภายนอกร้าน

สถานีชาร์จไฟฟ้าให้แก่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station)

ด้านสังคม (Social) โออาร์ มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจที่ให้สังคมมีส่วนร่วม (Social Inclusiveness) เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและแข็งแกร่งให้ธุรกิจ ให้สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค และทันต่อความเปลี่ยนแปลงของบริบททางสังคมและเศรษฐกิจ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนกว่า และเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ด้วยโครงการต่าง ๆ ที่มุ่งสร้างการเข้าถึง “โอกาส” อย่างเท่าเทียม เช่น โครงการคาเฟ่ อเมซอน ฟอร์ แช้นส์ (Café Amazon for Chance) ที่เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการทางการเรียนรู้และการได้ยิน และทหารผ่านศึก ได้มาเป็นบาริสต้าของร้านกาแฟ Café Amazon และสามารถต่อยอดเป็นอาชีพส่วนตัวได้ในอนาคต และการออกแบบสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ด้วยการผสานแนวคิดอารยสถาปัตย์ (Friendly Design) มีทางเชื่อมและทางลาดให้ผู้ใช้บริการทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย สามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ได้อย่างสะดวกสบาย เป็นต้น

นอกจากนี้ โออาร์ ยังสนับสนุนช่องทางการจำหน่ายสินค้าวิสาหกิจชุมชนภายในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ทั่วประเทศผ่านโครงการไทยเด็ด ด้วยโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืนที่ช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนโดยรอบสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ให้ได้เติบโตไปด้วยกัน โออาร์ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและช่วยสร้างสังคมที่ดีขึ้น

ด้านธรรมาภิบาล (Governance) โออาร์ ยึดหลักการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส และเป็นธรรม ในทุกกระบวนการดำเนินธุรกิจ มีนโยบายให้มีการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานอย่างโปร่งใส และกำหนดให้มีผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานแต่ละส่วนอย่างชัดเจน ทั้งมีนโยบายเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเกิดทุจริตคอร์รัปชัน

ล่าสุด โออาร์ ได้รับการอนุมัติคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นออกใหม่จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2563 และ โออาร์ จะสามารถเสนอขายหุ้นได้เมื่อร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering หรือ IPO) เร็ว ๆ นี้

การระดมทุนในครั้งนี้เพื่อนำมาขยายสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ให้ครอบคลุมกว่า 2,500 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2568 สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย (SME) ผ่านการขยายร้านกาแฟ Café Amazon เป็นกว่า 5,200 สาขาในประเทศไทย พร้อมขยายแบรนด์ไทยในระดับโลก ด้วยการเปิดสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ให้ครอบคลุมกว่า 650 สาขา และเปิดร้านกาแฟ Café Amazon ให้ครอบคลุมกว่า 550 สาขาในฟิลิปปินส์ ลาว กัมพูชา ตามแผนการลงทุนของบริษัทในปี 2563-2568 (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โออาร์

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โออาร์ กล่าวถึงแนวคิดธุรกิจว่าด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลก ควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าให้กับชุมชนผ่านการดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ของ โออาร์ รวมทั้งการมีรากฐานของธุรกิจที่มั่นคง ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของทั้ง 3 ธุรกิจหลัก การมีแหล่งรายได้ที่หลากหลายช่วยกระจายความเสี่ยง และยังสามารถต่อยอดการเติบโตซึ่งกันและกัน

“วันนี้ โออาร์ พร้อมที่จะเดินหน้าแผนเสนอขายหุ้น IPO เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มาร่วมเป็นเจ้าของและต่อยอดสู่การเติบโตที่ไกลกว่าเดิม โดย โออาร์ จะต่อยอดการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์หลักที่มุ่งสร้างสรรค์คุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการที่น่าเชื่อถือ พัฒนาให้ตรงใจผู้บริโภค ยกระดับแบรนด์ไทยไปอีกขั้น เสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่ครบวงจร ผลักดันประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน เพื่อทุกวันที่ดีขึ้น และเติบโตไปพร้อม ๆ กับสังคมไทยอย่างยั่งยืนในระยะยาว” นางสาวจิราพรกล่าว

ก้าวใหม่ของ โออาร์ ในวันนี้ กำลังมุ่งสู่การเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกที่สร้างคุณค่าให้กับชุมชนผ่านการดำเนินธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจให้สังคมมีส่วนร่วม (Social Inclusiveness) ภายใต้การประสานพลังกับสังคม ชุมชน คู่ค้า ลูกค้า ตลอดจนนักลงทุน และประชาชน เพื่อร่วมสร้างสิ่งที่ดีกว่า เพื่อทุกวันที่ดีขึ้น ซึ่ง โออาร์ เชื่อมั่นว่าคือหัวใจของความสำเร็จสู่การเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง