ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “ชาวไอร์แลนด์เหนือวัย 90 ฉีดวัคซีนโควิด-19 คนแรก – เมื่อไหร่ถึงคิวไทย” และ “อาร์เจนตินาผ่านกม.เก็บภาษีคนรวยมาสู้โควิด”

• Facebook
• Twitter
• Line

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 5-11 ธ.ค. 2563

ชาวไอร์แลนด์เหนือวัย 90 ฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นคนแรก – เมื่อไหร่ถึงคิวไทย

โปรดเกล้าฯ 5 ผบ.เหล่าทัพเป็น ส.ว. “โดยตำแหน่ง”

เพนกวินประกาศ “ยกเลิกการ์ดอาสา” หันไปใช้การ์ดมืออาชีพแทน

ธนาคารโลกชี้ คะแนน PISA เด็กไทยถดถอย

อาร์เจนตินาผ่านกฎหมายเก็นภาษีคนรวยมาสู้โควิด

ชาวไอร์แลนด์เหนือวัย 90 ฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นคนแรก – เมื่อไหร่ถึงคิวไทย

วันที่ 8 ธ.ค. 2563 มาร์กาเรต คีแนน ชาวไอร์แลนด์เหนือวัย 90 ปี ได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 เป็นคนแรกของโลก โดยวัคซีนที่คีแนนได้รับนั้นพัฒนาร่วมกันโดยไฟเซอร์ (Pfizer) และไบออนเทค (BioNTech) ซึ่งอัตราความมีประสิทธิภาพอยู่ที่ประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์เมื่อได้รับครบสองโดส และที่คีแนนได้รับคือโดสแรก

นอกเหนือจากไฟเซอร์และไบออนเทคที่พัฒนาวัคซีนร่วมกันแล้วยังมีอีกหลายบริษัทที่กำลังพัฒนาวัคซีนโควิด-19 โดยมีผระเทศต่างๆ เริ่มทำสัญญาซื้อขายวัคซีนกับบริษัทเหล่านี้ ไทยเองก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยบริษัทที่ไทยเลิกทำสัญญาซื้อขายด้วยคือ แอสทราเซเนคา (AstraZeneca) ซึ่งพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด

ผลการทดลองวัคซีนโควิด-19 ของแอสทราเซเนคาปรากฏว่า เมื่อทดสอบกับอาสาสมัครกลุ่มเล็กในอังกฤษและบราซิล จะมีประสิทธิภาพอยู่ที่ 90 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่เมื่อทดลองกับอาสาสมัครกลุ่มใหญ่กว่า ประสิทธิภาพกลับอยู่ที่ 62 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแม้จะผ่านมาตรฐานของหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ซึ่งกำหนดไว้ที่ 50 เปอร์ฺเซ็นต์ แต่ก็ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ ที่กำลังพัฒนา เช่น วัคซีนของกลุ่มคู่แข่งอย่างไฟเซอร์-ไบออนเทค และโมเดอร์นา (Moderna) มีประสิทธิภาพสูงถึง 94-95% เมื่อได้รับครบ 2 โดส

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไทยได้ทำสัญญาจอและซื้อวัคซีนโควิด-19 กับแอสทราเซเนคาเป็นจำนวน 26 ล้านโดส (ฉีดได้ 13 ล้านคน) โดยคาดว่าจะได้รับวัคซีนช่วงประมาณกลางปี พ.ศ. 2564

อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์ไทยพับลิก้า — วัคซีนโควิด : เมื่อไหร่จะได้ฉีด
เว็บไซต์บีบีซีไทย — โควิด-19: หญิงวัย 90 ปีรับวัคซีนวัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของไฟเซอร์-ไบออนเทค เป็นคนแรกของโลก
เว็บไซต์ THE STANDARD — นักวิทย์ฯ หวังการทดลองวัคซีน AstraZeneca ในสหรัฐฯ จะช่วยไขความกระจ่างด้านประสิทธิภาพ หลังผลการศึกษาเบื้องต้นให้ข้อมูลคลุมเครือ
เว็บไซต์บีบีซีไทย — โควิด-19 : เปรียบเทียบวัคซีนของ 4 บริษัท
เว็บไซต์รัฐบาลไทย — สธ.แจงมีระบบบริหารจัดการวัคซีนโควิด 19 ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตามกำหนด
เว็บไซต์บิสเนสทูเดย์ — ไทยเสียรู้? เซ็นสัญญาวัคซีนโควิด-19 AstraZeneca ส่อแววไร้ประสิทธิภาพ

โปรดเกล้าฯ 5 ผบ.เหล่าทัพเป็น ส.ว. “โดยตำแหน่ง”

วันที่ 8 ธ.ค. 2563 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศเรื่องการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โดยพระยาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ให้ผู้บัญชาการเหล่าทักต่างๆ ทั้ง 5 เหล่าทัพ เข้าดำรงตำแหน่งเป็น ส.ว. แทนผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างๆ ที่หมดวาระไป ประกอบด้วย

1. พล.อ. เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) แทน พล.อ. พรพิพัฒน์ เบญญศรี
2. พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. แทน พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์
3. พล.ร.อ. ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. แทน พล.ร.อ. ลือชัย รุดดิษฐ์
4. พล.อ.อ. แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ. แทน พล.อ.อ. มานัต วงษ์วาทย์
5. พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. แทน พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา

อนึ่ง การเข้รับตำแหน่ง ส.ว. ของผู้บัญชาการเหล่าทัพนั้น เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย พ.ศ. 2560 ในบทเฉพาะกาล มาตรา 269 ที่กำหนดวาระแรกเริ่มของ ส.ว. ให้วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 250 คนซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถวายคำแนะนำ

อนึ่ง พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ระบุในการรายงานตัวเข้ารับตำแหน่งว่า การเข้ารับตำแหน่ง ส.ว. นั้นเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ หากฝ่ายการเมืองมีข้อสงสัยว่าเหมาะสมหรือไม่ ต้องไปถามคนร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมยืนยันจะใช้ความรู้ความสามารถด้านความมั่นคงมาปฏิบัติหน้าที่ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม

อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์วอยซ์ออนไลน์ — โปรดเกล้าฯ 5 ผู้นำเหล่าทัพนั่ง ส.ว.
เว็บไซต์วอยซ์ออนไลน์ — ผบ.เหล่าทัพ เข้ารับตำแหน่ง ส.ว.-‘ณรงค์พันธ์’ ลั่นใช้ความรู้ด้านความมั่นคงช่วยงาน
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา — เล่ม 137 ตอนพิเศษ 287 ง วันที่ 8 ตุลาคม 2563 ประกาศแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา

เพนกวินประกาศ “ยกเลิกการ์ดอาสา” หันไปใช้การ์ดมืออาชีพแทน

วันที่ 11 ธ.ค. 2563 เฟซบุ๊กแฟนเพจเพนกวิน – พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak ของพริษฐ์ ชิวารักษ์ หนึ่งในแกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้โพสต์ข้อความยุติบทบาทของการ์ดอาสาทั้งหมด โดยจะหันไปใช้การ์ดมืออาชีพแทน ดังนี้

“ถึงมิตรสหายร่วมรบ อันรวมถึงพี่น้องประชาชนผู้ร่วมเส้นทางสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริงทุกท่าน

ก่อนอื่นกลุ่ม “ราษฎร” ขอขอบคุณต่อมิตรไมตรีและน้ำใจของทุกท่านที่ร่วมต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมโดยไม่เคยย่อท้อ แม้ในหลายครั้งคราที่เราเผชิญกับอุปสรรคจากน้ำมือของผู้ที่ไม่หวังดีและไม่ต้องการเห็นวันแห่งชัยชนะของประชาชน วันที่ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดินอย่างแท้จริง

และขอขอบคุณเสียงสะท้อนของพวกท่าน ต่อบรรยากาศการเคลื่อนไหวในด้านต่างๆ ซึ่งน้อมรับฟังและนำไปทบทวนเสมอมา

ดังนั้น เพื่อบรรยากาศที่ดีในการชุมนุมอย่างสันติ ซึ่งเป็น “อาวุธ” สำคัญในการต่อสู้ของเราตลอดมา ตลอดจนเป็นเกราะคุ้มภัยให้อำนาจรัฐและศักดินายากที่จะเจาะทะลวงเข้ามาทำลายการต่อสู้ของเราได้
กลุ่ม “ราษฎร” จึงขอประกาศ​ยุติบทบาทของหน่วยงานการ์ดอาสาทั้งหมดในการชุมนุมของเรา โดยทางผู้จัดจะจัดทีมงานที่ได้รับการฝึกฝนและมีทักษะอย่างมืออาชีพมาช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดการชุมนุมต่อไป

ด้วยความเชื่อมั่นว่า ประชาชนผู้มาชุมนุมอย่างสันติร่วมกัน สามารถปกป้องการชุมนุมของเรา และปกป้องกันและกัน โดยไม่ควรต้องยกเป็นภาระของพี่น้องการ์ดแต่เพียงถ่ายเดียวดังที่เป็นมาในหลายหน ทั้งนี้ เรายังคงรู้สึกซาบซึ้งต่อน้ำจิตน้ำใจและแรงกายแรงใจของพี่น้องผู้ทำหน้าที่การ์ดรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มแข็ง และขอขอบคุณการ์ดทุกท่าน ทุกกลุ่มสังกัด ไว้อีกครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม บนเส้นทางการต่อสู้อันยาวไกลนี้และหนักหน่วงนี้ ยังคงมีภารกิจอีกมากที่ต้องขอพึ่งพาน้ำจิตน้ำใจของทุกท่าน รวมถึงประชาชนทุกคน ในการอาสามาร่วมลงแรง ซึ่งเราจะประกาศให้ทุกท่านได้ทราบต่อไป”

อ่านเพิ่มเติม
เฟซบุ๊กแฟนเพจเพนกวิน – พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak — ถึงมิตรสหายร่วมรบ อันรวมถึงพี่น้องประชาชนผู้ร่วมเส้นทางสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริงทุกท่าน
เว็บไซต์บีบีซีไทย — “การ์ดราษฎร” : เปิดโครงสร้าง ภารกิจ และผู้สนับสนุน

ธนาคารโลกชี้ คะแนน PISA เด็กไทยถดถอย

โครงการโปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล (Programme for International Student Assessment หรือ PISA) ปี พ.ศ. 2561 โดยธนาคารโลก ซึ่งประเมินประเทศต่างๆ 79 ประเทศ พบว่า ไทยถูกจัดอยู่ในอันดับล่างๆ ของการประเมิน โดยเป็นอันดับที่ 68 ในด้านการอ่าน, อันดับที่ 59 ในด้านคณิตศาสตร์ และอันดับที่ 55 ในด้านวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ประเทศไทยนำหน้าเพียงอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เท่านั้น ประมาณร้อยละ 60 ของนักเรียนได้คะแนนด้านการอ่านต่ำกว่าสมรรถนะขั้นต่ำ และร้อยละ 53 มีคะแนนไม่ถึงระดับสมรรถนะขั้นต่ำในด้านคณิตศาสตร์ ในขณะที่ร้อยละ 44 ได้คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์สมรรถนะขั้นพื้นฐานในด้านวิทยาศาสตร์

การลงทุนในทรัพยากรด้านการเรียนรู้ดิจิทัล ด้านมนุษย์ และด้านการเงินที่สำคัญๆ ยังต่ำอยู่โดยเฉพาะในโรงเรียนในกลุ่มที่มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมต่ำ โรงเรียนเอกชนในสังกัดของรัฐบาล โรงเรียนตามชนบท และยังพบว่า ความเหลื่อมล้ำในการจัดสรรทรัพยากรครูและทรัพยากรทางการศึกษาอื่น ระหว่างโรงเรียนที่มีความได้เปรียบด้านสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม กับโรงเรียนที่สถานะด้อยกว่าในประเทศไทยนั้นมีสูงกว่าในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก และประเทศสมาชิก OECD

นอกจากนี้ การเข้าถึงทรัพยากรเพื่อการเรียนรู้ผ่านระบบดิจิทัลระหว่างโรงเรียนในเมืองกับในพื้นที่ชนบท และระหว่างโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชนที่มีความเหลื่อมล้ำสูง มีแนวโน้มที่จะทำให้ความเหลื่อมล้ำในการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้นด้วย

รายงานผลการประเมินสมรรถนะนักเรียนไทยของธนาคารโลกฉบับนี้เน้นย้ำถึงสามประเด็นสำคัญที่ผู้กำหนดนโยบายและนักการศึกษาควรให้ความสำคัญเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ด้านการศึกษา

• การส่งเสริมให้ทุกห้องเรียนมีบุคลากรทางการศึกษาในจำนวนที่เพียงพอ มีคุณสมบัติที่เหมาะสม และได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี รวมถึงทรัพยากรอื่นๆ ในการเรียนรู้ที่ครบครัน เพื่อให้ผลการเรียนรู้ของนักเรียนพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรียนที่มีความต้องการสูง
• การพัฒนาวิธีการสอน และการจัดการในชั้นเรียน เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เวลาเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• การสร้างสภาพแวดล้อมในการเรียนที่ปลอดภัย เพื่อให้นักเรียนมีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสถานศึกษา เพื่อลดอัตราการขาดเรียนของนักเรียน

อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์ไทยพับลิก้า — ธนาคารโลกชี้ คะแนน PISA เด็กไทยถดถอย ย้ำ 3 ประเด็นสำคัญ รัฐต้องเร่งแก้ด่วน
เว็บไซต์ธนาคารโลก — PISA 2018, THAILAND — Country Report

อาร์เจนตินาผ่านกฎหมายเก็นภาษีคนรวยมาสู้โควิด

วุฒิสภาของอาร์เจนตินา ลงมติเห็นชอบให้บังคับใช้กฎหมายภาษีที่ชื่อว่า “ภาษีผู้มั่งคั่ง” ซึ่งเป็นภาษีที่เรียกเก็บครั้งเดียว ด้วยมติ 42 ต่อ 26 เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2563 ที่ผ่านมา โดยผู้ที่มีความร่ำรวยและมีทรัพย์สินมากกว่า 200 ล้านเปโซ หรือราว 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 12,000 คน ต้องจ่ายภาษีดังกล่าว

ทั้งนี้ เงินภาษีที่เก็บได้จะนำไปใช้ในด้านต่างๆ ดังนี้ 1. สัดส่วน 20% จะถูกนำไปใช้สนับสนุนการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ 2. เยียวยาธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง 20% 3. ให้ทุนการศึกษานักเรียน 20% 4. ใช้จ่ายในงบประมาณพัฒนาสังคม 15% และสนับสนุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 25%

อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์บีบีซีไทย — อาร์เจนตินาผ่านกฎหมายเก็บภาษีคนรวย 12,000 คน เพื่อมาใช้สู้โรคระบาด