ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 10-16 ต.ค. 2563
ชุมนุม 14 ต.ค. จับ ‘อานนท์-เพนกวิน-เจมส์-รุ้ง’ แกนนำม็อบคณะราษฎร 2563 ตาม ม.116
วันที่ 14 ต.ค. 2563 กลุ่มผู้ชุมนุมในนามคณะราษฎร 2563ได้มารวมตัวกันถนนราชดำเนิน โดยมีการเปลี่ยนเวลานัดหมายจากเดิม 14.00 น. เป็น 08.00 น. เนื่องจากเกรงว่าหากใช้เวลาเดิมจะเข้าถึงที่นัดชุมนุมไม่ได้ เพราะในวันนั้นมีการชุมนุมของกลุ่มอื่นๆ กระจายอยู่ตามพื้นที่โดยรอบ คือ กลุ่มของสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ, กลุ่มของเหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ, สิระ เจนจาคะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชารัฐ, สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.), ไทยภักดี โดยกลุ่มอื่นต่างๆ เหล่านี้ได้มาชุมนุมเพื่อรอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่จะเสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลตั้งเปรียญ เนื่องในวันวิสาขบูชา ประจำปี 2563 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ผู้ชุมนุมภายใต้การนำของกลุ่มคณะราษฎร 2563 ได้มีการเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยระหว่างทางนั้นถูกเจ้าหน้าที่ตั้งแนวสกัดเป็นระยะ แต่ในที่สุดก็สามารถเดินทางถึงทำเนียบรัฐบาลในช่วงค่ำ โดยการชุมนุมกินพื้นที่ตั้งแต่บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการมาจนถึงแยกมิสกวัน ผ่านมาถึงบริเวณแยกพาณิชยการตรงทำเนียบรัฐบาล และยาวไปจนถึงแยกนางเลิ้ง
การชุมนุมดำเนินมาจนถึงเวลาประมาณ 04.30 น. อานนท์ นำภา หรือทนายอานนท์ ก็ได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมเดินทางกลับบ้าน เนื่องจากรัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานคร จึงหวั่นเกรงความปลอดภัยของผู้ชุมนุมเพราะอาจมีการใช้กำลังทหารเข้ามาสลายการชุมนุม โดยอานนท์ระบุว่าตัวเองก็จะเดินทางกลับด้วยเช่นกัน แต่จะส่งผู้ชุมนุมทุกคนกลับบ้านก่อน
และในเวลาประมาณ 05.00 น. อานนท์ที่กำลังเดินออกจากที่ชุมนุมพร้อมผู้ติดตามและหน่วยรักษาความปลอดภัยซึ่งมาจากผู้ชุมนุมด้วยกันมาถึงบริเวณแยกนางเลิ้งก็ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว
อนึ่ง แกนนำที่ถูกจับกุมจากการชุมนุมดังกล่าวมีดังนี้
1. พริษฐ์ ชิวารักษ์
2. อานนท์ นำภา
3. ประสิทธิ์ ครุธาโรจน์
4. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล
5. ณัฐชนน ไพโรจน์
อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์ช่อง 3 — ในหลวง เสด็จฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลตั้งเปรียญพระภิกษุสามเณร เนื่องในวันวิสาขบูชา 2563
เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ — แกนนำสั่งม็อบสลายตัว อ้างรัฐใช้ยาแรง งัด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กระชับพื้นที่
เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ — “คณะราษฎร” สลายตัวเช้านี้ นัดใหม่ 4 โมงเย็น เจอกัน “ราชประสงค์”
เว็บไซต์มติชนออนไลน์ — เปิดภาพนาที ตร.บุกจับตัวนายอานนท์ นำภา เผยรวบแล้ว 4 แกนนำ (คลิป)
เว็บไซต์ไทยพีบีเอส — ใครบ้าง? ถูกจับม็อบ 13-14 ตุลา
เว็บไซต์ไทยพีบีเอส — ด่วน! ตำรวจนำหมายศาลรวบตัว “รุ้ง-ณัฐชนน” คาที่พัก
จับสองผู้ชุมนุมเหตุทำผิด ม.110 ประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี
วันที่ 15 ต.ค. 2563 ศาลอาญาอนุมัติตามคำร้องของพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เพื่อออกหมายจับ เอกชัย หงส์กังวาน และบุญเกื้อหนุน เป้าทอง นักกิจกรรมทางการเมือง ในข้อหาประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 วรรค 2
ที่มาของการออกหมายจับครั้งนี้ เกิดขึ้นจากเหตุการณ์การชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค. 2563 ซึ่งมีช่วงหนึ่งที่ขบวนเสด็จพระราชดำเนินที่มีสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ประทับในรถยนต์พระที่นั่ง เคลื่อนขบวนผ่านแถวของผู้ชุมนุมอย่างใกล้ชิดขณะที่ผู้ชุมนุมกำลังเคลื่อนตัวจากถนนราชดำเนินไปยังทำเนียบรัฐบาล
บุญเกื้อหนุน ซึ่งเข้ามอบตัวกับตำรวจด้วยตัวเอง ณ สน.ดุสิต เปิดเผยว่า มามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งในวันที่เกิดเหตุนั้นต้องการชุมนุมอย่างสงบ โดยมีการถือโทรโข่งจริง แต่ช่วงที่จะมีขบวนเสด็จฯ ไม่ได้รับการแจ้งเตือนแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อเห็นขบวน ก็ตั้งใจถอยห่าง เพื่อให้ขบวนผ่านไปได้
อนึ่ง ในกรณีของขบวนเสด็จฯ นั้น ได้กลายเป็นที่กังขากันในว่า เจ้าหน้าที่ประสานงานกันอย่างไรจึงทำให้ขบวนเสด็จฯ เคลื่อนผ่านกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างใกล้ชิด ในเมื่อปกติขบวนเสด็จฯ จะผ่านไปที่ใดก็ต้องมีการเคลียร์พื้นที่และรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด หรืออย่างในกรณีนี้ ก็มีเส้นทางอื่นที่อยู่ขนานกันให้ใช้เป็นเส้นทางสำหรับขบวนเสด็จฯ ได้
ด้านเอกชัย ที่มีหมายจับในคดีเดียวกันนั้น ถูกตำรวจควบคุมตัวที่บ้านพักขณะกำลังจะออกไปมอบตัวที่ สน.ดุสิต
อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์ไทยพีบีเอส — “บุญเกื้อหนุน” มอบตัวข้อหาประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี
เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ — “บุญเกื้อหนุน” มอบตัว สน.ดุสิต “เอกชัย” ถึง สน.ลาดพร้าว รอส่งไป ตชด.ภ.1
เว็บไซต์ไทยพีบีเอส — แจงปมย้าย 3 ตำรวจ “บกพร่อง” แผนรับมือม็อบ 14 ตุลา
นายกฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงใน กทม.
วันที่ 15 ต.ค. 2563 เวลา 04.00 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร โดยให้เหตุผลว่ามีบุคคลหลายกลุ่มเชิญชวน ปลุกระดม และดำเนินการให้มีการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะในกรุงเทพมหานคร โดยใช้วิธีการและช่องทางต่างๆ ก่อให้เกิดความปั่นป่วน วุ่นวาย และความไม่สงบเรียบร้อยของประชาชน มีการกระทำที่กระทบต่อขบวนเสด็จพระราชดำเนิน มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำที่มีความรุนแรง กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยในชีวิตหรือทรัพย์สินของรัฐ หรือบุคคล
และวันที่ 16 ต.ค. 2563 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ก็เผยแพร่ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ 2) ที่ให้สถานการณ์ฉุกเฉินนั้นเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงจนถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ — ราชกิจจาฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพฯ
เฟซบุ๊กแฟนเพจ WorkpointTODAY — ราชกิจจาฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพฯ
ชุมนุม 15-16 ต.ค. ประยุทธ์ลั่น อย่าท้าทายมัจจุราช ตำรวจฉีดน้ำแรงดันสูงผสมสีและสารเคมีสลายชุมนุม
วันที่ 15 ต.ค. 2563 แม้จะมีการจับกุมแกนนำบางส่วนไปแล้วและมีการประกาศให้กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง พร้อมกับมีการประกาศให้การชุมนุมเกิน 5 คนเป็นการกระทำที่มีความผิดตามกฎหมาย แต่ผู้ชุมนุมก็ยังคงไปรวมตัวกันที่บริเวณแยกราชประสงค์จนเต็มพื้นที่ถนนบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ทะลุไปจนถึงถนนราชดำริฝั่งมุ่งหน้าสวนลุมพินี ถนนสุขุมวิท และถนนพระรามที่ 1
การชุมนุมในวันที่ 15 เป็นการชุมนุมแบบไม่มีแกนนำหลัก ผู้ชุมนุมมีการตั้งแนวกั้นบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซนทรัลเวิลด์ฝั่งประตูน้ำ และกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้างนำมอเตอร์ไซค์มาจอดเพื่อช่วยเสริมแนวกั้นอีกชั้นหนึ่ง โดยระหว่างการชุมนุมนั้นมีการตะโกนด่าและขับไล่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่เป็นระยะ รวมทั้งตะโกด่าและขับไล่กลุ่มเจ้าหน้าที่ ที่มีกระแสข่าวเป็นระยะว่าว่ามาตรึงกำลังอยู่ในอาคารบริเวณนั้น
ผู้ชุมนุมชุมนุมกันอยู่จนถึงเวลาประมาณ 22.00 น. จึงยุติการชุมนุมแล้วแยกย้ายกันเดินทางกลับ
อนึ่ง เวลาประมาณ 00.20 น. หลังจากการชุมนุมยุติ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับรายงานว่ามีประชาชนจำนวน 6 ราย ถูกจับกุมตัวไปยังกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 แบ่งเป็น ผู้ชาย 5 คน และผู้หญิง 1 คน โดยทั้งหมดเป็นลูกจ้างของบริษัทเครื่องเสียงที่ใช้ในการชุมนุม เดินทางมาจากจังหวัดอยุธยาเพื่อเก็บอุปกรณ์เครื่องเสียง หลังจากเก็บของและเดินทางออกจากจุดตั้งเครื่องเสียงได้ประมาณ 2 กิโลเมตร ระหว่างติดไฟแดงได้มีเจ้าหนาที่ตำรวจมาดักรถและขอให้จอด ก่อนเจ้าหน้าที่จะแสดงตัวและจับกุมตัวทั้ง 6 คน
พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แถลงว่า ผู้ที่มาชุมนุมทั้งหมดได้มีการกระทำผิดกฎหมายแล้ว ส่วนจะมีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน
ต่อมาวันที่ 16 ต.ค. 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ โดยมีการพูดถึงสถานการณ์การชุมนุม และมีการถามว่า “ผมขอถามว่าวันนี้ผมทำอะไรเหรอ ผมผิดอะไรเหรอตอนนี้ ขอถามหน่อยซิ”
“อย่าท้าทายกับท่านพญามัจจุราชที่มีเสนามาก การตายจะเป็นวันนี้ หรืออยู่วันไหน มีโอกาสตายทุกคน”
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์
เมื่อผู้สื่อขาวถามกลับไปว่า เป็นเพราะอยู่ในตำแหน่งนานเกินไปหรือเปล่า และมีแวว่าจะอยู่อีกนาน นายกฯ ก็ตอบว่า
โธ่ เคยฟังพระสวดไหม เคยเข้าวัดกันหรือไม่ สงสัยไม่ค่อยได้เข้าวัดกันถึงเป็นแบบนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไปฟังพระสวดอภิธรรมมี 4 จบ วันนี้ตนทำทั้งหมด ทั้งสวดทั้งแผ่เมตตาและให้อโหสิกรรมทุกคน ไม่ให้ร้ายกับใคร เพราะสิ่งที่ให้ร้ายกับคนจะกลับมาที่ตัวเราเอง อย่าประมาท เพราะทุกคนมีทั้งตายวันนี้และตายพรุ่งนี้ ตามบทสวด อย่าประมาทชีวิต พร้อมจะตายได้ทุกโอกาส ทั้งด้วยโรคภัยไข้เจ็บหรืออะไรก็ตาม เราไปกำหนดไม่ได้
อย่าท้าทายกับท่านพญามัจจุราชที่มีเสนามาก การตายจะเป็นวันนี้ หรืออยู่วันไหน มีโอกาสตายทุกคน โรคภัยไข้เจ็บเครียดสมองแตก และอีกบทคือ อย่าประมาทเสนา อำมาตย์ ที่มีอำนาจน้อย อีกอย่างคนเรามีโอกาสตายได้ทุกวัน ไปฟังคำพระกันบ้าง นับถือศาสนาพุทธกันบ้างหรือเปล่า สวดมนต์กันได้กี่บท มาท่องแข่งกับฉันไหม ไม่เอาชักเลอะเทอะแล้ว
ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ผู้ชุมนุมนัดรวมตัวกันที่แยกราชประสงค์อีกครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังควบคุมพื้นที่และมีการปิดบริการสถานีรถไฟฟ้ารอบพื้นที่ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมย้ายไปรวมตัวกันบริเวณแยกปทุมวัน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำรถฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าฉีดน้ำผสมสารเคมีและสีสลายการชุมนุมในช่วงหัวค่ำ
ในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าการฉีดน้ำสลายการชุมนุมนั้นเป็นไปตามหลักสากล แต่ทางโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ (iLaw) ได้เปิดเผยรายละเอียดระดับสากลของเงื่อนไขในการฉีดน้ำและสารเคมีสลายการชุมนุม โดยระบุว่า
ปืนใหญ่ฉีดน้ำ หรือ Water Canon ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะสลายการรวมกลุ่ม เพื่อปกป้องทรัพย์สินหรือหยุดพฤติกรรมการใช้ความรุนแรง โดยทั่วไปแล้ว ปืนใหญ่ฉีดน้ำควรจะใช้ในสถานการณ์ที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยอย่างร้ายแรง ซึ่งมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะนำไปสู่การเสียชีวิต บาดเจ็บสาหัส หรือการทำลายทรัพย์สินอย่างรุนแรงในวงกว้าง “เท่านั้น” โดยวัตถุประสงค์ที่จำเป็นและได้สัดส่วน การตระเตรียมการใช้ปืนใหญ่ฉีดน้ำควรจะต้องวางแผนการอย่างดี และควรใช้ภายใต้คำสั่งที่เคร่งครัด ควบคุมโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูง
ปืนใหญ่ฉีดน้ำ ไม่ควรใช้ยิงใส่บุคคลในระดับสูง ในลักษณะที่มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บระดับสอง (Secondary Injury) ความเสี่ยงอื่นๆ รวมถึง อาการช็อคเพราะอุณหภูมิร่างกายต่ำลงจากน้ำเย็นในภาวะที่อากาศหนาว และความเสี่ยงจากการลื่นล้ม หรือการถูกฉีดอัดกับกำแพง การใช้ปืนใหญ่ฉีดน้ำนั้นต้องให้ผลที่ไม่เฉพาะเจาะจง ไม่สามารถใช้แบบเล็งไปที่ตัวบุคคลโดยเฉพาะได้
การใช้สารที่ก่อและความระคายเคืองทางเคมี (Chemical Irritants) ต้องใช้จากระยะไกลต่อกลุ่มคนที่เข้าร่วมก่อความรุนแรง มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ชุมนุมกระจายตัวและหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง การใช้สารดังกล่าวในพื้นที่ปิดอาจทำให้เกิดการเหยียบย่ำกันเองของฝูงชน และก่อให้เกิดความเสียหายโดยไม่เลือกฝ่ายเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของทิศทางลม และอากาศเกิดอันตรายต่อชีวิตหากใช้ในพื้นที่ปิดในจำนวนมาก การใช้สารดังกล่าวกับบุคคลที่ใช้ความรุนแรงอาจทำให้บุคคลดังกล่าวขยับเข้ามาใกล้ผู้บังคับใช้กฏหมายมากขึ้นทำให้มีความเสี่ยงในการเผชิญหน้ากันมากขึ้น การใช้สารที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองทางเคมีอาจก่อให้เกิดความยากลำบากในการหายใจ อาการเวียนหัวอาเจียนหรือการระคายเคืองในระบบหายใจ ต่อมน้ำตา ลูกตา อาการกระตุก เจ็บหน้าอก ผิวหนังอักเสบ หรืออาการแพ้ ในจำนวนมากอาจเกิดน้ำท่วมปอด เซลล์ในระบบหายใจและระบบย่อยอาหารตาย และเลือดออกภายใน คนที่ถูกสารเหล่านี้ต้องได้รับการฆ่าเชื่ออย่างเร่งด่วนที่สุด
การใช้กระสุนเคมีระคายเคืองต้องไม่ยิงไปหาบุคคล หากโดนหน้าหรือหัวอาจเกิดอันตรายต่อร่างกายและชีวืต และต้องไม่ใช้ในพื้นที่ปิดหรือที่ไม่มีอากาศถ่ายเทพอ ไม่ควรใช้สารเคมีที่ก่อความระคายเคืองที่มีระดับของสารอันตรายสูง
อ่านเพิ่มเติม
เฟซบุ๊กแฟนเพจศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน — “หลักสากล” สำหรับการชุมนุม และการสลายการชุมนุม
เว็บไซต์แนวหน้า — ตร.จัดหนัก! ประกาศลั่นเอาผิดม็อบราชประสงค์ทุกคน
เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์ — นายกฯ เตือนอย่าประมาท ท้าทายพญามัจจุราช คนเราตายได้ทุกเวลา (คลิป)
เฟซบุ๊กแฟนเพจไอลอว์ — “หลักสากล” สำหรับการชุมนุม และการสลายการชุมนุม
ปธน.คีร์กีซสถานลาออกหลังโดนม็อบไล่ ชี้ “ไม่อยากให้นองเลือด”
เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ประธานาธิบดีโซโรนบัย เจนเบกัฟ แห่งคีร์กีซสถาน ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2563 หลังจากมีมวลชนออกมาชุมนุมประท้วงในกรุงบิชเคกต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวันพร้อมเรียกร้องให้เจนเบกัฟลงจากตำแหน่ง เนื่องจากความไม่พอใจผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2563
นายเจนเบกัฟ แถลงเหตุผลที่เขาตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีคีร์กีซสถาน เนื่องจากต้องการป้องกันและหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กับบรรดาผู้ชุมนุมที่เรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่ง
อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ — ปธน.คีร์กีซสถาน ‘ไม่อยากให้เกิดนองเลือด’ ยอมลาออก หลังโดนม็อบไล่