ThaiPublica > เกาะกระแส > อิตาลีประกาศปิดประเทศ ขยายมาตรการกักกันทุกพื้นที่สู้ไวรัสโควิด-19

อิตาลีประกาศปิดประเทศ ขยายมาตรการกักกันทุกพื้นที่สู้ไวรัสโควิด-19

10 มีนาคม 2020


ที่มาภาพ:
https://www.france24.com/en/20200309-all-of-italy-on-lockdown-as-coronavirus-cases-surge

อิตาลีเริ่มปิดประเทศในวันอังคารที่ 10 มีนาคม 2563 ท่ามกลางความพยายามอย่างหนักที่จะสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือ โควิด-19

ขณะที่ทั่วโลก เจ้าหน้าที่ได้ใช้มาตรการรุนแรงในการจำกัดการเดินทางของคนเพราะจำนวนผู้ติดเชื้อเกิน 100,000 คน เฉพาะที่อิตาลีสูงถึงกว่า 9,000 คน และมีผู้เสียชีวิต 500 คน โดยที่อิสราเอลประกาศใช้มาตรการกักกันกับผู้เดินทางเข้าทุกคน ส่วนญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า อาจจะพิจารณามาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ

แผนการของอิตาลีที่จะจำกัดการเคลื่อนไหว การเดินทางผู้คน 60 ล้านคน นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยคาดมาก่อนในซีกโลกตะวันตก และมีขึ้นในขณะที่นักลงทุนวิตกมากขึ้นว่าโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่ในจีนจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงมากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จจากการใช้มาตรการที่รุนแรงในเมืองอู่ฮั่น และพื้นที่อื่นที่มีการระบาดตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม และจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่อเนื่องจากการประกาศวันนี้(10 มีนาคม) ต่ำที่สุดก่อนที่อู่ฮั่นจะประกาศปิดเมือง

นายกรัฐมนตรีจุยเซปเป้ กองเต้ ประกาศในการแถลงข่าวเมื่อคืนนี้ว่า จะขยายการกักกันไปทั่วประเทศเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไสรัสโควิด-19 จากก่อนหน้าที่ได้ปิดแคว้นลอมบาเดียร์ ซึ่งติดเชื้อเป็นที่แรก มีผลให้พลเมือง 16 ล้านคนทางตอนเหนือของประเทศถูกจำกัดพื้นที่

“เราทุกคนต้องเสียสละเพื่อสิ่งที่ดีสำหรับอิตาลี และเราต้องทำในทันที” นายจุยเซปเป้ กองเต้กล่าว

การประกาศมีขึ้นหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 9,172 ราย และมีผู้เสียชีวิต 463 ราย สูงเป็นอันดับสองรองจากจีน

ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการจำกัดการเดินทางในบางพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศที่มีการระบาดของไวรัส

แต่ล่าสุด 60 ล้านคนทั่วประเทศจะต้องปฏิบัติข้อจำกัดที่เหมือนกัน ซึ่งนับว่าเป็นมาตรการที่เข้มงวดมากที่สุดสำหรับประเทศนอกจีน

นายกองเต้กล่าวว่าชาวอิตาลีทุกคนถูกสั่งห้ามไม่ให้เดินทาง แต่การเดินทางจะทำได้เพียงในเขตที่อยู่อาศัยเท่านั้น หากจำเป็นต้องไปทำงาน หรือมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ หรือในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น มาตรการนี้จะมีผลไปถึงวันที่ 3 เมษายนนี้ โดยโรงเรียน มหาวิทยาลัยทุกแห่งจะต้องปิดทำการในช่วงเวลาที่มาตรการมีผลบังคับใช้

นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ และแหล่งโบราณคดีทุกแห่งทั่วประเทศก็ต้องปิดทำการเช่นกัน อีกทั้งมีการยกเลิกกิจกรรมทุกอย่าง ตั้งแต่การแข่งฟุตบอล หรือแม้แต่งานศพ ส่วนที่ร้านอาหารมีข้อจำกัดต้องมีระยะห่างกัน 3 ฟุต และต้องปิดให้บริการในเวลา 18.00 น.

เมืองเวนิซ ที่มาภาพ:https://edition.cnn.com/2020/03/09/europe/coronavirus-italy-lockdown-intl/index.html

ห้ามเดินทาง

นับตั้งแต่วันอังคารที่ 10 มีนาคม 2563 พลเมืองอิตาลีทั้ง 60 ล้านคนจะถูกจำกัดการเดินทางอย่างเข้มงวด แต่จะอนุญาตให้เฉพาะกรณีเร่งด่วน ฉุกเฉิน หรือกรณีที่ทำงานต้องการเร่งด่วนและจำเป็น และกรณีฉุกเฉินหรือมีปัญหาสุขภาพ

ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสห้ามออกนอกบ้านไม่ว่าในกรณีใดๆทั้งสิ้น สำหรับผู้ที่มีไข้ หรือมีการเกี่ยวกัทางเดินหายใจยิ่งต้องอยู่กับบ้านและลดการสัมพันธ์กับผู้คนในสังคมรวมทั้งแพทย์

เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางมาทำงาน หน่วยงานรัฐและเอกชนได้รับคำแนะนำให้นับการไม่เข้าทำงานของพนักงานเป็นลาป่วยแทน

ยกเลิกกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก

ข้อห้ามยังครอบคลุมถึงการชุมนุมในทุกรูปแบบในสถานที่สาธารณะหรือสถานที่ที่เปิดให้ประชาชนใช้บริการได้ ซึ่งเข้มงวดมากกว่าข้อห้ามที่ประกาศใช้ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศ

การแข่งขันกีฬาทุกระดับและทุกประเภทถูกสั่งยกเลิก รวมทั้งการแข่งขันฟุตบอลกัลโช่ซีรีย์อา ลีกฟุตบอลระดับสโมสร

การฝึกอบรมระดับมืออาชีพระดับสูงสำหรับการแข่งขันกีฬาและการแข่งขันระดับชาติที่จัดโดยองค์กรระหว่างประเทศ เช่น กีฬาโอลิมปิก อาจจะจัดขึ้นแต่ไม่มีผู้ชม โค้ชและผู้จัดการกีฬาทุกประเภทต้องไปตรวจสุขภาพ

สระว่ายน้ำ สปา สนามกีฬา และศูนย์สุขภาพทุกแห่งต้องหยุดให้บริการ รวมทั้งสกี รีสอร์ตทั่วประเทศต้องปิดให้บริการ

ร้านอาหารปิด

เพื่อส่งเสริมให้คนอยู่ในบ้านมากกว่าออกมาข้างนอก บาร์ ร้านอาหารจะได้รับอนุญาตให้เปิดตั้งเวลา 6.00 น.- 18.00 น. และต้องให้ลูกค้าอยู่ห่างกันอย่างน้อย 3 เมตร

พิพิธภัณฑ์และศูนย์วัฒนธรรมทุกแห่งต้องหยุดให้บริการ รวมทั้งไนท์คลับ โรงภาพยนต์ โรงละคร และกาสิโน ซึ่งได้ปิดบริการตั้งแต่สุดสัปดาห์

ซูเปอร์มาร์เก็ตยังเปิดให้บริการ แต่ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ต้องปิดในวันหยุดที่เป็นวันนักขัตฤกษ์และวันก่อนวันหยุดนักขัตฤกษ์ 1 วัน

ปิดโรงเรียน

โรงเรียนและมหาวิทยาลัยทุกแห่งต้องปิด และยกเลิกการสอบทุกประเภท

สถานที่สำคัญทางศาสนาอาจจะเปิดได้ แต่ต้องให้คนที่เข้าร่วมอยู่ห่างเป็นระยะ 1 เมตร นอกจากนี้ห้ามจัดพิธีแต่งงาน พิธีรับศีล และพิธีศพ

ประเทศแรกยุโรปที่ล็อกดาวน์

อิตาลีนับเป็นประเทศแรกในยุโรปที่กักกันประชากร 60 ล้านคน เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่

“เราต้องปรับนิสัยของเรา เปลี่ยนเสียตอนนี้ เราต้องเสียสละบางสิ่งบางอย่างเพื่อสิ่งที่ดีให้อิตาลี เราจะทำได้หากเราทุกคนร่วมมือกัน และเราปรับเปลี่ยนวิถีจากที่เคยทำเป็นปกติ” นายยกรัฐมนตรีอิตาลีกล่าว

รถโดยสารสาธารณยังคงให้บริการ แต่จะจำกัดพื้นที่ และตามที่รัฐอนุญาตสำหรับคนที่จำเป็นต้องทำงานหรือมีความจำเป็นทางครอบครัวที่เลื่อนไม่ได้

ประชาชนที่จำเป็นต้องเดินทางจะต้องกรอกเอกสารชี้แจงเหตุผล พร้อมติดตัวตลอดเวลา หากจับได้ว่าให้ข้อมูลเท็จจะต้องโทษจำคุก 3 เดือนหรือจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 206 ยูโร

ร้านค้ายังเปิดให้บริการ แต่ต้องจัดให้ลูกค้าอยู่ห่างกัน 1 เมตร ศูนย์กลางค้าขนาดใหญ่และขนาดกลางต้องปิดในสุดสัปดาห์ ร้านของชำจะได้รับอนุญาตให้เปิดตลอดเวลา

บุคคลการทางการแพทย์ สาธารณสุขห้ามลางาน สำหรับผู้ที่ต้องนำพ่อแม่ส่งศูนย์ฉุกเฉินไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่สังเกตการณ์ยกเว้นได้รับอนุญาตเป็นการเฉพาะ

ชาวอิตาลีในกรุงโรม พากันต่อแถวยาวเหยียดออกไปนอกซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อกักตุนอาหารหลังมีการประกาศจากนายกรัฐมนตรี

ประชาชนที่เดินทางต้องมีเอกสารติดตัว ที่มาภาพ: https://www.aljazeera.com/news/2020/03/italy-coronavirus-lockdown-restrictions-200310050125680.html

การขยายมาตรการกักกันออกไปทั้งประเทศมีหลังจากเกิดเหตุจลาจลในเรือนจำสองวันก่อน มีนักโทษเสียชีวิต 6 รายในเรือนจำแห่งหนึ่งในภาคเหนือ

กลุ่มนักโทษมีการทะเลาะและต่อสู้กันถึง 22 ห้องขัง ในวันอามิตย์และวันจันทร์ เพราะนักโทษพากันประท้วงมาตรการใหม่ที่ห้ามครอบครัวญาติและเพื่อนเข้าเยี่ยม หลังจากรัฐใช้มาตรการกักกัน

นักโทษราว 60 รายที่โมดีนา ได้พากันจุดไฟเผาเรือนจำเพื่อหาทางหลบหนี นักดทษบางรายบุกเข้าไปในห้องพยาบาล พร้อมกับขโมยยาออกมาซึ่งรวมถึงยาระงับอาการปวดซึ่งสามารถใช้บำบัดผู้ที่ติดยาเาพติดได้

เหตุการณ์นี้ส่งผลให้นักโทษเสียชีวิต 6 ราย ซึ่ง 2 รายในจำนวนนี้เสียชีวิตเพราะใช้ยามากเกินไป ส่วนอีกหนึ่งรายเสียชีวิตจากสำลักควัน ขณะที่อีก 3 รายอยู่ระหว่างการสอบสวน จากการเปิดเผยของนายฟรานเซสกา บาเซนตินิ ผู้อำนวยการด้านระบบราชทัณฑ์

ที่เมืองฟอจจา นักโทษปีนขึ้นหลังคาเพื่อหลบหนี แต่ถูกจับโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีอาวุธครบมือที่ล้อมเรือนจำไว้ ส่วนที่โบโลญญา นักโทษ 35 รายได้ยึดพื้นที่เรือนจำไว้ 2 แดนและจับผู้คุม 4 คนเป็นตัวประกัน กองกำลังทหารและเจ้าหน้าพร้อมด้วยสารวัตรทหารได้เข้าล้อมนักโทษ 500 รายไม่ให้หลบหนี

อย่างไรก็ตามแม้จะมีการประกาศปิดประเทศ แต่ในทางการแพทย์ก็มีข่าวดีเล็กๆ หลังผู้ป่วยรายแรกของประเทศได้ย้ายออกจากห้องไอซียูพร้อมกับสามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง

“โชคไม่ดี เราเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น” ดร.แมสซิโม กัลลี่ ผู้อำนวยการศูนย์โรคติดเชื้อที่โรงพยาบาลมิลาน ซัคโคกล่าว

อ่านเพิ่มเติม สรุปมาตรการกักกัน

  • ความสำเร็จจีนต่อสู้ไวรัสโควิด-19 วิธีการโบราณของศตวรรษที่ 14 กับมาตรการ “ระยะห่างทางสังคม”
  • จะซื้ออสังหาฯ ที่นิวยอร์ก ต้องฟังประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถ้าจะถามเรื่องโรคระบาด ต้องฟัง ดร. แอนโทนี เฟาชี