ThaiPublica > เกาะกระแส > สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส กับแผนเตรียมคลาย “ล็อกดาวน์”

สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส กับแผนเตรียมคลาย “ล็อกดาวน์”

2 พฤษภาคม 2020


สามประเทศในยุโรปที่โควิด-19 ระบาดรุนแรงอย่างสเปน อิตาลี ฝรั่งเศส เตรียมคลายล็อกดาวน์ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง

ทั้งสามประเทศเริ่มเตรียมการที่จะผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ โดยช่วงแรกร้านค้าและโรงงานอยู่ในประเภทกิจการที่จะได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการได้

ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ลดลงมากกว่าประเทศอื่นๆ สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่มีการระบาดรุนแรงกำลังเตรียมการที่จะผ่อนคลายมาตรการการควบคุมการระบาดของไวรัสที่เข้มงวดลง

สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันมากที่สุดในโลกรองจากสหรัฐฯ ต่างประกาศแผนที่จะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์อย่างค่อยเป็นค่อยไปทีละเล็กละน้อยอย่างระมัดระวัง

สำหรับแผนการกลับคืนสู่สภาวะปกติของแต่ละประเทศมีดังนี้

สเปนผ่อนคลายเป็นระยะ

สเปนได้เริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์วันที่ 14 มีนาคม ซึ่งเข้มงวดที่สุดในยุโรป มีการห้ามประชาชนออกนอกบ้านยกเว้นกรณีที่มีความจำเป็น เช่น ไปซื้อหาอาหาร ไปซื้อยาหรือใช้บริการทางการแพทย์ และการจูงสุนัขเดินเล่น

หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่อเนื่อง สเปนได้เริ่มที่จะผ่อนคลายมาตรการลง นายเปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีสเปน ได้ขออนุมัติจากสภาขยายสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปถึงวันที่ 9 พฤษาคม และจะเริ่มผ่อนคลายล็อกดาวน์ได้ในครึ่งหลังของเดือนพฤษาคม แต่จะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด และหากสามารถควบคุมการระบาดได้ และระบบสาธารณสุขยังรับมือได้ ก็จะดำเนินการขั้นต่อไป

อย่างไรก็ตาม แต่เมื่อวันที่ 26 เมษายน รัฐบาลได้อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปีออกนอกบ้านได้แล้ว จากที่ต้องอยู่ในบ้านในรอบ 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ต้องมีผู้ใหญ่ที่อยู่ในบ้านเดียวกันออกมาด้วย เพื่อดูแลเด็กให้มีพฤติกรรมที่เหมาะสมและรับผิดชอบต่อสาธารณะ ผู้ใหญ่หนึ่งคนสามารถพาเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปีออกนอกบ้านได้ไม่เกิน 3 คน

ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ พ่อแม่สามารถนำเด็กออกไปข้างนอกได้หากไม่มีผู้ใหญ่คนอื่นที่สามารถดูแลเด็กที่บ้านได้ และเด็กก็อายุน้อยเกินไปที่จะปล่อยทิ้งไว้ตามลำพัง และสามารถออกนอกบ้านเพียงวันละ 1 ครั้ง ตั้งแต่เวลา 9.00 น.-21.00 น.

สำหรับการออกนอกบ้านที่เริ่มผ่อนคลายอนุญาตให้ออกมาได้วันละ 1 ชั่วโมง เด็กออกมาเดินเล่น วิ่ง หรือกระโดดโลดเต้นได้ แต่ต้องรักษาระห่างทางกายภาพกับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว รวมทั้งอนุญาตให้ขี่สกูตเตอร์หรือเล่นฟุตบอลได้ แต่ต้องระวังไม่ให้มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว

แต่จำกัดเวลาไว้เพียงวันละ 1 ชั่วโมง และห่างจากบ้านไม่เกิน 1 กิโลเมตร ขณะที่ยังปิดการใช้สวนสาธารณะและสนามเด็กเล่น

เด็กๆ นอกเมืองได้รับอนุญาตให้ออกมาเดินเล่นในชนบทหรือในป่าแถวบ้านได้ แต่ต้องรักษาระห่างทางกายภาพ

ที่มาภาพ: https://www.thelocal.es/20200423/what-we-know-about-new-rules-for-taking-children-outside-during-lockdown

นอกจากนี้ ไม่บังคับให้เด็กสวมหน้ากากอนามัย เพราะเด็กอาจจะใช้ไม่ถูกวิธีทำให้ไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกัน อีกทั้งหน้ากากอนามัยขนาดเล็กสำหรับเด็กหาได้ยาก

ที่สำคัญเด็กต้องรักษาระยะห่างอย่างน้อย 1.5-2 เมตรจากบุคคลอื่น และหากมีความเสี่ยงว่าจะไม่สามารถรักษาระยะห่างได้ก็ให้สวมหน้ากากอนามัย

ส่วนเด็กที่มีอายุ 14 ปีขึ้นไป ได้รับอนุญาตให้ออกนอกบ้านพร้อมพ่อแม่ได้ จากเดิมที่ออกได้หากมีเหตุจำเป็นอันสมควร เช่น ออกไปซื้ออาหาร รวมทั้งต้องล้างมือให้บ่อยและเช็คว่ามีอาการติดเชื้อหรือไม่

แนวทางการผ่อนคลายนี้ยังกำหนดให้รักษาสุขอนามัยซึ่งรวมถึงการล้างมือทุกครั้งก่อนออกนอกบ้านและกลับเข้าบ้าน และผู้ที่มีอาการ เช่น อุณหภูมิสูงหรือไอ ไม่ควรออกนอกบ้าน

สำหรับโรงเรียนจะยังไม่เปิดจนกว่าเดือนกันยายน แต่ชายหาดในบางพื้นที่ได้เปิดอีกครั้งเพื่อให้เด็กๆ ได้ใช้พื้นที่เต็มที่ตามมาตรการระยะห่างทางกายภาพ

ทางด้านผู้สูงอายุ ผู้ใหญ่ จะได้รับอนุญาตให้ออกนอกบ้านช่วงเช้า ขณะที่ช่วงบ่ายเป็นเวลาของเด็กที่จะออกมากับพ่อหรือแม่ ส่วนผู้ที่จะที่ออกมาวิ่งหรือออกกำลังกายต้องใช้เวลาช่วงตรู่หรือกลางคืน เพื่อให้สับหลีกกับกลุ่มเด็กและกลุ่มสูงวัย และเลี่ยงการอยู่ร่วมกันของเด็กและผู้ใหญ่

ก่อนหน้านี้วันที่ 13 เมษายน สเปนได้อนุญาตให้คนกลับไปทำงานได้ รวมทั้งงานประเภทไม่จำเป็น

รัฐบาลสเปนจะประกาศอย่างเป็นทางการถึงแนวทางการอนุญาตผู้ใหญ่ให้ออกมาออกกำลังกาย เช่น วิ่ง ซึ่งอาจจะใกล้เคียงกับอังกฤษที่กำหนดระยะห่าง

นายเปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีสเปนประกาศแผนการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ที่แบ่งออกเป็น 4 ระยะ โดยเริ่มที่เกาะคานารี และฟอร์เมนเตรา ในเกาะแบลีแอริก ในวันจันทร์

โรงแรมและเกาะท่องเที่ยวได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดได้ แม้เจ้าของโรงแรมบางรายที่นั่นและในพื้นที่อื่นคาดว่าจะเปิดบริการได้ในวันที่ 11 พฤษภาคม แต่ก็ยังไม่เปิด เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยว เพราะการเดินทางระหว่างเมืองและเกาะในสเปนถูกสั่งห้ามไปจนถึงวันที่ 11 มิถุนายน

รัฐบาลยังไม่ประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามนักท่องเที่ยวเที่ยวต่างชาติเข้าทั้งทางบกและทางอากาศ

สเปนเป็นประเทศยุโรปที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุด

ประเทศที่โควิด-19 ระบาดรุนแรง

อิตาลีเริ่มเปิด 4 พ.ค. นี้

ในช่วงวิกฤติ อิตาลีเป็นศูนย์กลางแห่งการระบาดของโลก รัฐบาลจึงได้ตอบสนองด้วยการใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดในวันที่ 9 มีนาคม อิตาลีเป็นประเทศแรกที่นำมาตรการล็อกดาวน์มาใช้ และนับตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของอิตาลีลดลงต่อเนื่องและเริ่มกลับมาสู่แสงอาทิตย์ของฤดูใบไม้ผลิอีกครั้ง

ในวันที่ 26 เมษายน หลังการหารือกับผู้นำแคว้นต่างๆ และผู้นำธุรกิจ นายจูเซปเป กองเต นายกรัฐมนตรีอิตาลีได้สัญญาว่าจะเริ่มผ่อนคลายล็อกดาวน์วันที่ 4 พฤษภาคมนี้ โดยจะให้สวนสาธารณะกลับมาเปิดอีกครั้ง ผู้คนสามารถออกนอกบ้านมาออกกำลังกายได้ ออกไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องได้ ไปร่วมงานศพได้ แต่ต้องรักษาระยะห่างและสวมหน้ากากอนามัย และจำกัดจำนวนคนไม่เกิน 15 คน

โรงงาน ธุรกิจก่อสร้าง ค้าส่ง จะได้รับอนุญาตให้ เปิดดำเนินการได้ในวันที่ 4 พฤษภาคม แต่ต้องใช้มาตรการระยะห่างทางกายภาพ ส่วนร้านค้าปลีกจะได้รับอนุญาตให้เปิดบริการในอีก 2 สัปดาห์ถัดไป ร้านอาหารได้รับอนุญาตให้เปิดแบบซื้อกลับบ้านในช่วงแรก และอนุญาตให้เปิดเต็มรูปแบบต้นเดือนมิถุนายน รวมทั้งบาร์

ส่วนร้านค้า ร้านตัดผมเสริมสวย เปิดได้วันที่ 1 มิถุนายน พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุดเปิดได้วันที่ 18 พฤษภาคม ขณะที่นักกีฬากลับมาฝึกร่วมกันเป็นทีมได้ แต่การแข่งขันกีฬาฟุตบอลเซเรียอาต้องประเมินสถานการณ์และเงื่อนไขอีกครั้งก่อนที่จะอนุญาตให้กลับมาแข่งขันได้

คำสั่งห้ามการเดินทางระหว่างแคว้นยังไม่ยกเลิก และคนที่ต้องเดินทางยังต้องมีใบรับรองเหตุผลที่จำเป็น นอกจากนี้ยังปิดโรงเรียนไปจนกว่าจะถึงช่วงเปิดภาคการศึกษาใหม่เดือนกันยายน และควรหลีกเลี่ยงการจับมือหรือกอด

นายกองเตกล่าวว่า มาตรการที่เข้มงวดบางข้อยังจะบังคับใช้ต่อไปจนกว่าจะมีการคิดค้นพัฒนาวัคซีนหรือยารักษาโควิด-19 ได้ผล ซึ่งคงไม่ใช่ในอีกหลายเดือนข้างหน้า

ฝรั่งเศสวางเงื่อนไข-แบ่งพื้นที่

นายเอดัวร์ ฟิลิปป์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ที่มาภาพ: https://www.thelocal.fr/20200428/breaking-french-pm-reveals-plan-to-end-lockdown-in-france

วันที่ 28 เมษายน นายเอดัวร์ ฟิลิปป์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ประกาศว่า รัฐบาลกำลังวางแผนที่จะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งประจวบเหมาะกับผลสำรวจชาวฝรั่งเศสที่หนุนมาตรการนี้น้อยลงมาที่ระดับต่ำกว่า 50%

ฝรั่งเศสจะเริ่มผ่อนคลายล็อกดาวน์วันที่ 11 พฤษภาคมนี้ ในแถลงการณ์ต่อสภาผู้แทนราษฎร นายฟิลิปป์เน้นถึง 17 ประเด็นสำคัญซึ่งครอบคลุมการอนุญาตให้กลับไปทำงานในสำนักงาน การเปิดโรงเรียน การอนุญาตให้เดินรถโดยสารสาธารณะ การเดินทางภายในประเทศ การเพิ่มการทดสอบโควิด-19 การเตรียมหน้ากากอนามัยและน้ำยาฆ่าเชื้อ และการดูแลผู้สูงวัย

ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แถลงว่า โรงเรียนและเนิร์สเซอรีจะเริ่มเปิดในวันที่ 11 พฤษภาคม แม้พ่อแม่ตัดใจไม่ลงที่จะส่งลูกกลับเข้าห้องเรียน

สำหรับแผนการผ่อนคลายประกอบด้วย 1) ประชาชนไม่ต้องพกใบอนุญาตติดตัวแล้วหลังวันที่ 11 พฤษภาคม 2) ห้ามเดินทางไกลเกิน 100 กิโลเมตรจากบ้าน 3) การเดินทางไกลจะอนุญาตให้หากมีเหตุจำเป็น 4) จะมีการทดสอบโควิดสัปดาห์ละ 700,000 ชุดหลังวันที่ 11 พฤษภาคม 5) ผู้ที่ทดสอบได้ผลเป็นบวกต้องกักกันตัวที่บ้าน หรือที่ที่จัดไว้เฉพาะ 6) จะบังคับสวมหน้ากากอนามัยในบางพื้นที่ เช่น รถใต้ดินและโรงรียน 7) คนที่ทำงานจากบ้านอยู่ขอให้ทำต่อไป 8) เนิร์สเซอรีจะเปิดได้แต่จำกัดจำนวนเด็กไม่เกิน 10 คนต่อหนึ่งกลุ่ม 9) ห้องเรียนแต่ละห้องต้องมีเด็กไม่เกิด 15 คน 10) อนุญาตให้ร้านค้าเปิดได้ 11) ร้านอาหาร บาร์ โรงภาพยนตร์ และชายหาด ยังปิด 12) อนุญาตให้รวมตัวกันในที่สาธารณะได้ไม่เกิน 10 คน 13) ห้ามจัดพิธีทางศาสนาจนกว่าเดือนมิถุนายน 14) แต่ละพื้นที่สามารถมีข้อบังคับของตัวเองได้ 15) ฤดูกาลแข่งขันฟุตบอล รักบี้ ยังไม่อนุญาตจนกว่าจะเดือนกันยายน 16)17)

นายฟิลิปป์กล่าวว่า ชาวฝรั่งเศสต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับไวรัส ตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนหรือไม่มีภูมิคุ้มกัน ไวรัสก็จะกระจายไปทั่ว ดังนั้นรัฐบาลก็จะยังใช้วิธีการปกป้อง ทดสอบ และการกักกัน และจะผ่อนคลายเป็นระยะเพื่อดูแลโรงพยาบาลไม่ให้มีภาระมาก

นอกจากนี้ยังได้แบ่งพื้นที่ออกเป็นสีเขียว สีแดง สีเขียวหมายถึงนายกเทศมนตรี และหน่วยงานท้องถิ่นสามารถนำแผนผ่อนคลายการล็อกดาวน์ของรัฐบาลไปปรับใช้ได้ ขึ้นอยู่กับการระบาดของไวรัสในพื้นที่ ซึ่งบางพื้นที่อาจจะต้องใช้มาตรการที่เข้มงวด

อาร์โนลด์ แบร์นาร์ต หัวหน้าฝ่ายสุขภาพและเฮลท์แคร์ แห่งสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) กล่าวว่า ประเทศยุโรปที่เตรียมจะผ่อนคลายการล็อกดาวน์ ต้องมีมาตรการเตรียมไว้รองรับเพื่อให้ช่วงการเปลี่ยนผ่านราบรื่น คือ หนึ่ง ต้องมีข้อมูลชัดเจนว่าการระบาดนั้นควบคุมได้แล้ว ต้องมีความสามารถทางสาธารณสุขและทางการแพทย์ไว้รองรับ หากกลับมาระบาดใหม่ และต้องเตรียมบุคลากรไว้คอยดูแลผู้ป่วย

“ในด้านที่มีความเสี่ยง เช่น บ้านพักคนชรา และพื้นที่มีคนหนาแน่น ยังคงต้องมีการเฝ้าระวังเพื่อจำกัดการระบาด หลายประเทศได้เริ่มการทดสอบมากขึ้น รวมทั้งขยายการสืบค้นโรค ซึ่งจะช่วยลดการติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ มาตรการระยะห่างทางกายภาพและการทำงานจากบ้านยังจำเป็นเพื่อร่วมกันทำให้การจัดการช่วงเปลี่ยนผ่านบริหารจัดการได้”