ThaiPublica > เกาะกระแส > การหยุดชะงักครั้งใหญ่จากไวรัสโควิด-19 ทำให้โลกสูญเสียนักท่องเที่ยวจีน 150 ล้านคน

การหยุดชะงักครั้งใหญ่จากไวรัสโควิด-19 ทำให้โลกสูญเสียนักท่องเที่ยวจีน 150 ล้านคน

25 กุมภาพันธ์ 2020


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

ทหารอิตาลีสวมหน้ากากอนามัย บริเวณจตุรัส Duomo ในมิลาน ที่มาภาพ : https://www.theguardian.com/world/live/2020/feb/24/coronavirus-live-updates

รายงานของ Economist Intelligence Unit (EIU) เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของโลกเสียหายเป็นเงินถึง 80 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.4 ล้านล้านบาท เทียบเท่ากับมูลค่าเศรษฐกิจของมาเก๊า และธุรกิจการท่องเที่ยวจะยังไม่ฟื้นตัวอย่างน้อยก็อีก 1 ปี

ส่วนสมาคมสายการบินระหว่างประเทศ หรือ IATA ก็แถลงว่า วิกฤติไวรัสโควิด-19 จะทำให้สายการบินทั่วโลก มีรายได้หายไป 29.3 พันล้านดอลลาร์ โดยอุปสงค์ (demand) การเดินทางทางอากาศของผู้โดยสารสายการบินในเอเชียแปซิฟิกจะหายไป 13% ทำให้รายได้ของสายการบินในเอเชียแปซิฟิกหดหายไป 27.8 พันล้านดอลลาร์

สมาคม IATA กล่าวว่า รายได้ส่วนใหญ่ที่หายไปจะเกิดขึ้นกับสายการบินของจีน โดยรายได้จากตลาดการบินภายในประเทศจีน จะหายไป 12.8 พันล้านดอลลาร์ ส่วนสายการบินที่อยู่นอกภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จะสูญเสียรายได้ 1.5 พันล้านดอลลาร์ เพราะความต้องการเดินทางทางอากาศที่ไปยังประเทศจีนสูญหายไป

เที่ยวบินในจีนก่อนการยกเลิก ที่มาภาพ : nytimes.com

เที่ยวบินจีนหายไป 13,000 เที่ยวต่อวัน

หนังสือพิมพ์ New York Times รายงานข่าวว่า จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา คือ 23 มกราคม – 13 กุมภาพันธ์ จำนวนเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินต่างประเทศของจีน หายไปจากวันละ 15,072 เที่ยวบิน มาเหลือเพียงวันละ 2,004 เที่ยวบิน หรือหายไปทั้งหมดวันละ 13,000 เที่ยวบิน ทั้งนี้เป็นเพราะว่า เมื่อทางการจีนสั่งปิดเมืองอู่ฮั่นในวันที่ 23 มกราคม ในเวลาต่อมา ก็มีการยกเลิกการเดินทางด้วยรถไฟ รถโดยสาร และเครื่องบิน

สมาคม IATA กล่าวว่า หากวิกฤติจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีลักษณะคล้ายกันกับวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส เมื่อปี 2003 รายได้ของสายการบินทั่วโลกในปี 2020 จะหายไปประมาณ 29 พันล้านดอลลาร์ ส่วนการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส ทำให้สายการบินในเอเชียมีรายได้หายไปประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์ และใช้เวลา 9 เดือนก่อนที่ผู้โดยสารเส้นทางระหว่างประเทศจะฟื้นตัวกลับมาใหม่

นักท่องเที่ยวจีนหายไป 150 ล้านคน

ในวันที่ 23 มกราคม 2020 เมื่อรัฐบาลจีนสั่งห้ามไม่ให้บริษัทท่องเที่ยวจีนขายทัวร์ในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คำสั่งห้ามดังกล่าวมีขึ้นก่อนจะเข้าสู่เทศกาลตรุษจีน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก

รายงานของ World Tourism Organization (UNWTO) ของสหประชาชาติชื่อ Guidelines for Success in the Chinese Outbound Tourism Market (2019) กล่าวว่า ตลาดท่องเที่ยวนอกประเทศของคนจีนมีลักษณะที่โดดเด่นและชัดเจน 2 ประการ คือ ปริมาณนักท่องเที่ยว และมูลค่าการใช้จ่ายเงิน การเติบโตที่รวดเร็วใน 2 ด้านดังกล่าว ทำให้ปลายทางการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ต่างก็หาทางดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีน

รายงาน UNWTO กล่าวว่า จีนมีคำพูดที่เก่าแก่ว่า การเดินทางพันลี้เท่ากับการอ่านหนังสือหมื่นเล่ม เพราะเหตุนี้ คนจีนจึงนิยมการเดินทางไปต่างประเทศ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การเดินทางออกนอกประเทศของคนจีน เพิ่มขึ้นปีหนึ่งกว่า 20% ทำให้การเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนกลายเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของการท่องเที่ยวโลก

เที่ยวบินในจีนหลังการยกเลิก ที่มาภาพ : nytimes.com

ในปี 2018 คนจีนมีการเดินทางออกนอกประเทศ 150 ล้านครั้ง และนักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายเงินมากกว่า 277 พันล้านดอลลาร์ การเดินทางออกนอกประเทศของคนจีน ส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ที่มีความมั่งคั่ง 5 แห่งด้วยกัน คือ (1) ปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย (2) พื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซีที่มีศูนย์กลางอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ (3) พื้นที่สามเหลี่ยมแม่น้ำเพิร์ล มีศูนย์กลางอยู่ที่กวางโจและเสินเจิ้น (4) บริเวณพื้นที่เฉินตู-ฉงชิ่ง (5) เมืองตามลุ่มแม่น้ำแยงซี ส่วน 10 เมืองใหญ่ที่มียอดขายการท่องเที่ยวมากสุด ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กวางโจว เฉินตู ฉงชิ่ง นานกิง คุนหมิง อู่ฮั่น ซีอาน และหางโจว

รายงานของ UNWTO กล่าวว่า หากยกเว้นฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน ในปี 2018 นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปปลายทางในประเทศอื่นๆ มีจำนวน 68 ล้านคน หรือ 41% ของนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมด ประเทศปลายทางยอดนิยม 10 อันดับ ได้แก่ ประเทศไทย (10.4 ล้านคน) ญี่ปุ่น (9 ล้านคน) เวียดนาม (7.7 ล้านคน) เกาหลีใต้ (5.2 ล้านคน) สหรัฐฯ ( 3 ล้านคน) สิงคโปร์ (2.5 ล้านคน) มาเลเซีย (2.4 ล้านคน) กัมพูชา (2.3 ล้านคน) รัสเซีย (2 ล้านคน) และอินโดนีเซีย (1.7 ล้านคน)

อำนาจเศรษฐกิจของนักท่องเที่ยวจีน

จากข้อมูลของ UNWTO ปี 2000 การเดินทางต่างประเทศของคนจีนมี 4.5 ล้านครั้ง และใช้จ่ายเงิน 10 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2018 จำนวนการเดินทางเพิ่มเป็น 150 ล้านครั้ง และนักเดินทางจีนใช้จ่ายเงินเพิ่มเป็นมูลค่า 277 พันล้านดอลลาร์ หรือราวๆ ครึ่งหนึ่งของมูลค่าเศรษฐกิจไทย

ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนกลายเป็นพลังทางเศรษฐกิจของโลกในตัวของมันเอง นักท่องเที่ยวจีนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการท่องเที่ยวในหลายประเทศ โดยเฉพาะในเอเชีย เพราะหากนับรวมฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน ปลายทาง 10 อันดับที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมเดินทาง จะอยู่ในเอเชียทั้งหมด

ส่วนผลกระทบต่อตลาดท่องเที่ยวในยุโรป เพราะนักท่องเที่ยวจีนหายไปนั้น New York Times รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 มกราคม หลังจากรัฐบาลจีนห้ามกรุ๊ปทัวร์ของจีนออกเดินทางไปต่างประเทศ แหล่งท่องเที่ยวชั้นนำในยุโรปล้วนได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นร้านแบรนด์เนมของปารีส ปราสาทน็อยชวานไตน์ ในเยอรมัน หรือแหล่งช๊อปปิ้งออกซฟอร์ดเชอร์ ในอังกฤษ

แต่เมืองที่ยังเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวอย่างปารีส ผลกระทบยังมีอยู่จำกัด พิพิธภัณฑ์ลุฟร์ยังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะนักท่องเที่ยวจีนเข้าชมมีมากเป็นอันดับ 2 รองจากนักท่องเที่ยวอเมริกัน ข้อมูลของหน่วยงานการท่องเที่ยวปารีสกล่าวว่า ในแต่ละปีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวปารีส 800,000 คน หรือ 3% ของนักท่องเที่ยวของปารีสทั้งหมด ส่วนนักท่องเที่ยวอเมริกันมี 2.4 ล้านคน

แต่เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวของเมืองฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) เมืองมรดกโลกของออสเตรีย บอกกับ New York Times ว่า…

“นักท่องเที่ยวจีนมีคุณค่ากับเรามาก พวกเขาใช้เงินซื้อของ และพักในโรงแรมระดับไฮเอนด์ ช่วงฤดูหนาว เมืองฮัลล์สตัทท์จะอาศัยท่องเที่ยวจากยุโรป แต่เรากังวลช่วงหน้าร้อน ที่ปกติจะดึงนักท่องเที่ยวจากจีน เราหวังจะได้เห็นสัญญาณว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ จะไม่ดำรงอยู่นาน”

เอกสารประกอบ

13,000 Missing Flights: The Global Consequences of the Coronavirus, 22 February 2020, nytimes.com
Coronavirus Empties European Cities of Chinese Tourists, February 17, 2020 nytimes.com
Guidelines for Success in the Chinese Outbound Tourism Market, World Tourism Organization (UNWTO), 2019, e-unwto.org