ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “อดีต อนค. จัดหนัก อภิปรายไม่ไว้วางใจ ‘ใน-นอกสภา’ ” และ “มหาเธร์ นายกฯ มาเลเซียลาออก”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “อดีต อนค. จัดหนัก อภิปรายไม่ไว้วางใจ ‘ใน-นอกสภา’ ” และ “มหาเธร์ นายกฯ มาเลเซียลาออก”

29 กุมภาพันธ์ 2020


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 22-28 ก.พ. 2563

  • อดีต อนค. จัดหนัก อภิปรายไม่ไว้วางใจ “ใน-นอกสภา”
  • บีแคร์แถลง พบผู้ป่วยโควิด-19 ปกปิดประวัติการเดินทาง
  • กสทช. สั่งปรับสามช่อง เหตุเสนอข่าวกราดยิงโคราช
  • สิ้นตำนานลูกกรุง สุเทพ วงศ์กำแหง
  • มหาเธร์ ลาออกนายกฯ มาเลเซีย

อดีต อนค. จัดหนัก อภิปรายไม่ไว้วางใจ ‘ใน-นอกสภา’

น.ส.พรรณิการ์ วานิช (ช่อ) อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่
ที่มาภาพ: เว็บไซต์ข่าวสด (http://bit.ly/2uyH1pw)

“ช่อ” เผย รัฐบาลประยุทธ์เอี่ยว 1MDB

1MDB (1Malaysia Development Berhad) เป็นบริษัทพัฒนากลยุทธ์ของรัฐบาลมาเลเซีย ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวของประเทศ โดยแสวงหาความร่วมมือและส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) [1] แต่ต่อมา เกิดการเปิดโปงว่ากองทุนนี้มีธุรกรรมที่น่าสงสัย ซึ่งนำมาซึ่งการสืบสาวต่อไปจนพบว่ามีกายัดกยอกเงินในกองทุนนี้ออกไปถึง 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ [2]

ตัวละครสำคัญในการเปิดโปงนี้คือ

  1. ชาเบียร์ ฆุสโต (Xavier Justo) ผู้บริหารบริษัทเปโตรซาอุดี ผู้เปิดโปงเรื่องนี้พร้อมหลักฐานเป็นอีเมลกว่า 230,000 ฉบับแก่นักข่าวของบีบีซี แต่ต่อมาถูกจับในประเทศไทยด้วยข้อหากรรโชกทรัพย์บริษัทเปโตรซาอุดี
  2. นาจิบ ราซัก (Najib Razak) นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในขณะนั้น และฆุสโตพบว่าเงินกองทุน 1MDB ไหลเข้าบัญชีส่วนตัวของราซักและคนใกล้ชิดรวมกว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐ
  3. โล แท็ค โจ หรือ โจโลว์ (Low Taek Jho/Jho Low)
  4. นักธุรกิจคนสนิทของราซัก ผู้ต้องสงสัยว่ายักยอกเงิน 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐออกจากกองทุน 1MDB แต่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

อัยการสหรัฐฯ และมาเลเซีย ระบุว่าเงินดังกล่าวไหลเข้าสู่กระเป๋าของผู้ทรงอิทธิพลเพียงไม่กี่คน ซึ่งพวกเขานำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์หรู เครื่องบินส่วนตัว และงานศิลปะของจิตรกรเอกของโลกอย่าง แวนโก๊ะ และโมเนต์ รวมทั้งนำไปลงทุนสร้างหนังดังของฮอลลีวูด [3]

อ่านเพิ่มเติม

[1] THE STANDARD — ย้อนรอย 1MDB คดีคอร์รัปชันข้ามชาติกระฉ่อนโลก ที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวคนไทยอีกต่อไป — http://bit.ly/2Prc5in
[2] WAY — 1MDB คืออะไร รู้จักคดีอื้อฉาวทางการเงินจากมาเลเซียถึงประเทศไทย
— http://bit.ly/32wplrl
[3] บีบีซีไทย — 1MDB : อนาคตใหม่กล่าวหาประยุทธ์ร่วมมือ-ให้ที่หลบซ่อนเครือข่ายทุจริตระดับโลกในไทย — https://bbc.in/3abnU43


วันที่ 23 ก.พ. 2563 น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรคอนาคตใหม่และตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี

โดยในการอภิปรายฯ นอกสภาครั้งนี้ อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ระบุมีหลักฐานอันควรเชื่อได้่ว่า รัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปกปิดข้อเท็จจริง, บิดเบือนกระบวนการยุติธรรม, นำคนบริสุทธิ์เข้าคุก และปล่อยอาชญากรข้ามชาติลอยนวล จากกรณีอื้อฉาวของกองทุน 1MDB

พ.ศ. 2558 ชาเบียร์ ฆุสโต ผู้เริ่มเปิดโปงกรณีการนักนอกเงินกองทุน 1MDB ถูกจับในประเทศไทยด้วยข้อหากรรโชกทรัพย์บริษัทเปโตรซาอุดีที่เขาเคยเป็นผู้บริหาร น.ส.พรรณิการ์ระบุว่าการดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีนายฆุสโตนั้นมีความผิดปรกติมากมาย และจากแหล่งขาวหลายแหล่งรวมทั้งภรรยาของนายฆุสโต น่าเชื่อได้ว่านายฆุสโตถูกบีบให้รับสารภาพต่อข้อกล่าวหาดังกล่าว

การรับสารภาพทำให้นายฆุสโตถูกตัดสินจำคุก 6 ปีแต่ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง กระนั้น อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ระบุว่า แม้ไทยกับสวิตเซอร์แลนด์จะมีข้อตกลงส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน แต่นายฆุสโตกลับไม่ถูกส่งตัวให้ทางการสวิตเซอร์แลนด์ เขาติดคุกในไทยจนได้รับพระราชทานอภัยโทษเมื่อปี พ.ศ. 2559 และถูกห้ามเข้าประเทศไทยเป็นเวลา 100 ปี ซึ่ง น.ส. พรรณิการ์มองว่าทั้งหมดนี้อาจส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสวิตเซอร์แลนด์

ส่วนนายโจ โลว์ นั้น น.ส.พรรณิการ์ระบุว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนมาเลเซียและสหรัฐฯ ระบุว่า เป็นผู้วางแผนการยักยอกเงินจากกองทุน 1MDB และยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายแดงของตำรวจสากล ทว่า หลักฐานจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองบ่งชี้ว่าโลว์เข้า-ออกประเทศถึง 5 ครั้งระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ. 2559 ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2561

ทั้งหมดนี้ทำให้อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่เชื่อว่า มีกลุ่มบุคคลที่เป็นพันธมิตรมืดอยู่ในประเทศไทย ซึ่งดำเนินการทั้งการพยายามปิดปากในฆุสโต และให้ความช่วยเหลือรวมทั้งที่พักพิงแก่นายโลว์ ซึ่งที่สุดแล้วคนที่ต้องตอบคำถามนี้ก็คือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้นำรัฐบาลที่ดูแลหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง


“วิโรจน์” แฉ ประยุทธ์อยู่เบื้องหลังไอโอ สร้างความแตกแยก


นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่
ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ (http://bit.ly/32wAWXo)

ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเมื่อเวลา 22.10 น. วันที่ 25 ก.พ. 2563 ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายว่า ปัจจุบันมีการใช้ไอโอ (IO — information operation หรือปฏิบัติการด้านข้อมูลข่าวสาร) ผ่านช่องทางบัญชีโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อยุยงปลุกปั่นและสร้าความแตกแยกให้กับประชาชน โดยมีเป้าหมายคือคุกคามประชาชนที่ใช้สิทธิเสรีภาพในการวิจารณ์รัฐบาลด้วยการขุดประวัติบุคคลนั้นมาโพสต์ประจาน ใช้ถ้อยคำเกลียดชังด่าทอประชาชน เข้าไปโพสต์ข้อความด่าทอนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม นักสิทธิมนุษยชน นักวิชาการ สร้างความเกลียดชัง เลือกเอาข้อมูลด้านเดียวหรือเพียงประโยคเดียวมาชื่นชมกองทัพ

นายวิโรจน์ยังกล่าวด้วยว่า มีการทำเพจเป็นร้อยเพจ ซึ่งทำเป็นกระบวนการเพื่อแชร์เนื้อหาจากเว็บไซต์หนึ่ง บทความถูกแชร์เนื้อหาเหมือนเติมเชื้อไฟให้แบ่งฝักฝ่าย เป็นการตอกลิ่มความขัดแย้งประชาชนให้ร้าวลึกลงเรื่อยๆ พฤติกรรมแบบนี้บั่นทอนการเจรจาสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้  และโจมตีนักการเมืองไม่ให้นำปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้มาแก้ไขในสภา ตนพยายามหาว่าใครอยู่เบื้องหลังเว็บไซต์นี้ กระทั่งตนพบเอกสารฉบับหนึ่งจากการเป็นคณะกรรมาธิการงบประมาณ 2563 ที่ส่งมาของบโดย กอ.รมน. (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับ พล.อ. ประยุทธ์ โดยเอกสารหน้าที่ 14 ข้อ 10 ระบุถึงรายงานการปฏิบัติการข่าวสารของเว็บไซต์ ซึ่งมีการของบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ 2560-2562

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากอดีตพรรคอนาคตเปิดเผยต่อไปว่า ได้ค้นพบเอกสารทางราชการ 3 ฉบับ ของกระทรวงกลาโหม (กห.) ฉบับแรก ลงวันที่ 25 เม.ย. 2562 ในเอกสารมีการซักซ้อมการปฏิบัติการข่าวสารที่หน่วยเหนือมอบให้แต่ละวัน มีการสอนการโพสต์ว่าไม่ต้องเรียงลำดับหัวข้อตามภารกิจที่มอบให้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจับได้ว่าเป็นบัญชีผู้ใช้ปลอมหรือเรียกว่าอวตาร มีการสนับสนุนค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ตทุกสิ้นเดือน เดือนละ 2,000 บาท ฉบับที่สอง ลงวันที่ 22 พ.ย. 2562 เอกสารนี้อ้างถึงการประชุมวันที่ 4 พ.ย. 2562 และอ้างว่าเป็นข้อสั่งการของพลโทให้หน่วยระดับกองพลและระดับกรม ตรวจสอบยืนยันตัวผู้ปฏิบัติการข่าวสารที่ตั้งไว้หน่วยละ 5 นาย ส่งข้อมูลทุกวันที่ 5 ของเดือน มีการประชุมผ่านวิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ทุกวันจันทร์-ศุกร์ มีค่าโทรศัพท์ที่กองทัพบกจัดสรรให้เจ้าหน้าที่ไอโอ เดือนละ 300 บาท และยังมีเงินรางวัลและประกาศนียบัตรให้กับเพจ และผู้ปฏิบัติงานที่มีผู้ติดตามสูงสุดในสื่อโซเชียลทุกเดือน รางวัลละ 3,000 บาท และเอกสารลงวันที่ 22 พ.ย. 2562 และฉบับที่สาม ที่มีการสนับสนุนค่าโทรศัพท์ให้เจ้าหน้าที่ไอโอคนละ 100 บาท ทั้งนี้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกองทัพจะทำเองโดยพลการไม่ได้ต้องมีคำสั่ง ดังนั้นภารกิจคุกคามจึงเป็นการปฏิบัติการคำสั่งโดยมิชอบ โดย พล.อ. ประยุทธ์ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

นายวิโรจน์กล่าวด้วยว่า เป้าหมายของไอโอ คือ ประชาชน นักวิชาการ และคนธรรมดา ที่โพสต์หลักการและมีจำนวนคนแชร์มาก และยังมีการล็อกเป้าสื่อด้วย


“โรม” จัดหนักนอกสภา เผยเครือข่ายป่ารอยต่อ “ประวิตร”


นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่
ที่มาภาพ: เว็บไซต์มติชนสุดสัปดาห์ (http://bit.ly/2veu4So)

วันที่ 27 ก.พ. 2563 นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ เป็นหนึ่งในผู้ที่ทำการวอล์กเอาต์จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจเนื่องจากไม่พอใจการจัดสรรเวลาการอภิปรายและได้ทำการอภิปรายนอกสภาแทน โดยเป้าหมายของการอภิปรายอยู่ที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

นายรังสิมันต์ได้อภิปรายถึงมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการรัฐประหารปี พ.ศ. 2549 และปัจจุบันมี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน ซึ่งเช่าพื้นที่อยู่ในค่ายทหาร แต่ก็น่าสงสัยว่าหากเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงไม่สามารถเช่าพื้นที่ในค่ายทหารเช่นนี้ได้

นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ยังอภิปรายว่า แม้มูลนิธิฯ จะมีภารกิจหลักเป็นการอนุรักษ์ป่า และสนับสนุนโครงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แต่แท้จริงแล้วที่นี่คือที่ซ่องสุมอำนาจและเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องของ พล.อ. ประวิตร และพรรคพวก โดยมีเหล่านายทุนให้การบริจาคเงินทุนอย่างต่อเนื่อง จนนำมาซึ่งการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนเหล่านั้น

บีแคร์แถลง พบผู้ป่วยโควิด-19 ปกปิดประวัติการเดินทาง

เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2563 โรงพยาบาล บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ ชี้แจง กรณีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส COVID -19 โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ได้พบผู้ป่วยชายไทย มาด้วยอาการ ไข้ ไอ ผู้ป่วยปฏิเสธประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ เบื้องต้นได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นปอดอักเสบ และให้รักษาตัวในโรงพยาบาล

เช้าวันที่ 24 ก.พ. แพทย์อายุรกรรมผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปอด ได้เข้าตรวจอาการผู้ป่วยและสอบถามประวัติการเดินทางไปต่างประเทศอีกครั้ง ผู้ป่วยปฏิเสธ ช่วงสาย ผู้ป่วยได้เปิดเผยประวัติว่าได้เดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง

เมื่อผู้ป่วยแจ้งประวัติ โรงพยาบาลฯได้ติดต่อสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) ซึ่งได้ระบุว่าผู้ปวยรายนี้เข้าเกณฑ์กลุ่มเสี่ยง (Patient Under Investigation) และย้ายผู้ป่วยเข้าพักรักษาตัวในห้องความดันลบ (Negative Pressure Room) และส่งตรวจPCR for COVID-19 ทันที

ช่วงค่ำของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ผลตรวจ PCR เบื้องต้น พบเชื้อ COVID-19 (Detected) โรงพยาบาลบี.แคร์ฯ ได้แจ้ง สปคม. ทันที ปัจจุบันผู้ป่วยได้รับการส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลของรัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จากการที่ผู้ป่วยปกปิดและปฏิเสธประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ. ส่งผลให้บุคลากรทั้งแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลฯในกลุ่มที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เสี่ยงต่อการติดเชื้อCOVID-19 จำนวน 30 คน ซึ่งโรงพยาบาลฯ ร่วมกับ สปคม. ได้ดำเนินการดังนี้

1. บุคลากรที่สัมผัสกับผู้ป่วยทุกคน ได้รับการตรวจ PCR for COVID-19 และ ตรวจเลือดเพื่อหา Antibody ของ Virus เบื้องต้น ผลตรวจ PCR for COVID -19 ของบุคลากรทุกคนที่สัมผัสกับผู้ป่วยเป็นลบ คือไม่พบเชื้อไวรัส แต่ยังต้องตรวจซ้ำในช่วงเวลา7-14 วัน 2.ให้บุคลากรดังกล่าวหยุดงาน (Self quarantine) สังเกตอาการที่บ้าน และปฏิบัติตามแนวทางของกรมควบคุมโรค 3. ทำการ Deep Clean ด้วยนำ้ยาฆ่าเชื้อโรค และงดรับผู้ป่วยในหอผู้ป่วย

“เบื้องต้น ผลการตรวจ PCR for COVID-19 ของบุคลากรโรงพยาบาลทั้ง 30 คน ตรวจไม่พบเชื้อไวรัส”
ขอความร่วมมือผู้รับบริการทุกท่าน แจ้งประวัติที่เป็นความจริงเพื่อเข้าสู่กระบวนการการคัดกรอง การวินิจฉัย การแยกโรคตามมาตรฐาน ดังนี้

1. หากท่านมีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศในกลุ่มเสี่ยงตามประกาศของกรมควบคุมโรค หรือมีประวัติสัมผัสกับผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศในกลุ่มดังกล่าว ร่วมกับมีอาการไข้ ไอ จาม อ่อนเพลีย ให้แจ้งที่จุดคัดกรองของโรงพยาบาลฯ ซึ่งได้จัดให้มีทุกประตูเข้าออกของโรงพยาบาล 2. โรงพยาบาลฯจะนำท่านไปยังห้องตรวจแยกโรค แรงดันลบ (Negative Pressure) ทันที และติดต่อ ประสาน สปคม. เพื่อให้ สปคม. พิจารณาว่าเข้าเกณฑ์กลุ่มเสี่ยง (Patient Under Investigation) หรือไม่ 3. หากเข้าเกณฑ์ ท่านจะได้รับการตรวจ PCR for COVID -19 และพักรักษาตัวในห้องความดันลบ (Negative Pressure)ของโรงพยาบาลฯเพื่อรอผลตรวจซึ่งใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง 4. หากผลตรวจพบเชื้อ ทาง สปคม. จะดำเนินการรับตัวท่านไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลภาครัฐต่อไป

การปกปิดข้อมูลเป็นผลเสีย มีผลกระทบทำให้เกิดความเสียหายต่อสังคม ต่อผู้อื่น และต่อครอบครัวของท่านเอง

ทั้งนี้ โรงพยาบาลบี.แคร์เมดิคอลเซ็นเตอร์ ขอยืนยันว่าโรงพยาบาลฯ มีการเฝ้าระวัง และคัดกรองโรคที่เป็นมาตรฐาน และขอความร่วมมือจากประชาชนอย่าเพิ่งตื่นตระหนก หรือแชร์ข่าวที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบสถานการณ์ที่แน่นอนจากโรงพยาบาลฯโดยหากมีความเคลื่อนไหวหรือมีสถานการณ์ใดๆที่ต้องเฝ้าระวังโรงพยาบาลจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะ จึงขอแจ้งมา ณ โอกาสนี้

ต่อกรณีดังกล่าว เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ แจ้งว่า ได้รับทราบและประสานต่อกรณีดังกล่าว พร้อมให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดต่อด่านควบคุมโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก โดยเฉพาะการแจ้งผู้โดยสารที่เข้าข่ายเฝ้าระวังโดยตรง (เที่ยวบิน XJ621 ซัปโปโร-กรุงเทพ) รวมทั้งให้ลูกเรือในเที่ยวบินดังกล่าวหยุดงาน 14 วันเพื่อสังเกตอาการ เฝ้าระวัง และเข้าไปตรวจเพิ่มเติม

กสทช. สั่งปรับสามช่อง เหตุเสนอข่าวกราดยิงโคราช

เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า พล.ท. ดร. พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า วันนี้ (26 ก.พ. 2563) ที่ประชุม กสทช. ได้พิจารณาข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการออกอากาศเหตุการณ์ที่ จ. นครราชสีมา ในรายการข่าวทางช่องรายการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลจำนวน 3 ช่อง ที่อาจมีเนื้อหาไม่เหมาะสม ได้แก่ ช่อง One (ช่อง 31) ช่องไทยรัฐทีวี (ช่อง 32) และช่องอมรินทร์ ทีวี เอชดี (ช่อง 34)

ที่ประชุม กสทช. มีมติเห็นชอบตามมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองงานของ กสทช. ด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ที่เห็นชอบให้มีคำสั่งปรับทางปกครองแก่บริษัท วัน สามสิบเอ็ด จำกัด ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ช่อง One (ช่อง 31) เป็นเงิน 250,000 บาท บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ช่องไทยรัฐทีวี (ช่อง 32) เป็นเงิน 500,000 บาท และบริษัท อมรินทร์ เทเลวิชั่น จำกัด ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ช่องอมรินทร์ ทีวี เอชดี (ช่อง 34) เป็นเงิน 500,000 บาท

โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 59 (3) ประกอบมาตรา 57 (2) แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและไกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 เนื่องจากการออกอากาศเนื้อหาเกาะติดสถานการณ์ และถ่ายทอดสดเหตุการณ์ที่ จ.นครราชสีมา เข้าข่ายเป็นเนื้อหาสาระที่มีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจอย่างร้ายแรง อันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ. ฉบับเดียวกัน

สิ้นตำนานลูกกรุง สุเทพ วงศ์กำแหง

สุเทพ วงศ์กำแหง
ที่มา: เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ (http://bit.ly/2wgacOU)

วันที่ 28 ก.พ. 2563 เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า สุเทพ วงศ์กำแหงนักร้อง เพลงไทยสากลอมตะ เสียชีวิตอย่างสงบที่บ้าน สิริอายุ 86 ปี ภรรยาเผยก่อนเข้านอนยังไม่มีอาการผิดปกติช่วงเช้ามืดเข้าไปปลุกเพื่อเตรียมตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตามหมอนัด แต่ไม่รู้สึกตัว หายใจแผ่ว เรียกหน่วยกู้ชีพมาช่วยปั๊มหัวใจกว่า 30 นาที แต่ช่วยไม่ไหว หัวใจล้มเหลว “ชรินทร์ นันทนาคร” เพื่อนรัก และ “ธานินทร์ อินทรเทพ” ลูกศิษย์ เสียใจอย่างสุดซึ้ง เสียดายไม่ได้ขึ้นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายร่วมกัน ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) เมื่อปี 2533 มีเพลงดังมากมาย เป็นที่มาของฉายา “นักร้องเสียงขยี้แพรในฟองเบียร์” รดน้ำศพที่วัดธาตุทอง วันที่ 28 ก.พ. เวลา 16.00 น.นี้

การเสียชีวิตของนักร้องอาวุโสชื่อดังรายนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 27 ก.พ. ร.ต.อ. สถาพร โสตถิยิ้ม รอง สว. (สอบสวน) สน.คลองตัน รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 267 ซอยปรีดีพนมยงค์ 42 แยก 7 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ประสานแพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมเดินทางไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น รั้วรอบขอบชิดเนื้อที่กว่า 50 ตารางวา ที่ห้องนอนชั้นล่างพบศพเรืออากาศตรีสุเทพ วงศ์กำแหง อายุ 86 ปี ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ขับร้องเพลงไทยสากล นอนเสียชีวิตอยู่ที่พื้น สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีบานเย็น ตามร่างกายไม่พบบาดแผล มีนางผุสดี อนัคฆมนตรี (วงศ์กำแหง) ภรรยารอให้การเจ้าหน้าที่

นางผุสดีให้การว่า ช่วงเช้ามืดวันนี้ ร.ต. สุเทพ มีนัดกับแพทย์ รพ.ศิริราช เพื่อตรวจร่างกายเกี่ยวกับผู้สูงอายุตามปกติจึงมาปลุก แต่พบว่าหมดสติไม่รู้สึกตัวและชีพจรเต้นเบา รีบโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือเวลา 04.28 น. มีหน่วยกู้ชีพอุ้มลงจากเตียงลงมาช่วยปั๊มหัวใจที่พื้น ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีแต่ชีพจรไม่มีกลับมาเสียชีวิต ก่อนพนักงานสอบสวนแจ้งให้นำศพส่งตรวจพิสูจน์ที่นิติเวช รพ.จุฬาลงกรณ์ ครอบครัวจะไปรับศพวันพรุ่งนี้ (28 ก.พ.) เวลาประมาณ 13.00 น. ก่อนนำศพไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดธาตุทอง พระอารามหลวง

ด้านนายชรินทร์ นันทนาคร ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง กล่าวว่า รู้สึกตกใจและเสียใจอย่างใหญ่หลวงที่สูญเสียเพื่อนอันเป็นที่รัก เราทั้ง 2 คนมาจากก้นกุฏิครูคนเดียวกันคือ ครูไสล ไกรเลิศ ท่านเคยเสกคาถาให้เราทั้งคู่ว่า “มึงทั้ง 2 คน จะมีชื่อเสียงโด่งดัง และให้รักกันมากๆ” ทำให้เราไม่เคยห่างกัน พบกันบ่อย คอยสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันตลอด นายสุเทพเป็นนักร้องที่เต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพ มีเสียงละมุนนุ่มลึกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ การแสดงคอนเสิร์ตทุกครั้งจะให้ความสนใจผู้ชมด้วยความเป็นกันเอง มีลูกเล่น สนุกสนาน ก่อนที่นายสุเทพเสียชีวิตเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว เรายังพบกันที่ร้านอาหาร คุยกันสนุกสนานปกติ แม้ช่วงหลังนายสุเทพจะมีอาการอ่อนเพลียลงบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรบอกเหตุว่า เขาจะจากไปเร็วขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม แม้สิ้นลมหายใจ แต่เขาจะเป็นศิลปินผู้เป็นที่รักของแฟนเพลง ฝากผลงานเพลงคุณภาพไว้ให้กับแผ่นดินตลอดไป

นายธานินทร์ อินทรเทพ ศิลปินเพลงลูกกรุงระดับตำนานวัย 77 ปี นับถือ“สุเทพ วงศ์กำแหง” เป็นอาจารย์คนหนึ่ง และมีส่วนปลุกปั้นตัวเอง เผยว่า นายสุเทพเสียชีวิตเมื่อเวลาตี 4 โดยหลับไปเฉยๆ ถือว่าไปสบายแล้ว ก่อนหน้านี้เคยรับการรักษาอาการเส้นเลือดในสมองตีบเมื่อราว 10 ปีที่แล้วเกือบเป็นอัมพาต ดีที่คุณหมอช่วยไว้ได้ทันเวลา และยังเคยเข้ารับการผ่าตัดหัวใจด้วย นับจากนั้นเข้าๆ ออกๆโรงพยาบาลเรื่อยมา ล่าสุดจะแสดงคอนเสิร์ตเพื่อครู…ชาลี อินทรวิจิตร และสุรพล โทณะวณิก ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยในวันที่ 8 มี.ค.นี้ นายสุเทพเดินทางมาร่วมงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา นั่นถือเป็นการออกงานครั้งสุดท้าย และเสียใจที่นายสุเทพไม่มีโอกาสได้ขึ้นเวทีแสดงคอนเสิร์ตนี้

ส่วนนายกมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ กล่าวว่า ตนเพิ่งเดินทางกลับสหรัฐอเมริกา รู้สึกตกใจและเศร้าใจที่ได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของพี่สุเทพ ที่เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเพาะช่างและยังเป็นนายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนเพาะช่าง พวกเราต่างมีความรักและคุ้นเคยกันมาก เมื่อพี่สุเทพเดินทางมาจัดคอนเสิร์ตที่สหรัฐฯเกือบทุกครั้งต้องมานอนค้างที่บ้านตน และพากันไปเที่ยว ไปเขียนสีน้ำในสถานที่ต่างๆในสหรัฐฯ นอกจากนี้พี่สุเทพยังมีบทบาทสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในต่างประเทศผ่านการร้องเพลงที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์ มีคนไทยในสหรัฐฯและชาวสหรัฐฯเป็นแฟนคลับอย่างล้นหลาม เมื่อจัดคอนเสิร์ตบัตรเต็มหมดทุกรอบ เท่าที่พูดคุยกันล่าสุดยังมีความตั้งใจจะมาจัดคอนเสิร์ตที่สหรัฐฯอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีวันนั้นเกิดขึ้นแล้ว

“พี่สุเทพถือเป็นนักร้องคุณภาพ มีสไตล์การร้องเพลงที่มีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์นุ่มนวล และสร้างความคุ้นเคยกับแฟนเพลงอย่างเป็นกันเอง ทำให้แฟนเพลงรักพี่สุเทพทั้งประเทศ ขณะเดียวกันเป็นผู้มีจิตใจเอื้อเฟื้อคอยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยเหลือดูแลเพื่อนศิลปินและเพื่อนสายศิลปะในยามเจ็บป่วย ด้วยการจัดคอนเสิร์ตมาตลอด ล่าสุดกำลังจะทำคอนเสิร์ตเพื่อครู ชาลี อินทรวิจิตร และสุรพล โทณะวนิก 2 ศิลปินแห่งชาติที่ได้ล้มป่วย นอกจากนี้ ยังเป็นครูที่ถ่ายทอดวิชาความรู้ ทักษะการร้องเพลงให้แก่ศิษย์จำนวนมาก พร้อมทั้งช่วยโปรโมตความสามารถให้แก่ศิษย์ทุกคนเป็นอย่างดี” นายกมลกล่าว

ด้านศิลปินรุ่นหลานอย่าง กัน เดอะสตาร์ หรือนภัทร อินทร์ใจเอื้อ ซึ่งเคยร่วมงานกับศิลปินแห่งชาติ สุเทพ วงศ์กำแหง มาก่อนหน้านี้ โพสต์อินสตาแกรมว่า อาลัยศิลปินแห่งชาติคุณอาสุเทพ วงศ์กำแหง ผู้ซึ่ง เป็นต้นแบบเพลงลูกกรุงอย่างแท้จริง ผลงานของท่านยังคงเป็นอมตะ มีผู้นำมาสืบทอดหลายต่อหลายรุ่น ตนรู้สึกเป็นเกียรติที่ครั้งหนึ่งมีโอกาสร่วมร้องเพลงเสน่หากับท่าน ตนสัมผัสถึงพลังความเป็นศิลปินของท่าน ซึ่งวัยไม่ได้ทำให้ลดน้อยลงเลย ในฐานะที่คนรุ่นใหม่อย่างตนมีโอกาสสืบสานงานเพลงของท่าน ตนขอสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้เพลงลูกกรุงที่ท่านได้สืบทอดไว้ได้คงอยู่ในหัวใจลูกหลานคนไทย หวังที่จะให้เป็นที่นิยมสืบต่อไปตราบนานเท่านาน

ขณะที่นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เผยว่า ได้รับแจ้งว่า เรืออากาศตรีสุเทพ วงศ์กำแหง ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) พุทธศักราช 2533 เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 27 ก.พ. เวลาประมาณ 05.10 น. ที่บ้านเลขที่ 267 ซอยปรีดีพนมยงค์ 42 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. เพราะหัวใจล้มเหลว สิริรวมอายุ 86 ปี ญาติแจ้งเบื้องต้นว่า มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพวันที่ 28 ก.พ. เวลา 16.00 น. ณ ศาลาพระครูประจักษ์ วัดธาตุทอง สวดพระอภิธรรมศพเวลา 19.00 น. เก็บศพไว้บำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 100 วัน กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) จะดำเนินการขอพระราชทานเพลิงศพให้ต่อไป พร้อมทั้งให้การช่วยเหลือด้านต่างๆ ด้วยการมอบเงินช่วยเหลือเมื่อเสียชีวิตเพื่อร่วมการบำเพ็ญกุศลศพ 20,000 บาท และเงินช่วยเหลือค่าจัดทำหนังสือเพื่อเผยแพร่ผลงานเมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 150,000 บาท ตามระเบียบสวัสดิการของศิลปินแห่งชาติ

สำหรับประวัติ ร.ต.สุเทพ วงศ์กำแหง เกิดเมื่อวันที่ 12 พ.ค.2477 ที่ จ.นครราชสีมา เป็นศิลปินนักร้องเพลงไทยสากลที่มีผลงานดีเด่นทั้งในและนอกประเทศเป็นเวลากว่า 40 ปี มีผลงานขับร้องที่ประจักษ์ชัดเจนในความสามารถอันยอดเยี่ยม พัฒนาวิธีการขับร้องเพลงไทยสากลอย่างไพเราะ และทวีความงดงามในศิลปะแขนงนี้ยิ่งขึ้นเป็นลำดับ เป็นผู้ตั้งใจทำงานอย่างต่อเนื่องจนปรากฏผลงานเพลงมากมาย เช่น ขับร้องเพลงประกอบในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ เพลงไทยสากลทั่วไป เพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 9 เพลงอันเกี่ยวด้วยพระศาสนา และจริยธรรม มีผลงานขับร้องเพลงดังอมตะมากมาย อาทิ รักคุณเข้าแล้ว เธออยู่ไหน เย้ยฟ้าท้าดิน ป่าลั่น บทเรียนก่อนวิวาห์ และเสน่หา ฯลฯ ด้วยน้ำเสียงหวานนุ่มทำให้ได้รับสมญานามว่าเป็น “นักร้องเสียงขยี้แพรในฟองเบียร์”

ร.ต.สุเทพ ยังใช้ความสามารถเชิงศิลปะสร้างสรรค์อำนวยคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติเสมอมา ถ่ายทอดความรู้ความสามารถแก่ศิษย์เป็นจำนวนมาก จากความสามารถอันสูงส่งดังกล่าวยังส่งผลให้ได้รับพระราชทานรางวัลแผ่นเสียงทองคำไม่น้อยกว่า 5 ครั้ง รางวัลเสาอากาศทองคำในฐานะนักร้องยอดเยี่ยม 2 ครั้ง และรางวัลอื่นๆอีกมากมาย ปัจจุบัน ร.ต.สุเทพยังบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติเป็นอเนกประการ คุณงามความดีที่ได้กระทำอย่างต่อเนื่องมานี้ เป็นที่ชื่นชมชัดเจนในหมู่ประชาชนคนไทยโดยทั่วไป กระทั่ง ร.ต.สุเทพ วงศ์กำแหง ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) ปีพุทธศักราช 2533

มหาเธร์ ลาออกจากนายกฯ มาเลเซีย

วันที่ 24 ก.พ. 2563 เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานว่า นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซียวัย 94 ปี ทูลเกล้าถวายหนังสือกราบบังคมทูลลาออกจากตำแหน่งต่อกษัตริย์มาเลเซียแล้ว

การลาออกของนายมหาเธร์มีขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่าเขามีแผนจะตั้งรัฐบาลใหม่ที่ปราศจากนายอันวาร์ อิบราฮิม ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกวางตัวว่าจะเป็นคนที่มารับตำแหน่งต่อจากเขา

นายมหาเธร์สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอายุมากที่สุดในโลก เขารับตำแหน่งเมื่อปี 2018 หลังจากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างพลิกความคาดหมาย โดยเอาชนะอดีตนายกฯ นาจิบ ราซัค ที่ถูกสอบสวนและดำเนินคดีในข้อหาพัวพันในคดีทุจริตฉาว 1MDB

นายมหาเธร์มีบทบาทนำในการเมืองมาเลเซียมานานหลายทศวรรษ เขาเคยดำรงตำแหน่งนายกฯ ระหว่างปี 1981-2003

แถลงการณ์จากสำนักนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียระบุเพียงว่า นายมหาเธร์ทูลเกล้าถวายหนังสือลาออกเมื่อเวลา 13.00 น. ตามเวลามาเลเซีย แต่สำนักนายกฯ ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม

ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าใครจะขึ้นมาเป็นนายกฯ คนต่อไปหรือจะมีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อไหร่

นายอันวาร์เคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายมหาเธร์ แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนร้าวฉานจากการช่วงชิงการนำกันจนนำมาสู่กับปลดนายอันวาร์เมื่อปี 1998

ต่อมานายอันวาร์ถูกจำคุกในข้อหาทุจริตและการกระทำผิดทางเพศซึ่งเป็นข้อหาที่ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม ในปี 2018 นายมหาเธร์สร้างความประหลาดใจให้คนทั้งประเทศเมื่อเขาประกาศว่าจะเข้าร่วมกับฝ่ายของนายอันวาร์และพันธมิตรฝ่ายค้านปากาตัน ฮาราปัน เพื่อโค่นรัฐบาลของนายนาจิบที่ถูกกล่าวหาว่าพัวพันการทุจริตกองทุน 1MDB

พันธมิตรฝ่ายค้านของอันวาร์-มหาเธร์ชนะการเลือกตั้งได้ในที่สุด โดยนายมหาเธร์รับปากว่าเขาจะให้นายอันวาร์ขึ้นมาเป็นนายกฯ ต่อ แต่ก็ไม่เคยระบุเวลาที่แน่ชัด ซึ่งท่าทีนี้ได้สร้างความขัดเคืองใจในกลุ่มพันธมิตรปากาตัน ฮาราปัน