ThaiPublica > เกาะกระแส > ธปท.ปรับลดเป้าหมายเงินเฟ้อ 1-3% เริ่มปี’63 เพิ่มความยืดหยุ่นนโยบายการเงิน

ธปท.ปรับลดเป้าหมายเงินเฟ้อ 1-3% เริ่มปี’63 เพิ่มความยืดหยุ่นนโยบายการเงิน

24 ธันวาคม 2019


นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย

นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในการแถลงข่าววันนี้ (24 ธันวาคม 2562) ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีข้อตกลงร่วมกัน โดยกำหนดให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 1-3% เป็นเป้าหมายนโยบายการเงินด้านเสถียรภาพราคา สำหรับระยะปานกลาง และสำหรับปี 2563

“เป้าหมายนโยบายการเงินใหม่ คือ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปแบบช่วง 1-3% เปลี่ยนจากเป้าหมายเดิมที่มีค่ากลางที่ 2.5% และบวกลบ 1.5% ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2558” อัตราเงินเฟ้อทั่วไปใหม่ จะเริ่มใช้ 2563

นายเมธีกล่าวว่า การปรับลดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจการเงินที่เปลี่ยนแปลงไป และอัตราเงินเฟ้อไทยที่มีแนวโน้มต่ำลงจากปัจจัยโครงสร้าง อาทิ

1) การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่ทำให้ต้นทุนการผลิตถูกลงหรือปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น (เช่น น้ำมัน สินค้าเกษตร และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

2) การขยายตัวของธุรกิจ e-commerce ที่ทำให้การแข่งขันสูงขึ้นจนผู้ขายปรับราคาสินค้าขึ้นยาก และ

3) การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เนื่องจากผู้สูงอายุมีรายได้หลังเกษียณลดลง จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นจึงทำให้การบริโภคสินค้าและบริการในภาพรวมมีแนวโน้มลดลงในระยะต่อไป

การเปลี่ยนมาใช้เป้าหมายแบบช่วง (ไม่มีค่ากลาง) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้นโยบายการเงินสามารถดูแลเสถียรภาพด้านราคา ควบคู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพระบบการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกและไทยผันผวนและมีความไม่แน่นอนสูง

  • “วิรไท สันติประภพ” กางโจทย์ความท้าทาย …ธนาคารกลางต้อง “transformation” แปลงกายให้เท่าทันกับโลก

  • ปัจจุบันธนาคารกลางหลายประเทศได้ปรับเป้าหมายเงินเฟ้อลง เช่น เกาหลีใต้ นอร์เวย์ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มต่ำลงจากปัจจัยโครงสร้าง

    นอกจากนี้ยังมีปรับเกณฑ์การสื่อสารผ่านจดหมายเปิดผนึก (open letter) เมื่ออัตราเงินเฟ้อออกนอกกรอบเป้าหมาย เพื่อให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) สามารถแสดงความรับผิดชอบและสื่อสารกับสาธารณชนได้ทันการณ์ ไม่ต้องรอถึงสิ้นปีปฏิทิน รวมทั้งสอดคล้องกับหลักการดำเนินนโยบายการเงินที่ต้องมองไปข้างหน้า (forward-looking)

    ภายใต้เกณฑ์ใหม่ กนง. จะออกจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทุก 6 เดือน หากอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมาหรือประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้าเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมาย (ถ้าไม่ออกนอกกรอบเป้าหมาย ไม่ต้องมีจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีฯ)

    ขณะที่เกณฑ์เดิม จะมีจดหมายเปิดผนึกเมื่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีปฏิทินออกนอกกรอบเป้าหมาย

    การปรับลดเป้าหมายนโยบายการเงินในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณว่าแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินจะเปลี่ยนจากเดิม โดยภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน นโยบายการเงินมีแนวโน้มผ่อนคลายไปอีกระยะหนึ่งเพื่อเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และช่วยให้อัตราเงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายต่อไป โดย

    การตัดสินนโยบายการเงินภายหลังการปรับเป้าหมายใหม่ยังคงยึดหลักการเดิม ได้แก่
    1) ยึดหลัก data dependent พิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้าน และพร้อมปรับนโยบายเมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยประเมินไว้

    2) รักษาสมดุลของการดูแลเป้าหมายนโยบายการเงินทั้ง 3 ด้านให้เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา ได้แก่

  • การรักษาเสถียรภาพด้านราคาในระยะปานกลาง
  • การดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเต็มศักยภาพ
  • การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน
  • เป้าหมายนโยบายการเงินประจำปี 2563