ThaiPublica > เกาะกระแส > “บิ๊กตู่” ยันไม่สั่งการ ปล่อยกู้เงินประกันสังคม ขออย่าบิดเบือน – มติ ครม.เห็นชอบ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งซ่อม ขอนแก่น เขต 7

“บิ๊กตู่” ยันไม่สั่งการ ปล่อยกู้เงินประกันสังคม ขออย่าบิดเบือน – มติ ครม.เห็นชอบ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งซ่อม ขอนแก่น เขต 7

19 พฤศจิกายน 2019


พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาลมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน

“ปารีณา” ดอดพบ “บิ๊กป้อม”- นรม.ลั่น ตรวจที่ สปก.ไม่มีเจาะจงใคร

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงกรณีปัญหาที่ดิน สปก.ว่า ปัญหาดังกล่าวคงไม่ใช่เฉพาะกรณีใครคนใดคนหนึ่ง จะต้องตรวจสอบทั้งหมด โดยได้สั่งการให้คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) พิจารณาในเรื่องนี้ด้วย มีการเอาเรื่องการทำแผนที่วันแมป (one map) มาพิจารณาด้วย เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทับซ้อนต่างๆ ทั้งที่ สปก. ที่ดินของรัฐ ของเอกชน

“หากไม่มีกลไกอะไรใหม่ๆ ออกมาก็แก้อะไรไม่ได้สักอัน นั่นก็คือปัญหา ตอนนี้อย่ามาพูดว่าเจาะจงกรณีใดเลย เพราะมีเรื่องขึ้นมาในช่วงนี้พอดี ก็อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ ผมไม่ได้ลำบากใจอะไรทั้งสิ้น เป็นเรื่องถูกผิดว่าไปตามกฎหมาย อะไรที่แก้ไขกันได้เพื่อผลประโยชน์โดยรวมก็แก้กันไป นี่คือการแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการทำงานทำงานที่ผ่านมาอยู่แล้ว” นายกรัฐมนตรีกล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อเข้าพบ แต่นายกรัฐมนตรีได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เจอกับนางสาวปารีณา และไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเอง ทั้งนี้รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่า นางสาวปารีณาได้มาพบ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ห้องทำงานชั้น 4 ตึกบัญชาการ 1 โดยเป็นการถูกเรียกให้มารายงานข้อเท็จจริงเรื่องปัญหาที่ดินให้ได้รับทราบ เพื่อหาทางออกของเรื่องดังกล่าว

ยันไม่สั่งการ ปล่อยกู้เงินประกันสังคม ขออย่าบิดเบือน

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงกรณีการนำเงินประกันสังคมปล่อยกู้ ว่า เรื่องของประกันสังคมนั้นตนขอยืนยันว่าไม่ได้มีความมุ่งหมายที่จะเอาเงินประกันสังคมมาใช้เพื่อประโยชน์อย่างอื่น ซึ่งเรื่องนี้นั้นมีการรายงานข้อมูลของสมาชิกประกันสังคมว่ามีหนทางจะได้ประโยชน์จากตรงนี้อีกหรือไม่ โดยหากกฎหมายระบุชัดแล้วว่าไม่ได้รัฐบาลก็ไม่มีทางนำเงินดังกล่าวมาใช้ได้

“เขาก็หารือมา ผมก็ไม่ได้สั่งการว่าต้องไปเอามาใช้เพียงแต่ให้ไปดูกฎหมายว่าทำได้หรือไม่ได้ ไม่ได้ก็ชี้แจงเขาไปว่าไม่ได้ก็แค่นั้นเอง ขออย่าไปเขียนบิดเบือนกันมากมาย และผมก็คงไม่เอาเงินเหล่านี้มาใช้ถ้ากฎหมายใช้ไม่ได้แล้วจะเอามาใช้อย่างอื่นได้อย่างไร รัฐบาลจะใช้ได้หรือ มีกฎหมายของเขาอยู่แล้ว ฉะนั้นสมาชิกต้องการอะไรก็รับฟังเขามาเท่านั้นเองทำไม่ได้ก็ชี้แจงเขาไปก็จบแล้ว” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ด้าน ศ. ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนายกรัฐมนตรีได้รับข้อเสนอจากผู้ประกันตนว่าอยากให้มีทางเลือกอื่นที่จะทำให้ผู้ประกันตนได้ประโยชน์จากเงินกองทุนประกันสังคมมากขึ้น จึงได้ฝากให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไปพิจารณาศึกษาร่วมกันหาแนวทางความเป็นไปได้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ประกันตน ด้วยเจตนาดี และมีหนังสือออกไปจากเลขาธิการ ครม. แต่เกิดความเข้าใจผิดว่าจะมีการนำเงินจากกองทุนประกันสังคมออกไปปล่อยกู้

“นายกรัฐมนตรีทราบดีว่าไม่สามารถจะดำเนินการเช่นนั้นได้ เนื่องจากใน พ.ร.บ.ประกันสังคมไม่ได้เปิดให้ทำภารกิจในส่วนนี้ หากจะการปล่อยกู้จริงก็จำเป็นต้องมีการแก้ไขกฎหมายก่อน เจตนารมณ์คือต้องการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ประกันตน ซึ่งมีหลายข้อเสนอที่ผู้ประกันตนอยากได้ และต้องดูว่าทำได้มากน้อยแค่ไหนในระบบไตรภาคี”

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเคยมีโครงการลงทุนทางสังคมเพื่อคืนกลับไปให้ผู้ประกันตน ด้วยการนำเงินจำนวนหนึ่งของกองทุนฯ ไปฝากธนาคารและได้รับดอกเบี้ย ขณะที่มีเงื่อนไขว่าธนาคารจะต้องนำเงินก้อนนี้ปล่อยกู้ให้แก่ผู้ประกันตน และไม่คิดดอกเบี้ยสูง จะทำเฉพาะช่วงที่จำเป็นและเหมาะสม ซึ่งการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้แก่ผู้ประกันตนจะขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์และระเบียบของธนาคารที่ร่วมโครงการ อีกทั้งต้องอยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วย

“ทางเลือกอื่นๆ ที่ผู้ประกันตนเคยนำเสนอมานั้น จะต้องเข้าสู่กระบวนการไตรภาคี (ฝ่ายนายจ้าง, ลูกจ้าง และรัฐบาล) ก่อน โดยมีคณะกรรมการประกันสังคมเป็นผู้พิจารณาในกรอบที่สามารถจะดำเนินการได้” ศ. ดร.นฤมล กล่าว

ไม่ขอแย้มแนวสู้คดี “ค่าโง่โฮปเวลล์”

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงแนวทางต่อสู้คดีโฮปเวลล์ เพียงสั้นๆ ว่า เรื่องของโฮปเวลล์ต่างๆ เหล่านี้ก็กำลังดำเนินการอยู่ แต่ยังไม่สามารถชี้แจงได้ในเวลานี้ เพราะเป็นเรื่องของการหารือ การเจรจา มีการใช้กฎหมายต่างๆ ที่จะต้องดำเนินการต่อไป

ขออย่ากังวลขบวนการไฟใต้ ชี้มีมาตรการรับมือแล้ว

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงกรณีการยกระดับเพื่อป้องกันกลุ่มขบวนการไฟใต้ ว่า เรื่องนี้มีหลายมิติด้วยกัน ขออย่าได้กังวล เพราะฝ่ายมั่นคงมีมาตรการในการดำเนินการอยู่แล้ว บางอย่างนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเปิดเผยมากก็ไม่ได้ แต่ทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงาน เพราะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเป็นเรื่องทางศาสนาด้วยอะไรด้วย ยืนยันว่ารัฐบาลมีมาตรการในการดำเนินการอยู่แล้ว

สั่งทำความเข้าใจเกษตร ก่อนจำกัดใช้ 1 ธ.ค. นี้

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามกรณีหากตรวจพบว่ามีเอกชน หรือประชาชนใช้สารเคมีที่แบนหลังวันที่ 1 ธันวาคม 2562 ว่า การยกเลิกแบน 3 สารเคมีเกษตรนั้นเป็นไปตามที่ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว ฉะนั้นขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องของการดำเนินการว่าจะทำอย่างไรต่อไปในการทำความเข้าใจ วันนี้ตนก็รับทราบว่าทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการนัดหารือกับผู้ส่งออกและนำเข้าสารเคมี รวมทั้งทำความเข้าใจกับเกษตรกรและประชาชนว่าจะแก้ปัญหากันอย่างไรในเรื่องนี้ ก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 นี้

ไม่มีเอี่ยว รธน.ตัดสิน “ธนาธร” – ปัดตอบเรื่อง กมธ.

ต่อคำถามกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาตัดสินคดีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญตนไม่ได้เกี่ยวข้องเลย ซึ่งตนไม่ได้เป็นคนไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ หรือไปบังคับให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินออกมาแบบนี้ โดยย้ำว่าเรื่องดังกล่าวเป็นกระบวนการของศาล ตนไม่ขอก้าวล่วง

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะตอบคำถามอื่นๆ ต่อ โดยระบุเพียงว่า “เรื่องอื่นๆ ผมไม่ขอตอบ เรื่อง กมธ.ต่างๆ เหล่านี้เป็นเรื่องของการดำเนินการตามขั้นตอน เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นเรื่องของการแก้ไข การตั้งคณะกรรมการศึกษาก็ว่ากันไป ผมไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องตรงนี้”

เผยปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้า รัฐบาลทำงานยาก

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลให้ความสำคัญทั้งเศรษฐกิจฐานราก เศรษฐกิจกลุ่มเกษตรกรต่างๆ รวมถึงแรงงาน ว่าเราจะแก้ปัญหาตรงนี้ได้อย่างไร หลายอย่างเป็นมิติที่จะต้องหารือร่วมกันในการทำงาน ซึ่งตนได้สั่งการให้พัฒนาปรับปรุงการทำงานของ ครม.เศรษฐกิจไปด้วย เพื่อให้ครอบคลุมในหลายๆ มิติด้วยกัน เพราะต้องเดินหน้าไปด้วยกันทั้งเรื่องการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ เรื่องการท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งจะต้องเร่งการขับเคลื่อนในช่วงไตรมาส 4 นี้เพื่อส่งต่อไปไตรมาสที่ 1 ในปี 2563 และขณะนี้ก็อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเรื่องงบประมาณประจำปี 2563

“ยังมีอีกหลายกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การค้าออนไลน์ ก็ได้เร่งรัดดำเนินการใช้ดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ซึ่งทุกคนก็ต้องร่วมมือกันด้วย ไม่เช่นนั้น ถ้ารัฐบาลออกอะไรไปก็ทำไม่ได้ทั้งหมด ทั้งนี้ ในเรื่องของแรงงาน ต้องเน้นในเรื่องทักษะ โดยในส่วนที่ตกงานหรืออะไรต่างๆ ก็ยังมีโรงงานที่เกิดขึ้นใหม่ 2,800 แห่ง และที่มีการเลย์ออฟพนักงานก็มีอยู่บ้างประมาณ 1,000 กว่าโรงงาน ก็ต้องไปดูรายละเอียดของโรงงานที่ลดการจ้างลงหรือยกเลิกคนเพราะอะไร”

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อไปโดยขอให้ทุกคนอย่าพูดถึงแต่เพียงความขัดแย้ง เพราะจะส่งผลต่อเศรษฐกิจทำให้ความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายเงินลดลง ซึ่งในด้านการส่งออกตนได้รับรายงานสรุปมาว่าดีขึ้นแม้จะไม่มากนักก็ตาม ส่วนนี้ก็ต้องไปดูรายละเอียดว่าจะช่วยเหลือผู้ประกอบการได้อย่างไร ยอมรับว่านี่คือสิ่งที่ยากของการเป็นรัฐบาลในเวลานี้ ที่ต้องดูทั้งปัจจัยภายในและภายนอก

“อาจมองว่ารัฐบาลทำงานไม่ได้ผล ขอให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลด้วย วันนี้พยายามทำอย่างเต็มที่ ขอให้ช่วยกันสู้ไปด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธาซึ่งกันและกัน เรื่องใดที่ยังไม่มีข้อยุติตามกฎหมาย หากเอามาวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะๆ ก็ไม่เกิดประโยชน์ เรื่องที่มีการทุจริตก็มีกระบวนการตรวจสอบ ถ้ายังไม่เข้ากระบวนการศาลหรือกระบวนการยุติธรรม ก็ถือว่ายังไม่มีความผิดใดๆ ทั้งสิ้น ตรงนี้คือความเป็นธรรม ฝากให้ช่วยกันคิดด้วย” นายกรัฐมนตรีกล่าว

มติ ครม.มีดังนี้

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และศ. ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ซ้าย-ขวา)
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

เห็นชอบ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งซ่อม ขอนแก่น เขต 7

ศ. ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.มีมติร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. …. โดยภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 ว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 7 ของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง และจำเป็นต้องดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่างลง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 105 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 102 โดยให้ถือว่าวันที่ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่างลง คือวันที่ศาลมีคำวินิจฉัย หรือภายในวันที่ 27 ธันวาคม 2562

“กระบวนการต่อไปคือรอให้ พ.ร.ฎ.ประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมาย หลังจากนั้นทางสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้งหรือ กกต.จะประกาศวันเลือกตั้ง รวมไปถึงกำหนดนการรับสมัครต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป” ศ. ดร.นฤมล กล่าว

หนุนบิ๊กดาต้า เร่งสร้างบุคลากรภาครัฐ

ศ. ดร.นฤมล กล่าวว่า ครม.รับทราบผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกเรื่องการบริหารจัดการฐานข้อมูลขนาดใหญ่หรือ big data ซึ่งปัจจุบันมีคณะทำงานบูรณาการข้อมูลอยู่ 4 คณะ ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านน้ำและภูมิอากาศ ด้านการให้บริการประชาชน และด้านทรัพยากรและการบริหารภาครัฐ โดยจากการสำรวจนหน่วยงานภาครัฐ 278 แห่ง พบว่าภาครัฐยังขาดบุคลากรอีกมาก

และมีข้อเสนอในระยะเร่งด่วน 6 เดือนถึง 2 ปี ว่าควรจะต้องพัฒนาบุคลากรภาครัฐใหม่ผ่านการฝึกทักษะใหม่ มีการอบรมสร้างการรับรู้ของบุคลากรภาครัฐ มีการคัดเลือกบุคลากรที่มีความสามารถสูงมาฝึกอบรมระยะยาว รวมทั้งให้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อจ้างงานบุคลากรภายนอกเข้ามาร่วมงานและถ่ายทอดความรู้หรือทักษะที่จำเป็น ขณะที่ในระยะยาว 3–5 ปี กำหนดให้มีการปรับปรุงกำลังพลภาครัฐใหม่ มีการตั้งสายงานใหม่ขึ้นมาเป็นราชการประจำ รวมทั้งให้พิจารณาการให้ผลตอบแทนพิเศษที่เหมาะสมกับความสามารถ

แผนชำระหนี้กองทุนฟื้นฟูฯจบในปี 2574

ศ. ดร.นฤมล กล่าวว่า ครม.มีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอการพิจารณาความเหมาะสมของอัตราเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงินให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยคงไว้ที่ 0.46% ต่อปี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555 (เรื่อง การดำเนินการตามพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2555) สำหรับปี 2562–2563 เนื่องจากภาระหนี้กองทุนฟื้นฟู (FIDF1 และ FIDF3) ยังคงเป็นภาระต่อระบบเศรษฐกิจการเงินในระดับสูง และเงินนำส่งจากสถาบันการเงินยังเป็นแหล่งเงินสำคัญในการลดต้นเงินและชำระดอกเบี้ย หากปรับลดอัตราเรียกเก็บเงินนำส่งจะส่งผลกระทบต่อการลดภาระหนี้ ซึ่งปัจจุบันฐานเงินฝากสำหรับคำนวณเงินนำส่งยังมีความเสี่ยงที่จะขยายตัวไม่เป็นไปตามสมมติฐานที่กำหนดไว้

ทั้งนี้ คาดว่าการชำระหนี้ FIDF1 และ FIDF3 เสร็จสิ้นภายในปี 2574 โดยมีสมมติฐานและศักยภาพในการชำระเงินจากแหล่งต่างๆ ดังนี้

  1. เงินนำส่งจากสถาบันการเงิน (แหล่งหลักในการชำระหนี้ต้นเงินกู้และดอกเบี้ย) โดยมีสมมติฐานอัตราการขยายตัวของฐานการคำนวณเงินนำส่งจากสถาบันการเงินอยู่ที่อัตราเฉลี่ยร้อยละ 4 ต่อปี (ปี 2562–2574)
  2. ประมาณการชำระหนี้จากแหล่งอื่นๆ ได้แก่ เงินกำไรสุทธิของ ธปท. (ไม่มีเงินนำส่ง เนื่องจากมีผลขาดทุนสะสมจำนวนสูง) เงินจากบัญชีผลประโยชน์ประจำปี (ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดการเงิน ซึ่งมีความผันผวนสูง และเงินหรือทรัพย์สินของกองทุนฯ [ปีงบประมาณ 2563 กองทุนฯ จะนำส่งจำนวน 6,700 ล้านบาท ปีต่อๆ ไป คาดว่าจะนำส่งประมาณ 5,000 ล้านบาท ภายใต้ สมมติฐานที่กองทุนฯ ยังคงถือหุ้นธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)]
  3. ประมาณการดอกเบี้ยจ่ายปีงบประมาณ 2563–2574 ประมาณ ปีละ 30,000 ล้านบาท (ทยอยลดลงตามการชำระคืนต้นเงินกู้)

ปรับแก้กฎหมายประกันรองรับการโอนกิจการ

ศ. ดร.นฤมล กล่าวว่า ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้นำไปรวมกับร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

ทั้งนี้ สาระสำคัญของ พ.ร.บ.ทั้งสองฉบับคือ

  1. เพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการโอนกิจการที่มีผลให้ต้องมีการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ผู้รับประกันภัย เมื่อบริษัทผู้รับโอนกิจการมีหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้เอาประกันภัย พร้อมแจ้งสิทธิให้ผู้เอาประกันภัยคัดค้านแล้ว หากไม่มีการคัดค้านให้ถือว่าเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ผู้รับประกันภัย
  2. เพิ่มเติมบทบัญญัติให้บริษัทสามารถจดทะเบียนควบรวมกิจการได้ก็ต่อเมื่อเจ้าหนี้ทุกรายให้ ความยินยอมเป็นหนังสือโดยไม่ต้องรอให้พ้นระยะเวลาคัดค้าน
  3. เพิ่มเติมบทบัญญัติให้บริษัทที่รับโอนกิจการสามารถเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนบริษัทที่โอนกิจการในคดีที่มีการฟ้องร้องในศาลได้ และสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้
  4. เพิ่มเติมบทกำหนดโทษในกรณีดังต่อไปนี้
    • กรรมการ ผู้มีอำนาจในการจัดการ พนักงานของบริษัท และบุคคลที่บริษัทมอบหมาย แสวงหาประโยชน์อันมิชอบหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบริษัท ผู้เอาประกันภัย หรือประชาชน
    • ผู้ก่อให้หรือสนับสนุนให้ผู้สอบบัญชีหรือนักคณิตศาสตร์ประกันภัยไม่แจ้งให้ นายทะเบียนทราบเมื่อพบเหตุอันควรสงสัยว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นในบริษัท หรือก่อให้หรือสนับสนุนให้นักคณิตศาสตร์ประกันภัยจัดทำรายงาน รับรอง หรือแสดงความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของบริษัทเป็นเท็จ หรือก่อให้หรือสนับสนุนให้กรรมการหรือผู้มีอำนาจในการจัดการแสวงหาประโยชน์อันมิชอบ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบริษัท ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน (ร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิตฯ)
    • ผู้ก่อให้หรือสนับสนุนให้ผู้ประเมินวินาศภัยทำรายงานการตรวจสอบและประเมินวินาศภัยเป็นเท็จ หรือก่อให้ผู้สอบบัญชีหรือนักคณิตศาสตร์ประกันภัยไม่แจ้งให้นายทะเบียนทราบเมื่อพบเหตุอันควรสงสัยว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นในบริษัท หรือก่อให้หรือสนับสนุนให้นักคณิตศาสตร์ประกันภัยจัดทำรายงาน รับรอง หรือแสดงความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของบริษัทเป็นเท็จ หรือก่อให้หรือสนับสนุนให้กรรมการหรือผู้มีอำนาจในการจัดการแสวงหาประโยชน์อันมิชอบ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทผู้เอาประภันภัยหรือประชาชน (ร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัยฯ)
    • ผู้ให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อนายทะเบียน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่
    • ผู้ทำลาย ทำให้เสียหาย ซึ่งตราหรือเครื่องหมายที่นายทะเบียน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ประทับไว้
  5. แก้ไขบทบัญญัติให้การกระทำความผิดของกรรมการ ผู้มีอำนาจในการจัดการ พนักงานของบริษัท บุคคลที่บริษัทมอบหมาย บุคคลที่ก่อหรือสนับสนุนให้ผู้สอบบัญชีหรือนักคณิตศาสตร์ประกันภัยทำผิดกฎหมาย และผู้ซึ่งกระทำความผิดต่อนายทะเบียน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามร่างพระราชบัญญัตินี้ รวมถึงผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ควรเปิดเผย เป็นความผิดที่คณะกรรมการเปรียบเทียบตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 ไม่อาจเปรียบเทียบได้

เห็นชอบ MOU ร่วมมือวิจัยอาเซียน-เกาหลีใต้

ผศ. ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งจะมีการลงนามในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ (2019 ASEAN – ROK Commemorative Summit) ระหว่างวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2562 ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี

สาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในฉบับเดิมประกอบด้วยสาขาความร่วมมือที่สนใจร่วมกัน 12 สาขา เช่น วัสดุขั้นสูง เทคโนโลยีชีวภาพ นาโนเทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีนิวเคลียร์ ดาราศาสตร์ เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ เป็นต้น

โดยครอบคลุมกิจกรรมความร่วมมือ เช่น การร่วมวิจัยและพัฒนา รวมถึงการแลกเปลี่ยนผลงานวิจัยร่วมกัน การแลกเปลี่ยนนักวิทยาศาสตร์ ผู้ชำนาญการและนักวิจัยเพื่อเข้าร่วมดำเนินโครงการร่วมกัน รวมทั้งช่วยเหลือด้านการศึกษาและฝึกอบรมการวิจัย เป็นต้น

สำหรับฉบับที่จะมีการลงนามในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดจากความร่วมมือเดิมและเพิ่มเติมสาขาความร่วมมือ ได้แก่ สาขาชีววิทยาศาสตร์ สารสนเทศทางปัญญา เทคโนโลยีด้านอาหาร การบินและอวกาศ รวมถึงจะมีการจัดประชุม สัมมนา ฝึกอบรม การจัดพิมพ์ และแสดงนิทรรศการของโครงการร่วมกันด้วย ทั้งนี้ ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ภายใน 30 วัน หลังจากวันลงนาม และจะขยายอายุอัตโนมัติในทุกๆ 5 ปี

เห็นชอบเรือสนับสนุนประมงติดตั้งเครื่องมือด้วย

ผศ. ดร.รัชดา กล่าวว่า ครม.อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดวิธีปฏิบัติของเจ้าของเรือประมงที่ใช้สนับสนุนเรือที่ใช้ทำการประมงหรือเรือขนถ่ายสัตว์น้ำ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฯ เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้เจ้าของเรือประมงที่ใช้สนับสนุนเรือที่ใช้ทำการประมงหรือเรือขนถ่ายสัตว์น้ำ ถือปฏิบัติ เช่น ต้องติดตั้งระบบติดตามเรือประมงตามมาตรฐานสมรรถนะของอุปกรณ์และข้อกำหนดเชิงหน้าที่ของระบบติดตามเรือประมง ต้องแจ้งข้อมูล รหัสกล่องหรือรหัสอุปกรณ์ ชื่อหรือหมายเลขทะเบียนเรือ ภาพถ่ายเรือสนับสนุน และพื้นที่จอดเรือต่อเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวัง การทำการประมง ฯลฯ เพื่อประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบ ควบคุม และเฝ้าระวังการทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เตรียมขึ้นทะเบียนอุทยานธรณีโคราชกับ UNESCO

ผศ. ดร.รัชดา กล่าวว่า ครม.เห็นชอบให้เสนออุทยานธรณีโคราชเข้ารับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยส่งใบสมัครต่อสำนักเลขาธิการยูเนสโก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2562 ทั้งนี้ การเป็นอุทยานธรณีของยูเนสโก ต้องเป็นพื้นที่ที่ประกอบด้วยแหล่งที่มีคุณค่าด้านธรณีวิทยา โบราณคดี นิเวศวิทยาและวัฒนธรรม มีการจัดการแบบองค์รวมระหว่างการอนุรักษ์ การให้ความรู้และการวิจัยพัฒนาอย่างยั่งยืน ปัจจุบันอุทยานธรณีของยูเนสโกทั่วโลก มี 147 แห่ง ใน 41 ประเทศ สำหรับในภูมิภาคอาเซียน มีจำนวน 8 แห่ง ใน 4 ประเทศ คือ มาเลเซีย 1 แห่ง เวียดนาม 2 แห่ง อินโดนีเซีย 4 แห่ง และไทย 1 แห่ง คือ อุทยานธรณีสตูล ซึ่งได้รับรองการเป็นสมาชิกเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2561

สำหรับอุทยาธรณีโคราช ที่จะเสนอต่อองค์กรยูเนสโก มีเนื้อที่ประมาณ 3,167 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 5 อำเภอ คือ อำเภอเมืองนครราชสีมา เฉลิมพระเกียรติ ขามทะเลสอ สูงเนิน และสีคิ้ว ซึ่งมีความเหมาะสมในการเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก เนื่องจากมีแหล่งธรณีวิทยา แหล่งธรรมชาติ และแหล่งวัฒนธรรม รวม 35 แหล่ง โดยเฉพาะแหล่งธรณีวิทยาที่มีคุณค่าระดับนานาชาติ มีจำนวน 4 แห่ง ดังนี้

  1. แหล่งอนุรักษ์ไม้กลายเป็นหินไพลสโตซีนตอนต้นแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความหลากหลายของชนิดและสีสัน
  2. แหล่งไดโนเสาร์อิกัวโนดอนพันธุ์ใหม่ของโลก 3 สกุล และ 3 ชนิด รวมทั้งเต่าและจระเข้พันธุ์ใหม่ 1 สกุล 2 ชนิด
  3. แหล่งฟอสซิลช้างดึกดำบรรพ์มากที่สุดในโลก พบถึง 10 สกุล จาก 55 สกุล ที่พบทั่วโลก
  4. แหล่งฟอสซิลสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอายุ 200,000 ปี พบ 15 ชนิด ซึ่งมีความหลากหลายชนิดที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ประโยชน์ของการเป็นสมาชิกของอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก คือ ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในด้านแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญมากขึ้น, สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและนำรายได้เข้าสู่ประเทศ และสร้างงานและกระจายรายได้ให้ประชาชนในท้องถิ่น ทั้งนี้ การเป็นสมาชิกของอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก จะต้องชำระเงินค่าสมาชิกเป็นรายปี ปีละ 1,500 ยูโร หรือราว 56,000 บาท มีค่าใช้จ่ายในการประเมินอุทยาน และค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมประชุมเครือข่ายอุทยานธรณีโลกและเครือข่ายในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ผ่าน 3 กฎกระทรวงหนุนสมุนไพรไทย

ผศ. ดร.รัชดา กล่าวว่า ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 3 ฉบับ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562 โดยสาระสำคัญมีดังนี้

  • ร่างกฎกระทรวงอนุญาตผลิต นำเข้า หรือขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. …. เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขออนุญาตและออกใบอนุญาต การขอแก้ไขรายการและการอนุญาตให้แก้ไขรายการในใบอนุญาต การย้ายหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่นำเข้า ขาย หรือเก็บรักษาผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นการชั่วคราว การขอต่ออายุและการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต การขอรับและการออกใบแทนใบอนุญาต และการขอโอนใบอนุญาตผลิตนำเข้าหรือขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร

ประโยชน์ของร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้ คือ (1) ลดค่าใช้จ่ายด้านสถานที่ของผู้ประกอบการที่ดำเนินกิจการหลายผลิตภัณฑ์ เช่น อาหาร ยา เครื่องสำอาง และเครื่องมือแพทย์ สามารถใช้สถานที่ผลิต นำเข้า หรือขายผลิตภัณฑ์ร่วมกันได้ แต่ต้องคำนึงถึงการป้องกันไม่ให้เกิดการปนเปื้อนที่ส่งผลต่อคุณภาพ ความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ (2) อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการสามารถยื่นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ (3) ผู้บริโภคได้ใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีความคุณภาพและปลอดภัย เนื่องจากกฎกระทรวงได้กำหนดให้สถานที่ผลิต นำเข้า หรือขายผลิตภัณฑ์ ต้องตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสม มีบริเวณเพียงพอ บำรุงรักษาง่าย และสามารถป้องกันการปนเปื้อนจากภายนอกได้

  • ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนตำรับ การแจ้งรายละเอียดและการจดแจ้งผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. …. เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขอขึ้นทะเบียนตำรับและ การออกใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับ การขอแก้ไขรายการและการอนุญาตให้แก้ไขรายการในทะเบียนตำรับ และการขอรับและการออกใบแทนใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับผลิตภัณฑ์สมุนไพร รวมถึงการแจ้งรายละเอียดและการออกใบรับเจ้งรายละเอียด การจดแจ้งและการออกใบรับจดแจ้ง การแก้ไขการแจ้งรายละเอียด การแก้ไขการจดแจ้ง การต่อายุใบรับแจ้งรายละเอียดและการต่ออายุใบรับจดแจ้ง และการขอรับและออกใบแทนใบรับแจ้งรายละเอียดหรือใบจดแจ้งผลิตภัณฑ์สมุนไพร

ประโยชน์ของร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้ คือ ลดต้นทุนของผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่มีสถานที่ในการผลิต สามารถว่าจ้างผู้รับอนุญาตที่มีสถานผลิต ให้ผลิตผลิตภัณฑ์สุมนไพรได้ แต่ต้องไม่กระทบต่อคุณภาพ ความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์

  • ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม ลด ยกเว้นค่าธรรมเนียมการดำเนินการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. …. เป็นการกำหนดค่าธรรมเนียม ลด ยกเว้นค่าธรรมเนียมการดำเนินการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สมุนไพร เช่น ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตผลิตภัณฑ์สมุนไพร ฉบับละ 5,000 บาท ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับและใบรับแจ้งรายละเอียดผลิตภัณฑ์สมุนไพร ฉบับละ 2,500 บาท ใบรับจดแจ้งผลิตภัณฑ์สมุนไพร ฉบับละ 900 บาท เป็นต้น

การลดหย่อนค่าธรรมเนียม อัตราร้อยละ 50 ในกรณีที่ (1) เป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดย่อม ที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (2) ผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริม ตามเกณฑ์ที่คณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติกำหนด และการยกเว้นค่าธรรมเนียม ในกรณีที่ (1) เป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน ที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน (2) ผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริม ตามเกณฑ์ที่คณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติกำหนด (3) โครงการพระราชดำริหรือโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ประโยชน์ของร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้ คือ เป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยโดยการลดหย่อนหรือยกเว้นค่าธรรมเนียม และกระตุ้นให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับการลดหย่อนหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพิ่มขึ้น

โต้ “อัครา” ชนะคดี ชี้เลื่อนสืบพยานเหตุ “ม๊อบฮ่องกง”

ผศ. ดร.รัชดา ธนาดิเรก กล่าวว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงความคืบหน้าในคดี เหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด จำกัดประเทศออสเตรเลีย ในฐานะบริษัทแม่ใช้สิทธิ์นำคดีเข้าสู่อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเพื่อฟ้องร้องรัฐบาลไทยให้ชดใช้ค่าเสียหายประมาณ 3 หมื่นล้านบาท จากคำสั่งปิดเหมืองทองอัครา โดยปฏิเสธกรณีกระแสข่าวรัฐบาลแพ้คดี เนื่องจากสถานะคดีปัจจุบันยังไม่มีการเข้าสืบพยายานแต่อย่างใด

“ขอยืนยันว่าคดีเหมืองอัครายังไม่ได้มีข้อยุติในชั้นอนุญาโตตุลาการให้รัฐบาลต้องมีการจ่ายค่าเสียหายให้กับเอกชน สถานะของคดีดังกล่าวขณะนี้ยังไม่สิ้นสุดและยังไม่มีการไต่สวนพยานในชั้นอนุญาโตตุลาการแม้แต่ปากเดียว โดยการนัดไต่สวนของอนุญาโตตุลาการที่ได้นัดคู่กรณีมาให้ถ้อยคำต่อนัดแรกที่กำหนดไว้ที่ฮ่องกงในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ขณะนี้ได้มีการแจ้งเลื่อนการไต่สวนออกไปอย่างไม่มีกำหนดเนื่องจากมีเหตุการณ์การประท้วงในฮ่องกง และทางอนุญาโตตุลาการได้แจ้งเบื้องต้นว่าการไต่สวนคดีจะมีการนัดหมายการไต่สวนอีกครั้งที่ประเทศสิงคโปร์ซึ่งยังไม่ได้มีการนัดหมายวันเวลาที่แน่นอนแต่คาดว่าจะเป็นช่วงต้นปีหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ขอให้มีการชี้แจงข้อมูลส่วนนี้ให้ประชาชนรับทราบช้อมูลที่ถูกต้องด้วย” นางสาวรัชดากล่าว

นายกฯเตรียมบินประชุม “อาเซียนเกาหลีฯ” มอบ “สมคิด” รับโป๊ป

ศ. ดร.นฤมล กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ฝากให้ที่ประชุม ครม.ติดตามผลการเจรจากับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในเรื่องการเจรจาสินค้าเกษตร  และพิจารณาความเป็นไปได้ถึงกฎระเบียบในการจัดซื้อจัดจ้างที่จะส่งเสริมผู้ประกอบการสตาร์ทอัป

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้แจ้งต่อที่ประชุม ครม.ถึงการเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนสาธารณรัฐเกาหลีสมัยพิเศษระหว่างวันที่ 24-27 พฤศจิกายน 2562 นี้ โดยการประชุม ครม.สัปดาห์หน้าได้มอบหมายให้ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ครม.แทน

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งให้ ครม.ทราบว่า วันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ พระสันตะปาปาจะเสด็จเยือนทำเนียบรัฐบาล โดยมีกำหนดเดินทางถึงประเทศไทยในวันที่ 20 พฤศจิกายน โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้เดินทางไปรับที่สนามบิน และในช่วงเช้าของวันที่ 21 พฤศจิกายน จะเยือนทำเนียบรัฐบาล

อ่านมติ ครม.ประจำวันที่ 19 พฤศจิกายน  2562 เพิ่มเติม