ThaiPublica > สู่อาเซียน > ASEAN Roundup เวียดนาม-สหรัฐฯ ขยายความร่วมมือการค้าการลงทุน เมียนมาเตรียมแจกใบอนุญาตแบงก์ต่างชาติ

ASEAN Roundup เวียดนาม-สหรัฐฯ ขยายความร่วมมือการค้าการลงทุน เมียนมาเตรียมแจกใบอนุญาตแบงก์ต่างชาติ

10 พฤศจิกายน 2019


ASEAN Roundup ประจำวันที่ 2-9 พฤศจิกายน 2562

  • เวียดนาม-สหรัฐฯ ขยายความร่วมมือการค้าการลงทุน
  • เมียนมาเตรียมแจกใบอนุญาตแบงก์ต่างชาติ
  • ลาวมั่นใจเศรษฐกิจโต-ตั้งเป้าปี ’63 ลดช่องว่างเมือง-ชนบท
  • เวียดนามปักธง Digital ASEAN for Sustainability ประชุม ABIS 2020

เวียดนาม-สหรัฐฯ ขยายความร่วมมือการค้าการลงทุน

นายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ต้อนรับนายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่มาภาพซ: https://vietnamnews.vn/politics-laws/538181/pm-phuc-receives-us-secretary-of-commerce.html #UmCSVsY1LDjKGx7P.97

นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนเวียดนามและร่วมประชุมกับนายเจิน ต๊วน แอง รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการพัฒนาความร่วมมือกับเวียดนามในด้านต่าง ๆ

นายรอสส์นำคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ และผู้บริหารจากธุรกิจชั้นนำ 17 แห่งไปกรุงฮานอย หลังจากที่ได้เข้าร่วมการประชุมอินโด-แปซิฟิกที่จัดขึ้นในประเทศไทยระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน

นายรอสส์ขอบคุณรัฐบาลเวียดนามที่ได้ดำเนินการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุนและสร้างเงื่อนไขที่ดีสำหรับบริษัทสหรัฐฯ โดยเฉพาะและธุรกิจต่างประเทศโดยทั่วไปเพื่อการดำเนินงานในเวียดนามอย่างมีประสิทธิภาพ

นายรอสส์กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งสองประเทศจะส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านพลังงาน การบิน และการก่อสร้าง และยังกล่าวอีกว่า คณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่ได้มาเยือนเวียดนามมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน

นายรอสส์หวังว่า รัฐบาลเวียดนามจะยังคงทำให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทสหรัฐฯ ง่ายขึ้น เพื่อขยายการลงทุนและความร่วมมือทางการค้ากับพันธมิตรเวียดนามเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ

นายแองกล่าวยืนยันว่า การสร้างความเชื่อมั่นเชิงกลยุทธ์ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการส่งเสริมความร่วมมืออย่างครอบคลุมระหว่างเวียดนามและสหรัฐอเมริกาเพื่อประโยชน์ของประชาชน

รัฐบาลเวียดนามทั้งคณะและโดยเฉพาะกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) ต้องการทำงานอย่างใกล้ชิดกับสหรัฐฯ เพื่อกระชับความร่วมมือทวิภาคีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในทางปฏิบัติและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน

เวียดนามกำลังหาแนวทางหลายด้านเพื่อสร้างความสมดุลทางการค้ากับสหรัฐฯ เช่น การกระชับความร่วมมือกับรัฐบาลกลางและการบริหารงานของรัฐในด้านที่มีความสนใจร่วมกันและกระตุ้นการนำเข้าสินค้าและบริการจากสหรัฐฯ

สำหรับความร่วมมือในการปราบปรามการทุจริตต้นกำเนิดสินค้าและการขนส่งที่ผิดกฎหมาย นายแองกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายควรเสริมสร้างกลไกการประสานงานให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นโดยเฉพาะหลังจากที่มีการลงนามในข้อตกลงความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางศุลกากร

นายแองชื่นชมสหรัฐฯ ที่ยังคงให้ความสำคัญกับเวียดนามในการส่งเสริมการค้าของสหรัฐฯ ในปี 2020 พร้อมกับกล่าวว่า เวียดนามจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสหรัฐฯ เพื่อให้แน่ใจว่าการส่งเสริมการค้าประสบความสำเร็จ

การค้าและการลงทุนระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนามขยายตัวอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า 60 พันล้านดอลลาร์ในปี 2018 และขาดดุล 35.4 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งแรกของปี 2019 สหรัฐฯ เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับหนึ่งของเวียดนามติดต่อกันหลายปี

บริษัทเออีเอส คอร์ป สร้างโรงไฟฟ้ามูลค่า 1.7 พันล้านดอลล์ในฮานอย
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน บริษัทเออีเอส คอร์ป (AES Corp) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับรัฐบาลเวียดนาม เพื่อสร้าง โรงไฟฟ้ามูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ในเวียดนาม โดยมีนายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ร่วมอยู่ด้วย

เออีเอส คอร์ป จะสร้างโรงไฟฟ้าเซิน หมี 2 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมขนาด 2.2 กิกะวัตต์ โรงไฟฟ้าซินหมี 2 จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2024

ก่อนหน้านี้ เออีเอส คอร์ป ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลเวียดนามให้ก่อสร้างสถานีก๊าซแอลเอ็นจี ใกล้โรงฟ้าในจังหวัด บิ่น ถ่วน

นายรอสส์ยังร่วมในการลงนามในข้อตกลงบริการด้านวิศวกรรมระหว่างแพรตต์ แอนด์ วิทนีย์ และสายการบินเวียดนาม และสัญญาการผลิตระหว่างเมอร์ฟีออยล์กับเวียดนามออยล์แอนด์ก๊าซกรุ๊ป พีวีอีพี และเอสเค อินโนเวชั่น
เวียดนามต้องการที่จะนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เพิ่มเติมเพื่อลดการเกินดุลที่มีกับสหรัฐฯ เพราะมีความเสี่ยงที่จะถูกสหรัฐฯ ประเมินว่าเป็นประเทศปั่นค่าเงินหลังจากที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ จำนวนมาก ขณะที่ธนาคารกลางซื้อเงินตราต่างประเทศจำนวนมาก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะใช้มาตรการภาษีกับสินค้าของประเทศที่ถูกประเมินว่าปั่นค่าเงิน

รอบ 9 เดือนแรกของปีนี้เวียดนามเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 33.96 พันล้านดอลลาร์จาก 25.46 พันล้านดอลลาร์
เมื่อต้นปีเวียดนามนำเข้าน้ำมันดิบ WTI จากสหรัฐฯ และจะนำเข้าน้ำมันจากหรัฐเพิ่มขึ้นเพื่อป้อนโรงไฟฟ้า

เมียนมาเตรียมแจกใบอนุญาตแบงก์ต่างชาติ

ธนาคารกรุงเทพ สาขาย่างกุ้ง ได้ยกระดับการให้บริการจากสำนักงานตัวแทนเป็นสาขา เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2558

เมียนมาภายใต้การนำพาของรัฐบาลอองซานซูจี มีเป้าหมายที่จะเปิดเสรีธุรกิจธนาคารพาณิชย์ให้มากขึ้นจากที่ไม่อนุญาตให้ธนาคารต่างประเทศเข้ามาประกอบธุรกิจ โดยจะออก ใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารให้กับต่างประเทศเป็นครั้งแรกของรัฐบาลชุดนี้

ธนาคารกลางประกาศว่า ธนาคารต่างประเทศสามารถยื่นขอใบอนุญาตได้ทั้งในรูปแบบสาขา (branch licence) หรือในรูปแบบบริษัทในเครือของธนาคารต่างชาติ (subsidiary licence) ซึ่งธนาคารที่ยื่นขอใบอนุญาตในรูปแบบสาขาจะได้รับอนุญาตให้บริการเฉพาะกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ ส่วนรูปแบบบริษัทในเครือจะได้รับอนุญาตให้บริการได้ทั้งกลุ่มธุรกิขนาดใหญ่และรายย่อยในประเทศ แต่ธุรกิจรายยย่อยนั้นจะสามารถดำเนินการได้ในวันที่ 1 มกราคม 2021

การดำเนินธุรกิจทั้งในรูปแบบสาขาต้องมีทุนจดทะเบียน 75 ดอลลาร์ ส่วนรูปแบบบริษัทในเครือต้องมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางยังไม่ได้ระบุเวลาที่ชัดเจนลงไปว่าจะออกใบอนุญาตช่วงไหน แต่จะเปิดให้ธนาคารต่างประเทศที่มีคุณสมบัติครบแสดงความสนใจในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า

นอกจากนี้อาจจะพิจารณาให้ธนาคารต่างประเทศเข้ามาถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์ในประเทศเกินกว่า 35% นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 เป็นรายกรณีไป

ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางได้อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นธนาคารในประเทศได้ถึง 35% โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนสถานะของธนาคาร ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายธุรกิจ ที่มีผลบังคับใช้ในเดือนสิงหาคม 2018

ในสมัยประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ได้มีการออกใบอนุญาตธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ 2 ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกปี 2014 ซึ่งมี 9 ธนาคารได้รับใบอนุญาต ครั้งที่สองปี 2016 ก่อนที่รัฐบาลใหม่จะเข้ารับหน้าที่ โดยให้ใบอนุญาตกับ 4 ธนาคารจากเอเชีย

ปัจจุบันมีธนาคารต่างชาติ 13 ประกอบธุรกิจในเมียนมาแบบจำกัดขอบเขต ขณะที่ 51 ธนาคารและบริษัทการเงินเป็นสำนักงานตัวแทน ส่วนธนาคารในประเทศมี 27 ราย

เมียนมามีประชากรกว่า 50 ล้านคนและส่วนใหญ่ยังไม่ได้ใช้บริการการเงิน แม้มีบริการชำระเงินดิจิทัลและดิจิทัลวอลเลตจากเวฟมันนีและเคบีแซดเพย์

สำหรับธนาคารของไทยในเมียนมา ธนาคารกรุงเทพเป็นธนาคารไทยเพียงแห่งเดียวที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารกลางแห่งเมียนมาให้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในเมียนมา จากการเปิดให้บริการในเมียนมายาวนานกว่า 20 ปี และได้ยกระดับการให้บริการจากสำนักงานตัวแทนเป็นสาขาย่างกุ้งไปเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2558 โดยสาขาตั้งอยู่ที่ เลขที่ 5 ถนนเจดีย์กะบาเอ้ เขตยัญกีณ นครย่างกุ้ง

ก่อสร้างถนนเชื่อมรัฐชิน
โครงการก่อสร้างถนนซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารโลกในรัฐชินจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนตุลาคมปีหน้า ถนนเส้นนี้จะเชื่อมจังหวัด ฮาคา จังหวัดฟะลัม และจังหวัดกาเลซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่มีเนื้อที่ทั้งในรัฐชิน และภูมิภาคสะกาย

อู เชว ชิต อู มุขมนตรีกระทรวงขนส่งและสื่อสาร ของรัฐชิน กล่าวว่า ถนนเส้นนี้เป็นโครงการแรกที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรระหว่างประเทศของรัฐชิน และจะเริ่มการก่อสร้างในเดือนตุลาคม
ถนนที่พาดผ่าน จังหวัดกาเล ฟะลัม และฮากานี้จะช่วยเชื่อรัฐชินกับภูมิภาคอื่น และรัฐอื่นๆ ในประเทศ และจะยกระดับการพัฒนา

ธนาคารโลกสนับสนุนเงินโครงการนี้ 65 ล้านดอลลาร์และเป็นส่วนหนึ่งของวงเงิน 200 ล้านดอลลาร์ที่ให้ความช่วยเหลือเมียนมาหลังจากน้ำท่วมปี 2015 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในรัฐยะไข่ ภูมิภาคอิรวะดี และรัฐชิน

ขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม

ลาวมั่นใจเศรษฐกิจโต-ตั้งเป้าปี ’63 ลดช่องว่างเมือง-ชนบท

นายกรัฐมนตรีทองลุน สีสุลิด แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจจะพื้นตัว ขณะที่การชะงักงันของเศรษฐกิจในช่วงนี้เป็นเรื่องจำเป็นเพราะทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจเป็นเรื่องจำเป็น เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจกำลังเปลี่นผ่านไปสู่สถานะที่สะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น และเป็นความตั้งใจที่จะสร้างรากฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยั่งยืน รวมทั้งการสร้างฐานการผลิตและการกระจายรายได้ในพื้นที่ชนบท

การชะลอตัวของเศรษฐกิจและภัยน้ำท่วม ภาวะภัยแล้งและโรคระบาดในพืชและสัตว์ในหลายจังหวัดทำให้เศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวในปีนี้

นายทองลุนให้ความเห็นขณะเข้าร่วมการประชุมสภาแห่งชาติครั้งที่ 8 ในนครเวียงจันทน์

นายทองลุนกล่าวว่า เศรษฐกิจปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 6.4% ต่ำกว่าประมาณการณ์ 6.7% ที่เสนอสภาแห่งชาติ แม้เศรษฐกิจจะขยายตัวต่ำกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ แต่เป็นการเติบโตที่มีคุณภาพ เพราะในรอบ 2-3 ปีนี้รัฐบาลได้บังคับใช้กฎหมายเข้มงวดขึ้น เพื่อขจัดการค้าผิดกฎหมายและปราบปรามการลักลอบค้ายาเสพติด

รัฐบาลยังได้แก้ไขกับกิจกรรมที่ไม่พึงประสงค์ และสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน เสริมสร้างความยุติธรรมและจัดการอย่างเด็ดขาดกับภัยคุกคามต่อประเทศและประชาชน

ที่มาภาพ: http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_PM_optimistic_245.php

นายทองลุนกล่าวว่า มีสัญญานที่ดีในด้านเศรษฐกิจยั่งยืน โดยการขาดดุลงบประมาณลดลงจาก 6% ในปี 2015 เป็น 4% ในปี 2018 รัฐบาลยังจัดเก็บรายได้มากขึ้นจากแหล่งในประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 26,200 พันล้านกีบจาก 21,000 พันล้านกีบปี 2016

รัฐบาลประสบความสำเร็จในการแก้ไขภาระหนี้ที่มีต่อภาคเอกชน รวมทั้งจัดตั้งกองทุนเอสเอ็มอี และอัดฉีดเงิน 32 พันล้านกีบเพื่อกระตุ้นการลงทุนในเอสเอ็มอี

นอกจากนี้ รัฐบาลได้ลงนามในข้อตกลงกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อส่งออกไฟฟ้า และกำลังอยู่ระหว่างการศึกษานโยบายที่จะส่งเสริมให้ภาคธุรกิจได้ใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน

รัฐบาลได้ตรวจสอบโครงการที่ได้รับสัมปทานการเช่าที่ดินและได้ข้อมูลว่าไม่ได้มีการดำเนินการตามที่วางแผนไว้ ดังนั้นจะบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้โครงการเดินหน้า

ในปี 2020 รัฐบาลจะรักษาเสถียรภาพทางการเมือง ความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยของสังคม เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งรักษาเสถียรภาพทางการเงินและการคลัง จัดอุปสรรคในการผลิตและการบริการ ส่งเสริมการผลิตในประเทศ และส่งเสริมการส่งออก

รัฐบาลจะยังคงพัฒนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจการเกษตร และการลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างเมืองกับชนบทเป็นวาระสำคัญของรัฐบาลในปี 2020

เวียดนามปักธง Digital ASEAN for Sustainability ประชุม ABIS 2020

นายอรินทร์ จิรา ประธานสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN Business Advisory Council หรือ ASEAN-BAC) เปิดเผยว่า การประชุมสุดยอดผู้นำธุรกิจ ASEAN Business and Investment Summit 2019 หรือ ABIS 2019 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2562 ในประเทศไทยภายใต้แนวคิด Empowering ASEAN 4.0 หรือสร้างพลังอาเซียน 4.0 ประสบความสำเร็จด้วยดี โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 1,300 คน และมีผู้เข้าร่วมงานมอบรางวัล ASEAN Business Awards กว่า 600 คน

การประชุม ABIS 2019 เป็นการเตรียมความพร้อมให้ประเทศสมาชิกรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย ที่ภาคธุรกิจต้องตระหนักและปรับตัว เพื่อสร้างประโยชน์ต่อประชาคมอาเซียนให้มากที่สุด

ไทยจะส่งมอบประธานสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนให้กับ เวียดนามซึ่งจะรับหน้าที่ประธานอาเซียนในปี 2562 ให้เป็นเจ้าภาพจัดประชุม ASEAN Business and Investment Summit ปีต่อไป ในวันที่ 10 มกราคม 2562 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม

ดร. ฃดว่าน ซุย เคือง จาก Vietnam BAC กล่าวว่า งาน ABIS ในปีหน้าจะจัดขึ้นภายใต้แนวคิด Digital ASEAN for Sustainability เนื่องจากเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย โดยดิจิทัลจะส่งผลให้การพัมนาเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยกระดับความเป็นอยู่ของประชากร แต่ในขณะเดียวกันการพัฒนาเศรษฐกิจก็มีผลกระทบต่อประชาชน สังคมและสิ่งแวดล้อม ประกอบกับประเทศสมาชิกมีระดับการพัฒนาที่แตกต่างกัน แต่ควรใช้ความได้เปรียบทางเทคโนโลยีในการพัฒนา เพราะอาเซียนเองมีเป้าหมายที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง