ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : “บรรยายพิเศษ ‘บิ๊กแดง’ ลั่น ห้ามแก้มตรา 1 – ถามสมคบโจชัวหว่อง ปลุกผีคอมิวนิสต์” และ “ฮ่องกงเผย เปิดทางจีนปราบม็อบทำได้ตามรธน.”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : “บรรยายพิเศษ ‘บิ๊กแดง’ ลั่น ห้ามแก้มตรา 1 – ถามสมคบโจชัวหว่อง ปลุกผีคอมิวนิสต์” และ “ฮ่องกงเผย เปิดทางจีนปราบม็อบทำได้ตามรธน.”

12 ตุลาคม 2019


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 5-11 ต.ค. 2562

  • บรรยายพิเศษ “บิ๊กแดง” ลั่น ห้ามแก้มตรา 1 – ถามสมคบโจชัวหว่องหรือไม่ – ปลุกผีคอมิวนิสต์
  • ศุภชัย เจียรวนนท์ นั่งประธานสภาดิจิทัลฯ คนแรกของไทย
  • งานวิจัย CDC เผย สูบบุหรี่ไฟฟ้าเสี่ยงปอดอักเสบถึงตาย
  • ว่างงาน ก.ย. 62 ป.ตรีไม่มีงานทำเกือบสองแสน
  • ฮ่องกงเผย เปิดทางให้จีนปราบม็อบทำได้ตามรัฐธรรมนูญ

‘บิ๊กแดง’ ลั่น ห้ามแก้มตรา 1 – ถาม สมคบโจชัวหว่องหรือไม่ – ปลุกผีคอมิวนิสต์

พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก
ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ (http://bit.ly/2PCyA1M)

วันที่ 11 ต.ค. 2562 พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้บรรยายพิเศษในหัวข้อเรื่อง “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” ณ หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก โดยหลายๆ ตอนมีสาระสำคัญดังนี้

ลั่น ไม่เคยบอกแก้ รธน.ไม่ได้ แต่ห้ามแก้ ม.1

กรณีการเสนอแก้ไขมาตรา 1 ในเวทีเสวนาของ 7 ฝ่ายค้าน พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญไทย เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 มีการแก้รัฐธรมมนูญแล้วกี่ครั้ง ตนที่เป็นตัวแทนของทหารไม่เคยพูดว่า รัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้ แต่มาตรานี้ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ เกี่ยวกับเลือดเนื้อของชาติ ที่รักษาขวานทองเล่มนี้ไว้ บอกไว้เลยว่าไม่มีวัน แม้ตนจะตาย เชื่อว่าฝ่ายความมั่นคง และไม่มีรัฐธรรมนูญในโลกนี้ที่สามารถแบ่งแยกดินแดนได้ ดังนี้จะแก้มาตราใดก็แก้ แต่หากจะแก้มาตราที่ 1 จะกระทบมาตราอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมาหากษัตริย์ นี่คือความชาญฉลาดของพวกนักวิชาการที่ไม่พูดตรงๆ ออกมา อยากทำอะไร อยากแก้อะไร จึงหยิบยกมาตรา 1 หากประเทศไม่เป็นราชอาณาจักร มีการแบ่งแยกดินแดน กระทบมาตราอื่นแน่นอน ไม่ได้มาขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ ตนไม่เคยยุ่งกับการเมือง แต่นี่คือเรื่องของฝ่ายความมั่นคงเช่นกัน

จวกถาม พวกถ่ายรูปคู่โจชัว หว่อง สมคบคิดอะไรกันหรือไม่

ในช่วงหนึ่ง พล.อ. อภิรัชต์ ได้กล่าวถึงการชุมนุมประท้วงในฮ่องกง และกล่าวถึงนักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกงอย่างโจชัว หว่อง พร้อมพาดพิงถึงคนไทยที่เคยพบปะกับโจชัว หว่อง ว่า “หลายท่านเคยไปฮ่องกง แต่จากเหตุการร์การประท้วง ทำให้หลายคนไม่อยากไปฮ่องกง แต่มีใครบางคนไป แล้วถ่ายรูปและโพสต์ให้เห็น หลายครั้งที่ โจชัว หว่อง เดินทางมาเมืองไทย กี่รอบ มาพบกับคนประเภทไหน มาคุยอะไรกัน มีวาระซ่อนเร้น วางแผนสมคบคิดทำอะไรกันหรือเปล่า ตอนนี้มีการประท้วงกันอยู่ ก็ไปเยี่ยมเหมือนไปให้กำลังใจ ให้การสนับสนุน”

นอกจากนั้น พล.อ. อภิรัชต์ ยังกล่าวว่า ถ้าวันหนึ่งผิดหวัง มีคนที่ใช้โซเชียล มาโฆษณาชวนเชื่อ มาปั่นสมอง ให้ออกมาประท้วงแบบฮ่องกง น้องๆ จะออกมาไหมครับ ภาพเหตุการณ์เผาบ้าน เผาเมืองปี 2553 ที่ผมเคยมีโอกาสเดินทางไป เด็กหลายคนอ่อนไหว จำเป็นต้องรู้ความจริง เด็กบางคนที่เคยไปพูด สมัยก่อนเด็ก 6-7 ขวบ ไม่รู้หรอกว่า มีการเผาศาลากลางจังหวัด ลืมไปหมดแล้ว แต่ก่อนเด็กไม่สนใจอะไร ไปถามเขา ก็บอกไม่รู้เรื่อง ไม่เคยรู้เรื่องได้ยิน และภาพเหล่านี้ก็ถูกระบบ data analysis มีการเพิ่มข้อมูลซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนข้อเท็จจริงเหล่านี้หายไปจากระบบ เสริชไปก็หายาก เรื่องนี้คือทฤษฎี

ปลุกผีคอมมิวนิสต์

ยิ่งไปกว่านั้น พล.อ. อภิรัชต์ ยังกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันกำลังเกิด “สงครามลูกผสม” หรือ Hybrid Wrfare โดยระบุว่า ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือสงครามที่ใช้การผสมผสานกันของเครื่องมือ ทั้งสงครามตามแบบและสงครามไม่ตามแบบ โดยในอดีตมีพวกคอมมิวนิสต์ที่หลงผิดเข้าป่า แต่คิดได้ว่าระบบคอมมิวนิสต์ไม่ดีอย่างไร สอนให้คนเป็นอย่างไร มีคนกลับตัวกลับใจ แต่ยังคงมีไอ้คนหัวเดิมๆ มาเป็นนักการเมือง นักวิชาการ ฝังชิปเรื่องความเป็นคอมมิวนิสต์อยู่ โดยมีทั้งหมด 8 ข้อ

1. Regular Military forces กำลังทหารปกติ เป็นฝ่ายรัฐบาล

2. Special Forces กำลังทหารพิเศษ เป็นฝ่ายรัฐบาล

3. Irregular Forces กองกำลังที่ไม่ใช่ทหาร เช่น กลุ่มการการร้าย มวลชนที่ต่อต้านอำนาจรัฐ ชายชุดดำ กลุ่ที่วางระเบิด 7- 8 จุด เชื่อว่าหลังจากพูดเรื่องนี้ไปจะเกิดฟีดแบคกลับมาแน่นอน แต่ขออย่าทำร้ายประเทศ

4. Support of Local Unrest การสนับจากประชาชานในท้องถิ่น ประชาชนทั่วไป

5. Information Warfare Propaganda สงครามข่าวสารและโฆษณาชวนเชื่อ มันยังมีกลุ่มคอมมิวนิสต์ที่ยังไม่ได้กลับตัวกลับใจ ที่ยังล้มระบบพระมหากษัตริย์ ที่คิดจะทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นรูปแบบของคอมมิวนิสต์ ไม่ว่าจะเป็น อาจารย์ที่สอนเด็ก หรือแม้แต่พวกที่เรียนที่ต่างประเทศ พวกซ้ายจัด ดัดจริต ไปเรียนในประเทศที่เคยเข้ามาล่าอาณานิคม แล้วนำความคิดมาผสมผสานแล้วสร้างโฆษณาชวนเชื่อ แล้วนำความคิดตัวเองมาผ่านโซเชียลต่างๆ รวมถึงยังมีการสร้างสัญลักษณ์ ไม่ว่าจะเสื้อแดง เสื้อเหลือง เสื้อรุ้ง สร้างสัญลักษณ์ให้สร้างความจดจำ

6. Diplomacy การทูต โดยการใช้องค์กรระหว่างประเทศและองค์กรออิสระ เพื่อเป็นการยกระดับกลุ่มตัวเองและยกความเป็นความสากล ให้ต่างชาติเข้ามา

7. Cyber Attacks การโจมตีด้านไซเบอร์ การใช้ Big Data Analysis ทั้งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ทั้งที่จริง Data Analysis คือการการรวบรวมพฤติกรรมต่างๆ ของลูกค้า แต่มีการใช้ในทางที่ผิด เอามาหวังผลทางการเมือง

8. Economic Warfare สงครามเศรษฐกิจ ต้องยอมรับว่าสงคราการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ส่งผลกับทุกประเทศ แต่มีบางคนที่หวังผลทางการเมืองที่เอาภาพคนจนไปเปรียบเทียบ สร้างภาพว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล ปัญหาคนจน ไม่ว่าใครจะได้เข้ามาเป็นรัฐบาลก็ต้องพยายามหาทางแก้ไขเรื่องคนจน โดยสุจริตใจ โดยนำผลประโยชน์เข้าตัว

ศุภชัย เจียรวนนท์ นั่งประธานสภาดิจิทัลฯ คนแรกของไทย

นายศุภชัย เจียรวนนท์

วันที่ 8 ต.ค. 2562 เว็บไซต์วอยซ์ทีวีรายงานว่า รายงานจากคณะกรรมการสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ระบุว่า การประชุมคณะกรรมการสภาดิจิทัลฯ ชุดที่ 1 ที่มาจากการเลือกตั้งทั้ง 36 คน จาก 6 กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2562 ได้มีวาระพิจารณาแต่งตั้งประธานสภาฯ โดยมีคณะกรรมการเสนอชื่อ นายศุภชัย เจียรวนนนท์ เพียงรายชื่อเดียว และที่ประชุมได้มีมติเอกฉันท์เห็นชอบให้นายศุภชัย ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นคนแรก

ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2562 ระบุว่า สภาฯ นี้มีฐานะเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ 6 ข้อ ประกอบด้วย

    1. ให้เป็นตัวแทนของสมาชิกผู้ประกอบธุรกิจและอุตสาหกรรมดิจิทัล ในการเสนอความเห็น ประสานงาน และสนับสนุนดำเนินงานด้านนโยบายระหว่างภาครัฐและเอกชนเกี่ยวกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัล 
    2. เสนอความเห็นและเสนอแนะต่อภาครัฐในเรื่องเกี่ยวกับกฎระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและอุตสาหกรรมดิจิทัล
    3. ส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาขีดความสามารถของการประกอบธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัลให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล 
    4. ส่งเสริมการพัฒนาทักษะของบุคลากรด้านดิจิทัลให้มีมาตรฐานสากล
    5. ส่งเสริมและกำกับดูแลให้เกิดคุณภาพ มาตรฐาน และจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัล รวมทั้งควบคุมดูแลให้สมาชิกปฏิบัติตามข้อบังคับของสภาและกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจและอุตสาหกรรมดิจิทัล
    6. ดำเนินกิจการอื่นเพื่อการพัฒนาธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัลของประเทศไทย หรือตามที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีอำนาจสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่สอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานของสภา สั่งเป็นหนังสือให้คณะกรรมการชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกิจการของสภา และจะให้ส่งเอกสารเกี่ยวกับการดำเนินงานหรือรายงานการประชุมของคณะกรรมการด้วย และสั่งเป็นหนังสือให้สภาหรือคณะกรรมการระงับหรือแก้ไขการกระทำใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมายนโยบายของรัฐบาล มติของคณะรัฐมนตรี หรือข้อบังคับ เมื่อสั่งการอย่างใดแล้วให้รายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
 
พร้อมกันนี้เมื่อ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับแล้ว ให้สมาคมสมาพันธ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศไทย ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นอันยกเลิก และให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ และหนี้ของสมาคมฯ ที่มีอยู่ในวันที่ พ.ร.บ.นี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไปเป็นของสภาฯ นับตั้งแต่วันที่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ (1 พ.ค. 2562)

งานวิจัย CDC เผย สูบบุหรี่ไฟฟ้าเสี่ยงปอดอักเสบถึงตาย

วันที่ 6 ต.ค. 2562 เว็บไซต์สำนักข่าวไทยรายงานว่า ศ. นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า จากรายงานล่าสุดของศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา (CDC) ซึ่งเก็บข้อมูลเรื่องผู้ป่วยด้วยอาการปอดอักเสบรุนแรง พบว่า มีผู้ป่วย 1,080 ราย ที่สรุปได้ว่าน่าจะป่วยจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ในจำนวนนี้ มี 18 รายที่เสียชีวิต โดยอายุเฉลี่ยของผู้ป่วยอายุ  23 ปี และอายุของคนที่ตายเฉลี่ยเกือบ 50 ปี ทั้งนี้ 78 % ของผู้ป่วย มีการสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ผสมน้ำมันสกัดกัญชาด้วย ทำให้สงสัยว่าการผสมสารสกัดกัญชาจะเป็นสาเหตุหนึ่ง แต่ CDC ก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นสาเหตุเดียว เนื่องจากยังมีหลายรายที่ไม่ได้ใช้น้ำมันสกัดกัญชา และมีความหลากหลายของยี่ห้อบุหรี่ไฟฟ้าที่ผู้ป่วยแต่ละคนใช้

“อัตราการป่วยดังกล่าว ทำให้อยากเรียกร้องให้คนไทยหยุดสูบบุหรี่ไฟฟ้า จนกว่าจะหาสาเหตุที่แท้จริงได้ว่า การเจ็บป่วยด้วยโรคปอดอักเสบรุนแรง และถึงขั้นเสียชีวิตนั้น เกิดจากสาเหตุใด โดยพบว่าในรายงานดังกล่าวของสหรัฐ จากการตรวจน้ำล้างปอดในผู้ป่วยปอดอักเสบรุนแรง พบว่าเซลล์เม็ดเลือดขาวที่อยู่ในปอดที่ทำหน้าที่ดักจับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในปอด เช่น เชื้อโรค ฝุ่นละออง หรือสิ่งแปลกปลอมอื่น พบไขมันอยู่ในเซลล์เป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีการอักเสบรุนแรงซึ่งทำให้เม็ดเลือดขาวเหล่านี้ไม่สามารถทำหน้าที่ตามปกติ ทำให้ภูมิต้านทานของปอดลดลง ทำให้เกิดปอดอักเสบได้ง่ายและรุนแรง ทั้งที่ไม่มีเชื้อโรคเข้ามาเกี่ยวข้อง” ศ. นพ.ประกิต กล่าว 

ศ. นพ.ประกิต กล่าวว่า ข้อมูลที่น่าสนใจคือ ไขมันที่สงสัยว่าเป็นตัวการที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบรุนแรงในคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ได้มีแหล่งที่มาจากน้ำมันสกัดจากสารกัญชาเท่านั้น แต่น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิด ต้องใช้น้ำมันสกัดจากพืช  VG Vegetative glycerine ที่สกัดจาก ถั่วเหลือง มะพร้าว หรือปาล์ม และ PG Propylene glycol เป็นสารละลายเพื่อทำให้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเกิดเป็นละอองไอเมื่อถูกความร้อนจากขดลวดอุปกรณ์สูบบุหรี่ไฟฟ้า หากผลการตรวจสอบวิเคราะห์ สรุปว่า น้ำมันพืชที่ใช้เป็นตัวทำลายในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นตัวการสำคัญ ทุกคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าจะเสี่ยงที่จะป่วยด้วยโรคปอดอักเสบรุนแรงได้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีการเติมสารอื่นในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่ซื้อมา โดยการเติมน้ำมันสกัดจากกัญชาหรือสารอื่นเป็นเพียงตัวเร่งให้เกิดโรคเร็วขึ้น ซึ่งปฏิกิริยาอักเสบรุนแรงของเนื้อปอด ยังสรุปไม่ได้ว่าเกิดจากสารเคมีใด  เนื่องจากมีการเติมสารเคมีหลายชนิดในกระบวนการเตรียมน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะสารเคมีที่ใช้ปรุงแต่งกลิ่นรสมีนับร้อยชนิด

ศ. นพ.ประกิต กล่าวอีกว่า ข้อค้นพบใหม่ที่สำคัญนี้ทำให้ข้ออ้างที่ว่า บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา ยิ่งมีน้ำหนักน้อยลง โดยพบว่า อาการปอดอักเสบรุนแรงที่เกิดในคนสูบบุหรี่ไฟฟ้า แตกต่างจากโรคปอดที่เกิดจากการสูบบุหรี่ยาเส้น หรือบุหรี่แบบมวน อย่างโรค ถุงลมปอดโป่งพอง มะเร็งปอด วัณโรค หรือปอดอักเสบจากการติดเชื้อโรคอื่นๆ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในคนที่สูบบุหรี่มานานนับสิบปีขึ้นไป โดยปอดอักเสบจากบุหรี่ไฟฟ้า จะเกิดในผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพียง 2-3 ปี เกิดขึ้นในคนอายุน้อย แข็งแรง แต่จู่ๆ ก็ป่วยอย่างรวดเร็ว และเกิดการอักเสบขึ้นทั่วปอด จนปอดไม่สามารถรับออกซิเจนได้ตามปกติ ทำให้หายใจเร็ว เหนื่อยหอบ และปอดล้มเหลว 

รายที่ป่วยด้วยปอดอักเสบหลังจากสูบบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อเข้าสู่ภาวะปอดล้มเหลว ถ้าไม่เข้าไอซียูและใช้เครื่องช่วยหายใจ ก็จะเหนื่อยหอบจนเสียชีวิต และในรายที่รอดมาได้ หลังจากการใช้เครื่องช่วยหายใจเป็นอาทิตย์ ก็ไม่สามารถทำให้ปอดกลับคืนสู่สภาพปกติ โดยพบว่ามีวัยรุ่นอายุ 18 ปี ที่รอดตายจากปอดอักเสบรุนแรงจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า แต่แพทย์ระบุว่า ปอดของผู้ป่วยรายนี้ได้รับความเสียหาย จนสภาพปอดเหมือนคนที่มีอายุ 70 ปี” ศ.นพ.ประกิต กล่าว 

ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า สำหรับความเคลื่อนไหวในสหรัฐ พบว่า ศ.สแตนตัน กล๊านซ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก เรียกร้องให้องค์การอาหารและยา อเมริกา ให้เรียกคืนใบอนุญาตขายบุหรี่ไฟฟ้าไฮบริด IQOS เนื่องพบว่า ควันบุหรี่ IQOS มีสารสกัดน้ำมันพืช ทั้ง PG และ VG ในระดับที่สูงกว่าบุหรี่ธรรมดามากเช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันโรคระบาดปอดอักเสบรุนแรงในคนที่จะใช้บุหรี่ IQOS ที่ผู้ผลิตกำลังจะเปิดตัวขายในอเมริกาในเร็วๆ นี้ สำหรับในเมืองไทย ขณะนี้มีคนจำนวนมาก โดยเฉพาะวัยรุ่น ที่เข้าใจผิดว่าบุหรี่ไฟฟ้า ไม่มีอันตราย หรือมีอันตรายน้อย จึงขอเตือนให้เลิกสูบบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิดทันที เพราะความเสียหายเกิดขึ้นกับปอดและระบบไหลเวียนโลหิตทุกครั้งที่คุณสูบบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงควรเลิกสูบบุหรี่ธรรมดาด้วยเช่นกัน

ว่างงาน ก.ย. 62 ป.ตรีไม่มีงานทำเกือบสองแสน

เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า วันที่ 10 ต.ค. 2562 นายภุชพงค์ โนดไธสง ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยผลสำรวจภาวะการทำงานของประชากรเดือนกันยายน พ.ศ. 2562 พบว่า จำนวนผู้มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป 56.64 ล้านคน เป็นผู้อยู่ในกำลังแรงงานหรือผู้ที่พร้อมจะทำงาน 37.72 ล้านคน ซึ่งประกอบด้วยผู้มีงานทำ 37.21 ล้านคน ผู้ว่างงาน 3.85 แสนคน และผู้ที่รอฤดูกาล 1.2 แสนคน ส่วนผู้ที่อยู่นอกกำลังแรงงานหรือผู้ที่ไม่พร้อมทำงาน 18.92 ล้านคน เช่น แม่บ้าน นักเรียน คนชรา

สำหรับผู้ว่างงาน 3.85 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงาน ร้อยละ 1.0 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 1.2 หมื่นคน และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2562 จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 3.0 พันคน

เมื่อพิจารณาอัตราการว่างงานตามกลุ่มอายุ พบว่า กลุ่มวัยเยาวชนหรือผู้มีอายุ 15-24 ปี มีอัตราการว่างงานร้อยละ 6.5 ซึ่งปกติในกลุ่มนี้ อัตราการว่างงานจะสูง ส่วนกลุ่มวัยผู้ใหญ่ (อายุ 25 ปีขึ้นไป) มีอัตราการว่างงานร้อยละ 0.4 และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 กลุ่มวัยเยาวชนมีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 5.1 เป็นร้อยละ 6.5

เมื่อพิจารณาจำนวนผู้ว่างงาน จำแนกตามระดับการศึกษาที่สำเร็จ พบว่า ผู้ว่างงานที่สำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษามีจำนวนสูงสุดคือ 1.73 แสนคน (อัตราการว่างงานร้อยละ 2.2) รองลงมาเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า 8.4 หมื่นคน (ร้อยละ 1.3) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 7.7 หมื่นคน (ร้อยละ 1.2) ระดับประถมศึกษา 4.2 หมื่นคน (ร้อยละ 0.5)

และไม่มีการศึกษา และต่ำกว่าประถมศึกษา 9.0 พันคน (ร้อยละ 0.1) เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 พบว่า ผู้ว่างงานระดับมัธยมศึกษาตอนต้นลดลง 2.0 หมื่นคน ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษาลดลง 3.0 พันคน ในขณะที่ระดับอุดมศึกษาเพิ่มขึ้น 2.8 หมื่นคน ระดับประถมศึกษาเพิ่มขึ้น 4.0 พันคน และระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าเพิ่มขึ้น 3.0 พันคน

ฮ่องกงเผย เปิดทางให้จีนปราบม็อบทำได้ตามรัฐธรรมนูญ

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า นางแคร์รี หล่ำ หัวหน้าคณะบริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2562 ว่า กองทัพจีนพร้อมเข้ามาสร้างความสงบเรียบร้อยในฮ่องกง หากว่าการชุมนุมประท้วงที่ยืดเยื้อมานานกว่า 4 เดือนรุนแรงขึ้น และการเปิดทางให้กองทัพจีนเข้ามาแทรกแซง เป็นเรื่องที่ทำได้ภายใต้รัฐธรรมนูญของฮ่องกง แต่ทางการฮ่องกงก็ต้องการแก้ปัญหาขัดแย้งทางการเมืองด้วยตัวเอง

นางหล่ำ กล่าวว่า การกระทำที่รุนแรงในช่วงนี้ทำให้ฮ่องกงเข้าสู่สถานการณ์ที่อันตรายมาก และยืนยันว่าจะหยุดความรุนแรงด้วยความตั้งใจและความมุ่งมั่นสูงสุด

“การกระทำดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกครั้งใหญ่ และยิ่งใหญ่กระจายความหวาดกลัวและทำให้ฮ่องกงยากที่จะฟื้นฟูความสงบและความเป็นระเบียบเรียบร้อย” นางหล่ำกล่าว

นอกจากนี้ นางหล่ำ ได้ให้คำมั่นเดินหน้าเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมต่อไป และมีกำหนดที่จะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น รวมทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจของฮ่องกงระหว่างแถลงนโยบายในวันเปิดประชุมสภานิติบัญญัติรอบใหม่ วันที่ 16 ต.ค. 2562 ที่จะถึงนี้

พร้อมทั้งเรียกร้องให้นานาชาติยอมรับว่า การประท้วงที่ยืดเยื้อในฮ่องกงที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้่นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่การเคลื่อนไหวอย่างสันติเพื่อประชาธิปไตยอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ชาวฮ่องกงหลายกลุ่ม ออกมาประณามการก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง โดยระบุว่า การกระทำดังกล่าวกำลังทำให้สังคมฮ่องกงกลายเป็นอัมพาต พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งได้ชุมนุมกันด้านหน้าอาคารที่ทำการของรัฐบาลฮ่องกง โดยมีแถลงการณ์ว่า เหตุการณ์รุนแรงและความวุ่นวายเป็นเวลาหลายเดือนได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและการทำงานของชาวฮ่องกง และสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน รวมทั้งเป็นอันตรายต่อชีวิตประชาชน พร้อมทั้งประณามผู้ก่อเหตุจลาจล และขานรับการออกกฏหมายห้ามผู้ชุมนุมสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า รวมทั้งให้การสนับสนุนต่อรัฐบาลฮ่องกงและตำรวจในการรักษากฎหมายอย่างเข้มงวด

นอกจากนี้ สมาคมผู้ประกอบการแท็กซี่และคนขับแท็กซี่ของฮ่องกงก็ได้ออกแถลงการณ์ประณามการก่อเหตุรุนแรงในฮ่องกง

“เราขอเรียกร้องให้สมาชิกของสมาคมให้ความเชื่อมั่น และสนับสนุนรัฐบาลฮ่องกงในการฟื้นคืนความสงบสุขในฮ่องกงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” แถลงการณ์ระบุ

ขณะที่ร้านค้าต่างๆในฮ่องกงเปิดให้บริการตามปกติอีกครั้งวานนี้ ขณะที่ระบบรถไฟใต้ดินเปิดให้บริการเพียงบางส่วน แต่เจ้าหน้าที่เตือนผู้พักอาศัยว่า อาจมีความลำบากในการเดินทางเนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากถูกทำลายเสียหายจากเหตุประท้วงที่รุนแรงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ รถไฟใต้ดินต้องหยุดให้บริการในคืนวันศุกร์ที่ 4 ต.ค. 2562 หลังจากกลุ่มผู้ประท้วงได้วางเพลิงสถานีและทำลายเครื่องจำหน่ายตั๋ว โดยเจ้าหน้าที่รถไฟใต้ดินแจ้งว่า บางสถานีจะยังไม่เปิดให้บริการเนื่องจากจำเป็นต้องซ่อมแซมความเสียหาย นอกจากนี้จะให้บริการจนถึงเวลา 20.00 น. ตามเวลาฮ่องกง ซึ่งถือเป็นการปิดให้บริการเร็วกว่าปกติกว่า 4 ชั่วโมง

เมื่อคืนวันอังคารที่ 7ต.ค. 2562 กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ยังคงก่อเหตุจลาจลเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยมีการทำลายทรัพย์สินของร้านค้า และปิดกั้นถนน รวมทั้งมีการวางเพลิงสถานีรถไฟใต้ดิน (เอ็มทีอาร์) หลายแห่ง

และกลุ่มผู้ประท้วงยังคงใส่หน้ากากปิดบังใบหน้า แม้มีการออกกฎหมายห้ามสวมหน้ากากในที่ชุมนุมก็ตาม

ขณะที่ตำรวจ ออกแถลงการณ์เตือนให้กลุ่มผู้ชุมนุมหยุดการกระทำที่ผิดกฎหมาย และย้ำว่า ตำรวจจะรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด และจะมีการนำตัวผู้กระทำความผิดเข้ารับโทษตามกฎหมาย