
กทม.จับมือ ม.เกษตรฯ ทดสอบเครื่องกรองฝุ่นพิษ PM 2.5 หน้าลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00 น. พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าฯ กทม. , นายอรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. และ นายชาตรี วัฒนเขจร ผู้อำนวยสำนักสิ่งแวดล้อม ตรวจเยี่ยมการติดตั้งและเปิดเดินเครื่องกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ “PM 2.5” บริเวณลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีนางบุษบา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด , นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้การต้อนรับและร่วมตรวจเยี่ยม
พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงที่มาของโครงการนี้ว่า กรุงเทพมหานครได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และภาคเอกชน ทดลองติดตั้งหอสูงฟอกอากาศ จำนวน 1 ชุด บริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพในการลดปัญหาฝุ่นและมลพิษจาก PM 2.5 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยกรุงเทพมหานครได้ติดตั้งเครื่องดังกล่าวนี้เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2562 และเริ่มเปิดเดินเครื่องตั้งแต่เวลา 06.00 น. ที่ผ่านมา โดยจะเปิดเดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับหอสูงฟอกอากาศ มีลักษณะเป็นเสาสูง 4 เมตร กว้าง 1.5 เมตร น้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม ใช้หลักการทำงานของพัดลมขนาดใหญ่ที่มีปริมาณลมสูง (Air Volume) และ กำลังการดึงลมสูง (Air Pressure) ดึงอากาศให้ไหลผ่านแผ่นกรองฝุ่น 2 ชั้น โดยใช้แผ่นกรองชนิด HEPA Filter ขนาด 1 ไมครอน สามารถฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ได้ไม่น้อยกว่า 17,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ครอบคลุมพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1,000 ตารางเมตร เครื่องดังกล่าวจะทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ โดยใช้กำลังไฟฟ้า 3.5 กิโลวัตต์
“ในวันนี้ได้มีเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมเก็บข้อมูลปริมาณความเข้มข้นของฝุ่น PM 2.5 ซึ่งในช่วงเช้าก่อนเปิดเครื่องฟอกอากาศวัดค่าได้ 31 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่หลังจากที่เปิดเดินเครื่องแล้ววัดค่าได้ 28 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อย่างไรก็ตาม กทม.คงต้องใช้เวลาทดสอบเครื่องประมาณ 2-3 เดือน โดยจะมีการประเมินผลประสิทธิภาพการใช้งานแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะสั้น 24 ชั่วโมง , ระยะกลาง 3 วัน และระยะยาว 30 วัน เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์เปรียบเทียบความเข้มข้นของฝุ่นและมลพิษ รวมถึงประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องว่าสามารถลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้หรือไม่ นอกจากนี้ได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้ประกอบการค้า หรือ ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ติดต่อกับทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อซื้อเครื่องฟอกอากาศมาติดตั้งบริเวณศูนย์การค้า เป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนที่มาใช้บริการ โดยกรุงเทพมหานครจะช่วยดูแลและบำรุงรักษา” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวต่อว่า การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศครั้งนี้ เป็นเพียงมาตรการเสริมในการดูแลสุขภาพ และความปลอดภัยแก่ประชาชน ควบคู่ไปกับมาตรการต่าง ๆ ที่กรุงเทพมหานครกำลังดำเนินการอยู่ อย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศให้ประสบความสำเร็จนั้น จะต้องได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งรวมไปถึงประชาชนด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากปัญหามลพิษทางอากาศ 54% เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการท่อไอเสียและการเผาไหม้ ดังนั้น กรุงเทพมหานครจึงขอเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจในการดำเนินชีวิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล หันมาใช้บริการขนส่งมวลชนมากขึ้น บำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพดี และไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ปลูกต้นไม้ป้องกันฝุ่นและดูดซับมลพิษ เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองปลอดฝุ่น ปลอดภัย น่าอยู่ และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยประชาชนสามารถติดตามผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ แบบ Real Time ได้ทางเว็บไซต์www.bangkokairquality.com และเฟซบุ๊ก กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร