ThaiPublica > คอลัมน์ > ปฏิบัติการลิงแก้แห

ปฏิบัติการลิงแก้แห

13 ธันวาคม 2018


บรรยง พงษ์พานิช

เพิ่งจะเห็นคำสั่ง คสช. ที่ 19/2561 ลว. 26 พ.ย. นี้ เรื่อง กลไกในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง

ขอบอกว่านี่เป็นเรื่อง “ลิงแก้แห” อย่างชัดเจนที่สุดครับ

  • ออกรัฐธรรมนูญมาให้มีแผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปประเทศ โดยที่ยังไม่ได้คิดให้รอบคอบว่ามันจะเกิดยังไง หน้าตาจะเป็นยังไง จะดำเนินการได้อย่างไร (ขอเรียกว่าวิสัยทัศน์ชั่ววูบ)
  • ออก พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ฯ กับ พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการปฏิรูปฯ มีกรรมการหลายสิบคณะทำงานกันไปคนละทิศละทางอย่างเร่งรีบ ต่างคนต่างเดิน
  • พอแผนปฏิรูปออก เอามาขยำรวมกัน ก็เห็นได้เลยว่าสะเปะสะปะ ไปคนละทิศละทาง ไม่มีทางดำเนินการได้จริง ไม่มีทางมีงบประมาณทำได้หมด …ไอ้ข้างแผนยุทธศาสตร์ทำออกมาไม่มีอะไร มีแต่คำสวยๆ ก็เลยแบ่งเป็นแผนปฏิบัติการที่ยังไม่มียังไม่ออก แต่ก็จัดงานจัดอีเวนต์ประโคมไปแล้ว เสียงบมากมาย (เพราะจองอีเวนต์ประชาสัมพันธ์ไว้ก่อนเห็นเรื่องที่จะประชาสัมพันธ์) นี่ก็สั่งจองอีเวนต์สิ้น ม.ค. ไว้อีกแล้ว งบกว่าร้อยล้านบาท เพราะหวังว่าแผนปฏิบัติการจะออกมาเจ๋งดูดี (จะคอยดูครับ)
  • ตอนนี้ชักจะรู้แล้วว่า ตามโครงสร้างเดิม ตามที่เนติบริกรสนองวิสัยทัศน์ที่คิดไม่ครบไว้นั้น มันไม่มีทางเวิร์ก ไม่มีทางทำได้ แถมตกลงใจแล้วว่ากูจะอยู่ทำต่อเอง ก็เลยพยายามแก้ปัญหาโดยออกคำสั่งนี้ หวังว่าจะประสานงานให้มันเดินไปได้ตามวิสัยทัศน์ผิดๆ ที่ประกาศไว้หลายร้อยครั้ง
  • คำสั่ง คสช. ที่ 19/2561 ที่เป็นกฎหมายนี้ ให้มีคณะกรรมการอีกคณะ (คณะที่ร้อยเท่าไหร่ไม่รู้แล้วครับ) ตั้งสำนักงานอีกอัน หวังว่าจะมาแก้ปัญหาประสานงานที่ออกแบบไว้จนยุ่งเหยิงพัลวันนั้นได้
  • การตั้งคณะกรรมการนี่ เป็นที่นิยมของระบบไทยๆ มากครับ มีปัญหาอะไรก็ตั้งกรรมการไว้ก่อน มันจะได้ไม่มีใครต้องรับผิดชอบโดยตรง พอทำงาน ทุกกรรมการก็จะมีแต่ติดขัดกับระบบราชการ ส่วนใหญ่จะมีแต่กรรมการ “แผนกเอ๊ะ” … เอ๊ะ ไอ้นี่ทำไม่ได้นะครับติดกฎข้อนี่นั่น ขัดระเบียบโน่นนู่น ไม่เห็นคณะไหนมีผลงานเป็นรูปธรรมจริงจังเท่าที่ควร (ผมเคยร่วมประชุมหลายกรรมการ วันๆ ถกกันแต่เรื่องระเบียบ ไม่ค่อยมีเรื่องสร้างสรร) ถกเสร็จแยกย้าย ไม่ค่อยมีใครเอาไปทำให้เกิดผล ทำรายงานขึ้นหิ้งกันไว้ นัดหน้าก็มาถกเรื่องเดิมๆ กันใหม่ รับเบี้ยเลี้ยงกันไป แล้วก็ไปพูดโม้กันวันหลัง “เรื่องดีๆ อย่างนี้ผมเคยเสนอไปแล้ว แต่มันไม่เกิด”
  • เนติบริกรท่านก็สุดยอด แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง มันเริ่มจาก รธน. (รัฐธรรมนูญ) ที่ผ่านประชามติ (อย่างงงๆ) แล้วก็มาเป็น พ.ร.บ. ผ่าน สนช. (สภานิติบัญญัติแห่งชาติ) แล้วดันไม่เวิร์ก เลยมาเสริมมาแก้กันด้วยคำสั่ง คสช. ที่สั่งแก้ พ.ร.บ. ไปหลายอันเลย ผมไม่ใช่นักกฎหมายแต่ก็ยังเห็นว่ากระบวนการมันแหม่งๆ ขัดหลักการพิกล (ใครก็ไม่รู้เพิ่งบอกว่าบ้านเมืองไม่ได้อยู่ได้ด้วยกฎหมายแต่อย่างเดียว แต่อยู่ด้วยความเหมาะสมตามกาลที่ท่านเรียกว่ากาลเทศะด้วย)
  • รัฐธรรมนูญมาตรา 77 ท่านก็ระบุไว้ชัด ว่า ก่อนตรากฎหมายต้องศึกษาผลกระทบ (regulatory impact assessment) ให้รอบด้าน ต้องรับฟังความคิดเห็น (public hearing) แต่นี่ท่านใช้อำนาจออกคำสั่งที่เป็นกฎหมายโดยลัดขั้นตอนทุกอย่าง ทั้งๆ ที่ รธน. มีผลใช้บังคับแล้ว อยากถามว่านี่ผิด รธน. หรือเปล่าครับ (ผมหาข้อยกเว้นในบทเฉพาะกาลไม่เจอ…ก็เลยขอถือโอกาสใช้สิทธิ์ประชาชนให้ความเห็นย้อนหลังนะครับ)
  • ตามคำสั่งที่ว่า นายกฯ เป็นคนตั้งกรรมการฯ เพื่อไปประสานงานกับคณะกรรมการที่นายกฯ ไม่ได้ตั้ง (ก็เขาตั้งล็อคไว้หมดแล้วห้าปี) แถมคำสั่งนี้ให้แก้ได้โดย คสช. ที่จะไม่มีอยู่แล้ว (ตามข้อเสนอของนายกฯ หรือ ครม.) นี่ถ้านายกฯ คนต่อไปไม่เป็นคนเดิม ไม่มีทางที่จะทำงานกันได้เลยครับ (ท่านเนติบริกรเขียนโดยตั้งสมมติฐานคาดคะเนผลการเลือกตั้งไว้เลยนะครับ) แถมจะแก้ก็ไม่รู้จะให้ใครแก้
  • สำนักงานที่จะตั้งขึ้นด้วยความหวังว่าจะมาแก้มาสางความมั่วนี้ได้ ก็ระบุไว้ว่าห้าปีให้ทบทวน ถ้าไม่ควรมีแล้วให้ยุบไปรวมกับ ก.พ.ร. (สำนักงานคณะกรรพัฒนาระบบราชการ, ซึ่งตอนตั้ง ก.พ.ร. ก็บอกว่าน่าจะอยู่ห้าปีเหมือนกัน แต่นี่อยู่มาสิบห้าปีแล้ว ขออยู่ต่ออีกยี่สิบปี)

ขอสรุปเลยนะครับ ว่านี่เป็นปฏิบัติการลิงแก้แหที่น่ากลัวมาก ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง ยิ่งแก้ยิ่งพัลวัน ยิ่งแก้ยิ่งมัดตัวเข้าไปลึกขึ้นทุกที

ผมเคยเขียนท้วงติงไว้หลายครั้ง ตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่มี พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ฯ กับ พ.ร.บ.ปฏิรูปฯ ว่าวิธีการดำเนินงานแบบนี้น่ะ ให้ระวังว่าไอ้ที่หวังดีจะให้เป็นคบไฟนำทาง มันจะกลายเป็นโซ่ตรวนล่ามชาติซะละมากกว่า เดินมาถึงวันนี้ค่อนข้างเห็นชัดนะครับว่ามันจะเป็นแบบไหน

ขอกราบวิงวอนเถอะครับ ในเมื่อท่านก็ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ทำต่อเอง ไอ้ค่ายกลต่างๆ ที่เคยวางไว้หวังจะดักคนอื่นน่ะ ท่านปลดออกเถอะครับ ไม่งั้นมันจะรัดตัวเองจนทำงานไม่ได้ แล้วเดี๋ยวพอถึงทางตันก็ต้องรื้อใหม่ทั้งยวงมานับหนึ่งใหม่ ต้องให้วีรบุรุษคนใหม่ลุกขึ้นมาเสี่ยงภัย เสี่ยงโทษประหาร ปลดล็อกให้ประเทศนับหนึ่งกันใหม่อีก

จุดจบของ “ลิงแก้แห” นั้น ใครๆ ก็รู้อยู่ว่าสุดท้ายแหมันก็มัดจนลิงจมน้ำตาย ผมไม่ได้ห่วงลิงห่วงท่านหรอกนะครับ แต่ผมและพี่น้องทั้งชาติมันดันติดอยู่ในร่างแหของท่านด้วยนะสิครับ ได้โปรดเถิด ตัดแหทิ้งเสียเถอะครับ รื้อเลิกให้หมด การมียุทธศาสตร์ชาติ มีแผนปฏิรูป แบบที่เป็นกฎหมาย อย่างที่ทำอยู่นี้ มันไม่เวิร์กหรอกครับ …จะรื้อจะเลิกยังไง ถามท่านเนติบริกรเถอะครับ ท่านทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว

ป.ล. บทความนี้ มีจุดประสงค์ต้องการให้มีการพิจารณาทบทวนอย่างจริงจัง ถึงกระบวนการยุทธศาสตร์ชาติที่เป็นกฎหมายแบบที่ดำเนินอยู่ ไม่ได้มีเจตนาโจมตีรัฐบาลหรือบุคคลใด ไม่มีเป้าประสงค์ทางการเมือง หากผู้ใดนำไปใช้ ขอให้นำไปจนครบทั้งบทความ รวมทั้งปัจฉิมลิขิตนี้ด้วยครับ

ตีพิมพ์ครั้งแรก เฟซบุ๊ก Banyong Pongpanich วันที่ 13 ธันวาคม 2561