ThaiPublica > เกาะกระแส > นายกฯ เมินนักวิชาการ ไม่หวั่นกระแสลบ “ดูด”  รู้ทำอะไรอยู่ – มติ ครม. ของบ 241 ลบ. แยกตั้ง “สำนักงานการแข่งขันทางการค้า” อิสระจากพาณิชย์

นายกฯ เมินนักวิชาการ ไม่หวั่นกระแสลบ “ดูด”  รู้ทำอะไรอยู่ – มติ ครม. ของบ 241 ลบ. แยกตั้ง “สำนักงานการแข่งขันทางการค้า” อิสระจากพาณิชย์

1 พฤษภาคม 2018


พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th/

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 ที่ทำเนียบรัฐบาลมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธาน โดย พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวสั้นๆ ก่อนการตอบคำถามสื่อว่า “วันนี้มีความสุขที่ได้ทำอะไรให้กับประเทศ กับประชาชน สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้างก็ได้ทำ”

ทั้งนี้ ในช่วงเช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำนางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยและคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อรายงานความสำเร็จการแข่งขัน “ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2018 และภายหลังการตอบคำถามสื่อมวลชน นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

แรงงานเตรียมเฮ นายกฯ เผยขึ้นค่าแรง 5%

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลจะมีของขวัญอะไรให้กับแรงงาน ว่า รัฐบาลก็ทำมาเยอะในช่วงเวลาที่แก้ไขปัญหาเหล่านี้มา สิ่งแรกที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 ไปแล้วนั้นคือ “การเพิ่มค่าแรง” โดยเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ถึงแม้ว่าตัวเลขจะน้อยแต่เมื่อคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วอยู่ในอัตรา 5 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าสูงสุดในช่วงที่ผ่านมา เพราะทุกปีเพิ่มได้อย่างมากไม่เกิน 1-2 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องกฎหมายแรงงาน ที่มีการปรับเกณฑ์การเกษียณอายุแรงงาน จากอายุ 55 ปี เป็น 60 ปี และให้สิทธิแก่ผู้ประกันตนที่ได้คืนสิทธิ์ไปแล้วสามารถกลับเข้ามาใช้สิทธิ์ได้อีก เป็นจำนวน 7.7 แสนราย รวมไปถึงเรื่องของเงินบำนาญ ก็มีการปรับให้ข้าราชการมีเงินใช้จ่ายได้ 5 ปีหลังจากเกษียณอายุ

“มีกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวกับเรื่องการคุ้มครองแรงงาน ทุกอย่างก็ค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ก็ด้วยการหารือจาก 3 ฝ่ายด้วยกัน ได้แก่ รัฐ ผู้ประกอบการ และแรงงาน ก็เป็นความร่วมมือที่ดี ให้ความสำคัญแล้วก็รักทุกคน เข้าใจถึงปัญหาความเดือดร้อน แต่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะรัฐบาลไม่มีงบประมาณมากมายที่จะทำให้ได้ทุกอย่างในเวลาเดียวกัน ต้องคำนึงถึงการลงทุน เศรษฐกิจ ต่างๆ เหล่านี้ด้วย วันนี้หลายประเทศมีการชักจูงบริษัทเข้าไปลงทุนในประเทศของเขาเป็นจำนวนมาก มีสิทธิประโยชน์จำนวนมาก และก็ใช้โอกาสในศักยภาพของเขาที่ค่าแรงต่ำกว่า ทำให้เราเกิดปัญหาพอสมควรเช่นกัน ขอให้ทุกคนอดทน เดี๋ยวคอยอีกสักระยะก็จะดีขึ้น ถ้าเราสามารถจะหาเงินเข้ามาในระบบได้มากขึ้น” นายกรัฐมนตรีกล่าว

เผย ทิศทางดี “สุวพันธุ์” ลงพื้นที่เคลียร์ปม “บ้านพักตุลาการ”

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามความคืบหน้ากรณีบ้านพักตุลาการ ที่ดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ว่า เป็นสิ่งที่ตนไม่สบายใจ มีความกังวลใจมาโดยตลอด ฉะนั้นอย่าใช้คำว่ามายื่นคำขาดอะไรเลย รัฐบาลก็พยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว วันนี้เราก็ได้ตั้งคณะทำงานซึ่งมีนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงไปพูดคุย ซึ่งได้รับทราบว่าผลการพูดคุยเป็นไปในทางที่ดี โดยขอความร่วมมือในการใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา ยืนยันว่าให้ความสำคัญต่อความรู้สึกของชาวเชียงใหม่

“การที่จะออกมาเคลื่อนไหวเดินขบวนต่างๆ เหล่านี้มันก็เป็นปัญหา ปัญหาต่อส่วนรวมด้วยอะไรด้วย เรากำลังทำหลายๆ อย่าง ก็ไม่อยากให้ความขัดแย้งที่เกิดจากเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาทำให้อย่างอื่นๆ เสียหายไปทั้งหมด การท่องเที่ยว หรือความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป เพราะฉะนั้นต้องดูหลายๆ อย่าง มีกฎหมายอยู่หลายตัว” นายกรัฐมนตรีกล่าว

เตรียมเสริมกำลังพล อย.-สคบ. ตรวจเรื่องร้องเรียน

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามกรณีการหลอกขายอาหารเสริมที่ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงการตรวจสอบได้ว่า วันนี้ตนได้สั่งการและย้ำเตือนไปแล้ว ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ก็มีมาตรการเพิ่มเติมมา ซึ่งเดิมอาจเป็นการทำตามเฉพาะข้อเรียกร้อง หรือรับเรื่องร้องเรียนเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งมีจำนวนนับหมื่นกิจกรรม วันนี้จึงให้ไปดูว่าจะต้องมีการปรับเพิ่มบุคลาการหรือไม่

“ผมต้องการให้มีการตรวจสอบอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการสุ่มตรวจ หรือการตรวจเมื่อมีการจดทะเบียนต่างๆ ซึ่งแต่ละปีมีจำนวนนับล้านราย ที่มีการจดทะเบียน มีการจัดตั้ง หรือมีการขายสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ก็ต้องมาพิจารณาว่าเราจะเข้าถึงปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร เข้าถึงข้อเท็จจริงได้อย่างไร สิ่งสำคัญ คือ ประชาชนผู้บริโภคจะต้องเป็นผู้ที่ตรวจสอบด้วย ก็ช่วยกันดูหน่อยแล้วกัน เพราะทุกคนเป็นผู้ที่เข้าถึงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เพราะวันนี้การทุจริตการคดโกงก็ยังคงมีอยู่ในระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่หลอกลวงคน ทั้งที่รู้และไม่รู้ อย่าให้เป็นประเด็นการขัดแย้งอีกเลย เราต้องเอาปัญหามาแก้ไขทั้งหมดนั่นแหละ” นายกรัฐมนตรีกล่าว

เมินนักวิชาการ ไม่หวั่นกระแสลบ “ดูด”  รู้ทำอะไรอยู่

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามกรณีนักวิชาการออกมาวิจารณ์คนในรัฐบาลและ คสช. มาเล่นการเมืองด้วยการ “ดูด”  นักการเมืองจะเป็นการทำลายการปฏิรูปการเมืองและกลับสู่วงจรการเมืองแบบเก่า ว่า นักวิชาการก็คือนักวิชาการ ตนก็เห็นว่านักวิชาการก็มาทักท้วง เพิ่มข้อสังเกต วิจารณ์ เยอะแยะไปหมด ทั้งหนังสือพิมพ์ และสื่อต่างๆ ก็ออกกันทั่วไป ตนก็ฟังไป แต่สิ่งสำคัญคือ ตนนั้นรู้ว่ารัฐบาลทำอะไรอยู่ ซึ่งที่ตนได้พูดไปครั้งที่แล้วว่า “ดูด” มันเป็นมานานแล้วนั้นไม่ใช่ว่าตนยอมรับกติกาตัวนี้ ซึ่งวันนี้เรื่องต้องไปพิจารณาดูว่าที่มีข่าวสารออกมา เป็นเรื่องของการที่นักการเมืองสมัครใจกันเองหรือไม่

“ทุกทีเวลาเลือกตั้ง ท่านก็เห็นอยู่ทุกคนก็จะย้ายไปตรงนั้น ตรงนี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคของเขาที่อยู่มาก่อน แล้วเขาเห็นอนาคตของเขาหรือเปล่า ก็เรื่องของเขา ผมเองยังไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวตรงนี้เลย และได้สอบถามพรรคการเมืองที่มีข่าวว่าสนับสนุนผมว่าทำอย่างนั้นหรือ ไปเสนอผลประโยชน์เอาไว้หรือ เขาบอกว่าไม่มีอะไร อยู่เฉยๆ ก็มีคนติดต่อมาขอพบ ขอหารือ มันก็เป็นธรรมดาของการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในช่วงนี้นั่นแหละ ทุกอย่างยังไม่ได้ไปสู่ขั้นตอนอะไรสักอย่างเลย ยังไม่ชัดเจน ยังไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า สิ่งสำคัญที่สุดต้องระมัดระวัง ทุกคนทราบดีอยู่แล้วตนนั้นไม่เห็นด้วยเลย แต่ถ้าเป็นเรื่องการแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นทางการเมือง นโยบายต้องกันก็เป็นเรื่องของเขา ตนบังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว สิ่งสำคัญที่คือ ตนไม่ต้องการให้มีการใช้เงินหรือเสนอผลประโยชน์ไว้ล่วงหน้าโดยเด็ดขาด

“จะไปซื้อหรือสัญญาจะให้ตำแหน่งโควตารัฐมนตรี ผมว่ามันไม่ค่อยถูก เป็นเรื่องขอทุกคนที่จะเข้ามาทำงานการเมืองร่วมกัน จะพัฒนาประเทศร่วมกันก็ต้องไปหารือตรงนั้นว่าจะทำอย่างไร” นายกรัฐมนตรีกล่าว

อย่าห่วงรัฐบาลเลื่อนเลือกตั้ง – รับ กังวลสิ่งที่ริเริมไม่ถูกสานต่อ

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงมาตรการในการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง ว่า ท่านก็ทราบดีอยู่แล้ว รัฐบาลได้ประกาศแล้วว่าจะเลือกตั้งต้นปีหน้านี้แน่นอน ก็ยังจะเคลื่อนไหวอีก ไปดูเสียว่ากลุ่มคนเคลื่อนไหวนั้นเป็นกลุ่มใด เป็นคนเดิมๆ หรือคนใหม่ มีการสนับสนุนจากใคร สิ่งที่ผู้ชุมนุมพูดนั้นสอดคล้องกับสิ่งที่พรรคการเมืองหรือนักการเมืองออกมาพูดตรงไหน มันก็กลุ่มนั้นแหละที่สนับสนุนออกมา

ทั้งนี้ ตนนั้นอยากให้ประชาชนได้ใช้การเรียนรู้ในอดีตที่ผ่านมา ช่วยรัฐบาลในการแก้ปัญหา กฎหมายก็มีอยู่ เมื่อบานปลายไปเรื่อยๆ ก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย แล้วก็กลายเป็นว่ารัฐบาลไปละเมิดสิทธิมนุษยชน ขณะเดียวกันตัวเองก็ไปละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้อื่น วันนี้บ้านเมืองต้องสงบเพื่อให้การทำมาหากินไปได้ การท่องเที่ยวไปได้ ชุมนุมไปก็ไม่ค่อยได้อะไรขึ้นมา เพราะรัฐบาลนี้เอาทุกประเด็นมาแก้ปัญหาอยู่แล้ว

“การเลือกตั้งเป็นกระบวนการทางประชาธิปไตย ทั้งนี้ต้องไปคิดดูว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าจะทำอย่างไรให้เป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล ขณะเดียวกัน สังคมไทยก็ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิด, วิธีการเลือกตั้ง หลักการที่จะเลือกคนเข้าไปเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มันต้องเปลี่ยนวิธีการหมด แล้วผมบังคับใครได้ มันก็ขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งหมด ทั้งระบน ระดับกลาง และรายได้น้อย ทั้งหมดต้องออกมาช่วยกันเพื่อให้ได้นักการเมืองใหม่มาให้ได้ หรือนักการเมืองเดิมๆ ที่ดีๆ ให้ได้ ผมยังไม่ไปก้าวล่วงในเรื่องพวกนี้เลย ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศไปแล้วว่าจะเลือกตั้งในต้นปี 2562 ก็ไม่มีประเทศใดทักท้วง เขาก็พอใจขอให้ดำเนินไปตามนั้น ไม่ต้องมาเป็นห่วงว่ารัฐบาลนี้จะเลื่อน ผมไม่เคยคิดจะเลื่อนเลย ที่ปรับมาเป็นเรื่องของกฎหมาย แล้วมาหาว่าผมไปทำให้กฎหมายยืดยื้ออีก ผมจะไปทำอะไรขนาดนั้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ตนเป็นกังวลวันนี้คือ สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำไว้ แล้ววันหน้าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ก็ไม่รู้ บางอย่างแก้ไปแล้วแต่จะกลับมาใหม่หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ รวมถึงสิ่งที่เริ่มไว้แล้วจะมีการสานต่อหรือไม่ วันนี้รัฐบาลทำมา 4 ปี อย่างต่อเนื่องจึงสำเร็จในบางเรื่อง บางเรื่องใช้เวลาปีเดียว บางเรื่องอาจต้องใช้เวลานับ 10-20 ปี เรื่องเหล่านี้จะได้รับการสานต่อจากฝ่ายค้าน และสถาบันในสภาชุดใหม่หรือไม่ สิ่งนั้นคือสิ่งที่ทุกคนน่าจะเป็นกังวลมากว่า ฉะนั้นอย่ามาตีกันในเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย

มติ ครม. มีดังนี้

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนังสงเสริมการแข่งขันทางการค้า
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

ขยายมาตรการภาษีหนุนบุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจเป็นนิติบุคคล

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (ขยายระยะเวลามาตรการส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปของนิติบุคคล) ทั้งนี้ สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา มีรายละเอียดดังนี้

1) กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บุคคลธรรมดาและห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สินการขายสินค้าหรือการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการโอนทรัพย์สินให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นหุ้นสามัญหรือหุ้นของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ทั้งนี้ เฉพาะการโอนทรัพย์สินและการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2561

2) กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท ที่จดทะเบียนจัดตั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ได้รับยกเว้นเงินได้เป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อยของรายจ่ายอันเกิดจากการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ค่าทำบัญชี และค่าสอบบัญชี มาเป็นระยะเวลา 5 รอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน นับแต่รอบระยะเวลาบัญชีได้รับการจัดตั้งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวเป็นการต่ออายุของมาตรการจากเดิมที่ ครม. มีมติเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2559 กำหนดระยะเวลาของมาตรการตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2559 ถึง 31 ธันวาคม 2560 โดยกระทรวงการคลังคาดว่าจะทำให้สูญเสียรายได้ปีละ 80 ล้านบาท หรือ 400 ล้านบาทในระยะปี 5

กำหนดราคาอ้อย-น้ำตาลขั้นสุดท้าย ฤดู59/60 – 1,083 บาทต่อตันอ้อย

นายณัฐพร กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิต ปี 2559/2560 ตามมาตรา 55 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นรายเขต 9 เขต โดยราคาเฉลี่ยทั่วประเทศในอัตราตันอ้อยละ 1,083.86 บาท ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. และกำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อยเท่ากับ 65.03 บาท ต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส. ต่อเมตริกตัน และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายเท่ากับ 464.51 บาทต่อตันอ้อย

ทั้งนี้ การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2559/2560 จำเป็นต้องดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการจัดทำประมาณการรายได้ การกำหนดและการชำระราคาอ้อย และค่าผลิตน้ำตาลทรายและอัตราส่วนของผลตอบแทนระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงาน พ.ศ. 2553 เนื่องจากตามประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง การจัดทำประมาณการรายได้ การกำหนดและการชำระค่าอ้อยและค่าผลิตน้ำตาลทราย และอัตราส่วนของผลตอบแทนระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงาน พ.ศ. 2561 ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 ได้กำหนดไว้ให้ประกาศฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้เฉพาะฤดูการผลิตปี 2560/2561 ถึงฤดูการผลิตปี 2561/2562

ประกอบกับคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560 ได้มีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2559/2560 ไปเรียบร้อยแล้วและในการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้ายฤดูการผลิตปี 2559/2560 จะต้องใช้ตัวเลขปริมาณและรายได้จากการจำหน่ายน้ำตาลทรายภายในประเทศรวมทุกปีโควตาในระหว่างเดือนตุลาคม 2559 – กันยายน 2560

การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้ายฤดูการผลิตปี 2559/2560 ไม่ขัดกับข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศแต่อย่างใด แต่เป็นการรักษาประโยชน์ให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อย รวมทั้งเป็นการสร้างหลักประกันอย่างพอเพียงและเหมาะสมให้กับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทย อีกทั้งชาวไร่อ้อยจะได้รับค่าอ้อยสำหรับนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเพาะปลูกและบำรุงรักษาอ้อยและการดำรงชีพต่อไป ซึ่งจะก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจ อันจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยรวม

ของบฯ 241 ลบ. แยกตั้ง “สำนักงานการแข่งขันทางการค้า” อิสระจากพาณิยช์

นายณัฐพร กล่าวว่า ครม. มีมติจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 241.64 ล้านบาท จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ทั้งนี้ เดิมภายหลังจากพระราชบัญญัติการแข่งทางการค้า พ.ศ. 2560 ได้บังคับใช้เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2560 ได้กำหนดให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าออกมาเป็นหน่วยงานใหม่ จากเดิมที่เป็นสำนักอยู่ในกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อความเป็นอิสระของการดำเนินงานกำกับดูแลการประกอบธุรกิจของเอกชน

โดยปีงบประมาณ 2561 สำนักงานฯ ได้รับโอนงบประมาณมา 6.5 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอต่อการจัดตั้งและดำเนินงานตามแผนปฏิบัติงาน และจำเป็นต้องขอรับการสนับสนุน โดยทางคณะกรรมการในคราวประชุม 2/2560 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2560 ได้เสนอของประมาณ 393.49 ล้านบาท ก่อนจะหารือกับสำนักงบประมาณลดลงเหลือเพียง 241 ล้านบาท

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม ผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมการแข่งขันทางการค้า กล่าวว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวเป็นการแก้ไขกฎหมายในรอบ 18 ปีให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยนอกจากการจัดตั้งสำนักงานฯ และมีคณะกรรมการที่ได้มาจากการสรรหาออกมาดำเนินงานอย่างเป็นอิสระและมีความคล่องตัวมากขึ้นแล้ว กฎหมายฉบับดังกล่าวยังปรับรูปแบบการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นสากลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงโทษทางอาญาให้เป็นดำเนินการลงโทษทางปกครองได้ เช่น เปรียบเทียบปรับได้ทันที ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลของกฎหมายทางเศรษฐกิจที่ควรจะเน้นความรวดเร็วและการเยียวยา นอกจากนี้ ธุรกิจเอกชนยังสามารถเข้ามาขอคำวินิจฉัยจากคณะกรรมการได้ด้วย

ผ่าน พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ

พ.อ. อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงาน พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ไม่ก่อนการเสนอพิธีสารปี 2014 ส่วนเสริมอนุสัญญา ฉบับที่ 29 ว่าด้วยแรงงานบังคับ ค.ศ. 1930 ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ กำหนดว่า

1. กำหนดลักษณะความผิดฐานใช้แรงงานบังคับ หมายถึง “ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ทำงานหรือบริการโดยมิได้สมัครใจให้กับตนหรือบุคคลที่สาม โดยการข่มขู่ ขู่เข็ญว่าจะลงโทษโดยมิชอบ ใช้กำลังประทุษร้าย ยึดเอกสารสำคัญประจำตัวของบุคคลนั้นไว้ นำภาระหนี้ของบุคคลนั้นหรือบุคคลอื่นมาเป็นสิ่งผูกมัดโดยมิชอบ หรือด้วยวิธีอื่นใดโดยมิชอบที่ทำให้บุคคลนั้นไม่สามารถที่จะขัดขืนได้หรือมิได้สมัครใจที่จะทำเอง ถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดฐานใช้แรงงานบังคับ

2. กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ เพื่อช่วยเหลือและเยียวยาผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานใช้แรงงานบังคับหรือช่วยเหลือผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานใช้แรงงานบังคับในต่างประเทศให้เดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรหรือถิ่นที่อยู่

3. กำหนดให้มีคณะกรรมการจำนวน 2 คณะ ได้แก่

3.1 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับมีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์และมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ

3.2 คณะกรรมการกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ มีหน้าที่กำกับดูแลการบริหารจัดการ ติดตามการดำเนินงาน และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน

4. กำหนดมาตรการช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการใช้แรงงานบังคับ เช่น การจัดหาที่พักอาศัยชั่วคราว

5. กำหนดบทลงโทษที่มีความเหมาะสมกับการกระทำความผิดฐานใช้แรงงานบังคับ โดยเพิ่มโทษกรณีกระทำผิดต่อผู้เสียหายที่เป็นเด็ก ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ หรือผู้มีกายพิการหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ และกรณีที่ทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสหรือเป็นโรคร้ายแรงซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต หรือถึงแก่ความตาย

เด้งอธิบดีกรมปศุสัตว์

พ.อ. อธิสิทธิ์ กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบย้าย นายสัตว์แพทย์อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ไปดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และแต่งตั้งให้ นายสัตว์แพทย์สรวิศ ธานีโต ผู้ตรวจกระทรวงเกษตรฯ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมปศุสัตว์

นายกฯ ชูการนำเสนอผังเมืองแบบสิงคโปร์-เร่งหน่วยงานรวมข้อมูล Big Data

พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการเพิ่มเติมในที่ประชุมดังนี้

  • นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการปรับปรุงผังเมืองที่กฎหมายกำหนดให้ปรับปรุงทุก 5 ปี ว่าจากการไปประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 27-28 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา พบการนำเสนอผังเมืองในรูปแบบ Virtual (ผังเมืองเสมือนจริง) ที่ทำให้ประชาชนเห็นถึงการพัฒนาได้อย่างชัดเจน ส่งผลให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในการปรับปรุงผังเมือง จึงอยากให้ประเทศไทยจัดทำผังเมืองในรูปแบบ Virtual เพื่อสร้างความร่วมมือมากกว่าผังเมืองแบบกระดาษ
  • การพัฒนาคูคลองในเขต กทม. ซึ่งเคยเป็นเวนิสตะวันออกเพราะมีคลอง 250 คลอง แต่ปัจจุบันประสบปัญหาเรื่องขยะหรือการลุกล้ำเข้าไปตั้งที่อยู่อาศัยในพื้นที่ลำคลองทำให้เกิดการระบายน้ำไม่สะดวก เกิดปัญหามากมายรวมทั้งปัญหามลพิษสิ่งปฏิกูล นายกรัฐมนตรีอยากให้ดูตัวอย่างการพัฒนาชุมชนคลองลาดพร้าว ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการหลักของรัฐบาล ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่และใกล้ประสบผลความสำเร็จ ถ้าเห็นตัวอย่างแล้ว อาจจะทำให้แก้ไขปัญหาชุมชนที่บุกรุกเข้าไปในบริเวณลำคลองรุกล้ำพื้นที่สาธารณะได้ง่ายขึ้น อยากขอความร่วมมือจากส่วนต่างๆ ด้วย
  • สำหรับเรื่อง Big Data นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ดูแลเรื่องนี้อยู่ โดยขอให้ทุกส่วนราชการเร่งดำเนินการรวบรวมข้อมูลโดยเร็ว เพื่อให้คณะรัฐมนตรีและส่วนราชการสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการบริหารราชการต่อไป