ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 24-30 มี.ค. 2561 : “ป.ป.ช. แจงผลสอบ ‘ประวิตร’ แหวนพ่อ-นาฬิกาเพื่อน” และ “รัสเซียขับ 60 นักการทูตสหรัฐฯ ออกนอกประเทศ”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 24-30 มี.ค. 2561 : “ป.ป.ช. แจงผลสอบ ‘ประวิตร’ แหวนพ่อ-นาฬิกาเพื่อน” และ “รัสเซียขับ 60 นักการทูตสหรัฐฯ ออกนอกประเทศ”

31 มีนาคม 2018


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 24-30 มี.ค. 2561

  • ป.ป.ช. แถลงคืบหน้าผลสอบ “ประวิตร” แหวนพ่อ-นาฬิกาเพื่อน
  • ผบ.ทบ. เลิกชะลอบ้านศาลเชิงดอย แจง มาไกลแล้ว หยุดไม่ได้ จะเสียหาย
  • แบงก์พาณิชย์พร้อมใจหนุนสังคมไร้เงินสด ฟรีค่าธรรมเนียมธุรกรรมดิจิทัลหลายช่องทาง
  • พณ. แจง รถเร่บิ๊กซียังไม่เข้าข่ายผิด กม.
  • รัสเซียสั่งขับ 60 นักการทูตสหรัฐฯ ออกนอกประเทศ โต้กล่าวหาวางยาอดีตสายลับชาติตัวเอง
  • ป.ป.ช. แถลงคืบหน้าผลสอบ “ประวิตร” แหวนพ่อ-นาฬิกาเพื่อน

    พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่มาภาพ : https://social.tvpoolonline.com/

    เว็บไซต์ WORKPOINT NEWS รายงานว่า นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงความคืบหน้ากรณีนาฬิกาหรู พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. จากกรณีที่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้แจ้งเรื่องนาฬิกาหรูในรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกับ ป.ป.ช.

    เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงนาฬิกาหรู ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวออกมาว่ามีจำนวน 25 เรือน เลขาฯ ป.ป.ช. ตอบว่า จากการตรวจ มีนาฬิกาหรูซ้ำกัน 3 เรือน เท่ากับมีนาฬิกา 22 เรือน และนาฬิกาทั้งหมดเป็นของเพื่อน พล.อ. ประวิตร คนที่เสียชีวิตไปแล้ว และเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงเรื่องแหวน เลขาธิการ ป.ป.ช.ก็กล่าวว่า เป็นของพ่อ พล.อ. ประวิตร ที่มอบให้กับแม่ แล้วแม่นำมามอบให้กับ พล.อ.ประวิตร

    สำหรับการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทางสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ให้ พล.อ. ประวิตร ชี้แจงเรื่องนี้ 4 ครั้ง โดยสรุปก็คือ รายการนาฬิกาหรูที่ พล.อ. ประวิตร แจ้งว่ายืมจากเพื่อนมา แล้วทางสำนักงานตรวจทรัพย์สินภาคการเมืองได้ไปตรวจสอบ ก็พบว่านาฬิกาดังกล่าวมีอยู่จริง แต่ว่ายังขาดรายละเอียดที่มาของนาฬิกา

    เนื่องจากเป็นนาฬิกาที่มีราคาแพงและมีซีเรียลนัมเบอร์ ทางสำนักงาน ป.ป.ช. จึงต้องให้สำนักตรวจทรัพย์สินที่รับผิดชอบไปตรวจสอบว่า ผู้ที่ครอบครองนาฬิกาหรูดังกล่าวเป็นเจ้าของที่แท้จริงหรือไม่ ซึ่งในการตรวจสอบนั้นมีประเด็นที่จะต้องไปสอบพยานบุคคลเพิ่มเติม รวมทั้งบริษัทเอกชนที่จำหน่ายนาฬิกาหรูเหล่านี้ ทางคณะะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติให้สำนักงาน ป.ป.ช. ไปดำเนินการตรวจสอบยืนยันข้อมูลเรื่องนี้ให้สิ้นกระแสความก่อน แล้วค่อยสรุปข้อเท็จเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้พิจารณาอีกครั้ง

    ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าเรื่องนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน จึงมีมติให้สำนักงาน ป.ป.ช. เร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว จึงแถลงมาให้ทราบโดยทั่วกัน

    ผบ.ทบ. เลิกชะลอบ้านศาลเชิงดอย แจง มาไกลแล้ว หยุดไม่ได้ จะเสียหาย

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ THE STANDARD (https://thestandard.co/judicial-house-at-doi-suthep-conflict/)

    โครงการก่อสร้างบ้านพักและอาคารชุดของข้าราชการตุลาการ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นโครงการที่ประกอบไปด้วยการก่อสร้างต่างๆ 4 โครงการ คือ

  • บ้านพักระดับประธานศาล จำนวน 9 หลัง
  • บ้านพักผู้พิพากษา 38 หลัง บ้านพักผู้อำนวยการ 1 หลัง อาคารชุดข้าราชการตุลาการ 16 หน่วย และอาคารชุดข้าราชการศาลยุติธรม 36 หน่วย
  • อาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5
  • อาคารที่ทำการสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5
  • รวมทั้งหมดแล้วใช้งบประมาณ 1,017,355,000 บาท และใช้พื้นที่ ประมาณ 147 ไร่ 3 งาน 41 ตารางวา

    ปัญหาที่เกิดขึ้นจนทำให้สังคมตั้งคำถาม และเลยลามไปถึงการเรียกร้องให้มีการเลิกดำเนินการก็คือ โครงการดังกล่าวนี้ ตั้งอยู่บริเวณเชิงดอยสุเทพ ใกล้กับเขตอุทยานแห่งชาติสุเทพ-ปุย และจากภาพถ่ายที่ปรากฏเผยแพร่ไปในสังคมนั้น จะเห็นว่าส่วนที่เป็นบ้านพักผู้พิพากษานั้นกินพื้นที่เข้าไปตั้งอยู่กลางป่า จนกลายเป็นคำถามขึ้นมาว่า โครงการดังกล่าวนั้นมีลักษณะเป็นการบุกรุกป่าหรือไม่ ซึ่งนายสวัสดิ์ สุรวัฒนานันท์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 ก็ได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนว่า โครงการดังกล่าวเป็นการใช้พื้นที่อย่างถูกต้อง โดยได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี 2549 ตามมาตรา 5 พ.ร.บ. ที่ราชพัสดุ ปี 2518
     
    สภาพพื้นที่ที่ผ่านมา แม้จะเป็นป่า แต่ก็เป็นที่ราชพัสดุในความครอบครองใช้ประโยชน์ของกองทัพบก ก่อนจะมีประกาศ พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ ปี 2507 ซึ่งไม่ได้กระทบสิทธิของหน่วยทหารแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังเน้นย้ำกับผู้รับเหมาว่าให้เลือกตัดต้นไม้เท่าที่จำเป็น พร้อมเว้นพื้นที่ 58 ไร่ ให้คงสภาพพื้นที่ที่มีต้นไม้อยู่เดิม และเมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะทำการปรับภูมิทัศน์เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวต่อไป และเหตุผลที่ใช้ที่ดังกล่าวก็เพื่อประหยัดงบประมาณ เนื่องจากเป็นพื้นที่ของทางราชการ (ข้อมูลทั้งหมดเรียบเรียงจากเฟซบุ๊ก ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน)

    กระนั้น เมื่อมีการตั้งคำถามมากขึ้นจากสังคม วันที่ 20 มี.ค. 2561 พล.อ. เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มีคำสั่งให้ชะลอโครงการเอาไว้ก่อน เพื่อจะได้ตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง

    ทว่า ล่าสุด วันที่ 28 มี.ค. 2561 เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า พล.อ. เฉลิมชัย เปิดเผยกับสื่อว่าตนได้แจ้งให้แม่ทัพภาคที่ 3 ทราบแล้วว่าสามารถดำเนินการต่อได้เนื่องจากไม่มีบริเวณไหนที่ผิดกฎหมาย แต่ต้องไปปรับในเรื่องของความเหมาะสมให้กลมกลืนกับพื้นที่ภูมิประเทศต้องไปพูดคุยกันในรายละเอียดในพื้นที่อีกที

    “กรณีดังกล่าวเดินมาไกลแล้ว จะลงตัวอย่างไรให้ยอมรับกันได้และไม่เสียหายมากนัก เพราะใช้งบประมาณลงไปพอสมควร ก็พอมีเวลาในการพูดคุยกัน อยากให้หน่วยงานในพื้นที่และประชาชนจังหวัดเชียงใหม่ได้พูดคุยกันและหาจุดที่เหมาะสมเพราะเป็นพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่หลายส่วนงานที่เกี่ยวข้อง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพิ่งเกิด ที่เราจะหยุดโครงการเพราะจะเกิดความเสียหาย แต่จะเดินต่อไปได้อย่างไร ที่จะเกิดต่อผลกระทบและความรู้สึกของพี่น้องประชาชน ให้น้อยที่สุด” ผบ.ทบ. กล่าว

    แบงก์พาณิชย์พร้อมใจหนุนสังคมไร้เงินสด ฟรีค่าธรรมเนียมธุรกรรมดิจิทัลหลายช่องทาง

    ปัจจุบัน กระแสหนึ่งที่กำลังมาแรงก็คือการผลักดันการใช้การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ซึ่งเข้ามาเปลี่ยนโฉมรูปแบบการทำธุรกรรมทางการเงินให้ย้ายจากโลกออฟไลน์แบบดั้งเดิมมาอยู่ในโลกออนไลน์มากขึ้น ข้อดีของการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านอินเทอร์เน็ตก็คือการประหยัดต้นทุนในด้านต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้งาน และข้อดีที่ชัดเจนที่สุดในโลกที่เวลาเป็นต้นทุนที่มีราคาแพงที่สุดก็คือทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปทำธุรกรรมทางการเงินที่เคาน์เตอร์หรือจุดบริการต่างๆ อีกต่อไป แต่สามารถทำได้โดยตรงที่ไหนและเมื่อใดก็ได้ผ่านสมาร์ทโฟนของตนเอง และแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นก็คือการพัฒนาไปสู่สังคมไร้เงินสด (cashless society) กล่าวคือ เป็นโลกที่ผู้ที่เข้าถึงเทคโนโลยีขั้นต่ำที่จำเป็นต่อการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ตจะไม่ต้องพกพาเงินสดอีกต่อไป เนื่องจากสามารถทำทุกอย่างได้ผ่านช่องทางออนไลน์ในมือตนเอง

    ล่าสุด ท่ามกลางกระแสดังกล่าว หลังจากที่สนับสนุนการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านอินเทอร์เน็ตทั้งทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน รวมทั้งการใช้พร้อมเพย์ เหล่าธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยก็ขยับขึ้นไปอีกขั้นด้วยการพร้อมใจกันไม่คิดค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกรรมทางการเงินหลายรายการที่ทำผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และช่องทางอื่นๆ ของธนาคารหลายรายการ ดังนี้

    ธนาคารทหารไทย

    TMB All Free ฟรีค่าธรรมเนียม

    ธนาคารทหารไทยมีการยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียมฝาก-ถอน-โอนเงินสดข้ามเขตในบัญชีของธนาคารมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 และในปี พ.ศ. 2558 ก็ได้เปิดตัวบัญชี TMB All Free ให้ลูกค้า กด โอน จ่าย โดยไม่มีค่าธรรมเนียมและไม่จำกัดจำนวนครั้ง และในปี 2561 dHwfhเปิดตัวบัญชี TMB SME One Bank บัญชีเพื่อธุรกิจให้ลูกค้าเอสเอ็มอี โอน-รับ-จ่าย ข้ามธนาคาร ข้ามเขต ได้ทันที ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ไม่จำกัดจำนวนเงิน ผ่านแอปพลิเคชัน TMB Business Touch

    ธนาคารไทยพาณิชย์

    SCB ฟรีค่าธรรมเนียม 5 ธุรกรรมฮิต

    ไม่เก็บค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรม 5 ประเภทผ่าน SCB EASY ยกเลิกค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมการเงิน 5 ประเภทที่คนนิยมใช้กันมาก ได้แก่ 1. โอนข้ามเขต 2. โอนต่างธนาคาร 3. เติมเงินต่างๆ 4. จ่ายบิล 5. กดเงินโดยไม่ใช้บัตรข้ามเขต ผ่านแอปพลิเคชัน “SCB EASY”

    ธนาคารกสิกรไทย

    ยกเลิกค่าธรรมเนียมตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม จนถึงสิ้นปีนี้ ให้ลูกค้ารายย่อยและลูกค้าผู้ประกอบการที่ใช้บริการช่องทางดิจิทัล 4 ช่องทาง ได้แก่ K PLUS, K PLUS SME, K-Cyber, K-Cyber SME โดยไม่คิดค่าธรรมเนียมบริการยอดนิยมที่ลูกค้าใช้บริการมากที่สุด ได้แก่ โอนข้ามเขต/โอนต่างธนาคารแบบทันที จ่ายบิลค่าสินค้าและบริการ และการเติมเงิน

    ธนาคารกรุงเทพ

    ไม่คิดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมทางช่องทางดิจิทัล ผ่านโทรศัพท์มือถือ บัวหลวง เอ็มแบงก์กิ้ง และทางอินเทอร์เน็ต บัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง ที่ลูกค้านิยมใช้บริการโอนเงินข้ามเขต โอนเงินต่างธนาคารแบบทันที โอนเงินพร้อมเพย์ การชำระบิลค่าสินค้าและบริการ และบริการเติมเงิน พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมเอทีเอ็มสำหรับลูกค้าผู้ถือบัตรธนาคารกรุงเทพ ที่ทำธุรกรรมโอนถอนเงินข้ามเขตจากบัญชีธนาคาร และการโอนเงินไปบัญชีต่างธนาคารทางบัวหลวงเอทีเอ็ม

    ธนาคารกรุงไทย

    ไม่คิดค่าธรรมเนียมการโอนเงินข้ามเขต หรือโอนต่างธนาคารแบบทันที จ่ายบิลค่าสินค้าและบริการ บริการเติมเงิน เมื่อทำผ่าน KTB netbank

    ธนาคารเกียรตินาคิน

    ยกเว้นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมทางการเงินทุกประเภทผ่านช่องทางออนไลน์ (Internet และ Mobile Banking) ผ่านทาง KK e-Banking และ KK e-Banking @PhatraEdge ได้แก่ การโอนเงินต่างธนาคาร การโอนเงินข้ามเขตภายในธนาคาร การชำระค่าสินค้าและบริการ รวมถึงบริการเรียกเก็บเงินแบบไม่มีกำหนด

    พณ. แจง รถเร่บิ๊กซียังไม่เข้าข่ายผิด กม.

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (https://goo.gl/R4hKQ5)

    วันที่ 28 มีนาคม 2561 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) จัดสินค้าใส่รถกระบะเร่ขายตามหมู่บ้าน ว่า กระทรวงฯ ได้มีการสอบถามทางบิ๊กซีถึงข้อเท็จจริงว่าต้องการอะไร ซึ่งทางบิ๊กซีชี้แจงว่าเป็นโครงการนำร่อง ทดลองที่ จ.นครราชสีมา และยังไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจังหรือกำหนดเมื่อไหร่ ซึ่งในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ดูในหลักของกฎหมาย 2 ฉบับจะดูแลในเรื่องให้เกิดความเป็นธรรมต่อการค้า และการดำเนินการรถเร่ของบิ๊กซี ไม่ต้องขออนุญาตจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพราะเป็นการเพิ่มช่องทางจำหน่าย และไม่ได้ขยายสาขาใหม่ แต่อาจต้องไปดูในกฎหมายอื่น เช่น คมนาคม เกี่ยวกับระเบียบของการใช้รถยนต์เพื่อการค้าขาย ดังนั้น ตอนนี้กระทรวงพาณิชย์จึงไม่มีการดำเนินการอย่างไร แต่หากมีการร้องเรียนหรือพฤติกรรมให้เกิดความเสียหายต่อผู้ประกอบการก็จะเข้ากระบวนการพิจารณาตามกฎหมายที่กระทรวงฯ ดูแล คือ กฎหมายแข่งขันทางการค้า และกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีการพิจารณาในหลายเรื่อง เช่น ใช้อำนาจเหนือตลาด กำหนดราคาไม่เป็นธรรม กีดกันการค้าจากผู้ผลิต เป็นต้น ซึ่งถึงขณะนี้ยังไม่มีการร้องเรียนใดๆ หรือ เห็นว่าเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายแข่งขัน

    “เรื่องนี้ยังไม่มีผู้ร้องเรียนที่ได้รับผลกระทบจากกรณีนี้ แต่กระกระทรวงพาณิชย์ก็เข้ามาดูแล ตรวจสอบ หากมีข้อร้องเรียนจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับใดบ้าง ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ออกมาสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลเรื่องนี้นั้น ยืนยันว่าในที่ประชุม ครม. ไม่มี เป็นการให้สัมภาษณ์กับสื่อ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็เข้าไปดูแลตั้งแต่มีเรื่องแล้ว” นายสนธิรัตน์กล่าว

    นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า กระทรวงฯก็จะใช้โอกาสนี้ ออกมาตรการเสริมในการดูแลรถเร่ทั่วไปหรือรถพุ่มพ่วง โดยสั่งการให้กรมการค้าภายในและกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ไปดำเนินการ ซึ่งตามแนวคิดจะประสานตลาดสดหรือตลาดค้าส่งค้าปลีกทั่วประเทศ เพื่อเป็นจุดรวมรวบรถเร่ที่เข้ามาซื้อสินค้าในตลาดค้าส่งค้าปลีก ให้เกิดการรวมกลุ่มกัน เชื่อมโยงกับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่สามารถป้อนสินค้าต้นทุนต่ำ และสินค้าปลอดภัย จากนั้นก็จะเปิดรับฟังความต้องการ และส่งเสริมให้เป็นรถเร่ที่มีสีสัน และมาตรฐานเดียวกัน หากรายใดเข้มแข็งก็ส่งเสริมให้ขยายแฟรนไชส์ เบื้องต้นไม่มีแนวคิดในเรื่องช่วยเหลือด้านการเงิน โดยสั่งการให้ดำเนินการหลังเทศกาลสงกรานต์

    นายสนธิรัตน์กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของการค้าโลก สัญญาณของ 4.0 ที่ตลอดเวลาจะมีการเปลี่ยนแปลง การค้าแบบใหม่จะเกิดขึ้นได้ในลักษณะนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ รัฐบาลก็มีการส่งเสริมรายย่อยและดูแลประชาชนผ่านโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการร้านธงฟ้าประชารัฐ รถเร่ก็จะเป็นอีกแนวทางที่จะดูแลต่อไป แต่ต้องทำให้เป็นระบบก่อน

    รัสเซียสั่งขับ 60 นักการทูตสหรัฐฯ ออกนอกประเทศ โต้กล่าวหาวางยาอดีตสายลับชาติตัวเอง

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์บีบีซีไทย (https://bbc.in/2pPPhMt)

    เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานว่า รัสเซียได้สั่งขับนักการทูตสหรัฐฯ 60 คน ออกนอกประเทศ พร้อมประกาศว่าจะสั่งขับนักการทูตของประเทศอื่นๆ ที่ร่วมกับสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ต่อต้านรัฐบาลรัสเซียในกรณีอดีตสายลับรัสเซียถูกวางยาพิษ

    การตอบโต้ของรัสเซียครั้งนี้ ถือเป็นการสั่งขับนักการทูตต่างชาติออกนอกประเทศจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่ยุคสงครามเย็น โดยเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ได้รับแจ้งให้ปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กด้วย

    ด้านทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ว่า การตัดสินใจของรัสเซียเป็นสัญญาณว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียกำลังถดถอยลงอีก แต่ “การตอบโต้ของรัสเซีย ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ได้คาดหมายมาก่อน และสหรัฐฯ จะจัดการกับเรื่องนี้”

    การที่รัสเซียสั่งขับนักการทูตครั้งนี้ เหมือนกับที่หลายชาติตะวันตกได้สั่งขับนักการทูตรัสเซียก่อนหน้านี้ และดูเหมือนว่ารัฐบาลรัสเซียจะไม่ต้องการให้การเผชิญหน้าบานปลายในกรณีของนายเซอร์เก สกริปาล อดีตสายลับรัสเซียและนางสาวยูเลีย สกริปาล ซึ่งเป็นลูกสาว ที่ถูกวางยาพิษในเมืองซอลส์บรี เมื่อวันที่ 4 มีนาคม

    ก่อนหน้านี้ องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต มีคำสั่งขับนักการทูตรัสเซีย 7 รายที่ประจำอยู่ในสำนักงานใหญ่ที่กรุงบรัสเซลล์ของเบลเยียมกลับประเทศ หลังจากสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรรวมทั้งสมาชิกสหภาพยุโรปหรืออียู ได้สั่งขับนักการทูตรัสเซียในประเทศของตนแล้วกว่า 140 ราย

    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุก่อนหน้านี้ว่าอาจโต้กลับ “การกระทำที่ไม่มีเหตุผลและน่าเสียใจ” ของรัสเซีย ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าวิกฤตนี้อาจรุนแรงขึ้นอีก

    “เราขอสงวนสิทธิ์ที่จะตอบโต้เพิ่ม ซึ่งเรากำลังทบทวนทางเลือกที่มีอยู่” นางเฮเธอร์ นูเอิร์ท โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวพร้อมเสริมว่าการทำร้ายนายสกริปาลและลูกสาว ถือว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศที่ห้ามอาวุธเคมี แต่ปฏิเสธที่จะอธิบายว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ อาจใช้มาตรการอะไรเพิ่มเติมบ้าง

    รัฐบาลสหราชอาณาจักร กล่าวหารัสเซียว่าอยู่เบื้องหลังการวางยาพิษ และได้รับแรงสนับสนุนจากหลายประเทศตะวันตกที่ร่วมกันสั่งขับนักการทูตรัสเซีย โดยสหรัฐฯ อ้างว่านักการทูตรัสเซีย 60 ที่เลือกสั่งขับออกนอกประเทศครั้งนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองที่ใช้ตำแหน่งทางการทูตบังหน้า

    “สหรัฐฯ ร่วมกับประเทศอื่น ตัดสินใจขับสายลับรัสเซียออกนอกประเทศ” นางนูเอิร์ท กล่าว “เราไม่ได้มองว่านี่เป็นการตอบโต้ทางการทูต”

    แม้รัสเซียจะปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำร้ายนายสกริปาลและลูกสาว แต่กรณีนี้ทำให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กำลังต้องเผชิญกับอุปสรรคทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางการแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันของชาติตะวันตกที่ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก โดยแม้แต่ประเทศที่เป็นมิตรกับรัสเซียก็ยังร่วมตอบโต้ด้วย

    นายจอน ฮันส์ท์แมน เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ถูกเชิญไปยังกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียและแจ้งว่านักการทูตสหรัฐฯ 60 คน มีเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่จะออกจากรัสเซีย เนื่องจากก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้สั่งขับนักการทูตรัสเซียจำนวน 60 คนเท่ากัน และในระหว่างการเข้าพบนายเซอร์เก รยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยฯ ต่างประเทศรัสเซีย เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ยังได้รับแจ้งว่ารัสเซียจะปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เพื่อตอบโต้ที่รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งปิดสถานกงสุลรัสเซียในเมืองซีแอตเติลด้วย

    นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า “ส่วนประเทศอื่นๆ เราจะตอบโต้ทุกอย่างเท่ากันในแง่ของจำนวนนักการทูตที่จะสั่งขับออกนอกประเทศ และในขณะนี้จะตอบโต้เพียงเท่านี้”

    มาตรการตอบโต้นี้ จะมีผลกับหลายประเทศ รวมถึงฝรั่งเศส เยอรมนี และโปแลนด์ ซึ่งจะถูกขับนักการทูตออกจากรัสเซียประเทศละ 4 คน เท่าๆ กัน ยูเครนมีนักการทูต 13 คนที่ต้องส่งกลับ และเดนมาร์ก อัลเบเนีย และสเปนประเทศละสองคน ส่วนสหราชอาณาจักร รัสเซียได้ตอบโต้ด้วยการสั่งขับนักการทูต 23 คนก่อนหน้านี้แล้ว