ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “สันธนะ” อ้างมีข้อมูลลับฉ้อโกง เล็งสอบ 88 สน. รับส่วย – สะบั้นสัมพันธ์บิ๊กแป๊ะ และ “มหาเธร์คว้าชัยเลือกตั้งมาเล ก้าวสู่นายกฯ อายุมากที่สุดในโลก”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “สันธนะ” อ้างมีข้อมูลลับฉ้อโกง เล็งสอบ 88 สน. รับส่วย – สะบั้นสัมพันธ์บิ๊กแป๊ะ และ “มหาเธร์คว้าชัยเลือกตั้งมาเล ก้าวสู่นายกฯ อายุมากที่สุดในโลก”

12 พฤษภาคม 2018


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 5-11 พ.ค. 2561

  • “สันธนะ” บุกทำเนียบ อ้างมีข้อมูลลับฉ้อโกง เล็งสอบ 88 สน. รับส่วย สะบั้นสัมพันธ์บิ๊กแป๊ะ
  • ยืดไปอีก เลขา ป.ป.ช. แจง สรุปผลสอบนาฬิกาประวิตรไม่ทัน พ.ค.
  • Airbnb ผิด กม.ไทย ศาลหัวหินฟันผิด พ.ร.บ.โรงแรม
  • สมาพันธ์นักบินนานาชาติเตือน แท็กซี่เวย์สุวรรณภูมิมีความเสี่ยง
  • มหาเธร์คว้าชัยเลือกตั้งมาเล ก้าวสู่นายกฯ อายุมากที่สุดในโลก
  • “สันธนะ” บุกทำเนียบ อ้างมีข้อมูลลับฉ้อโกง เล็งสอบ 88 สน. รับส่วย สะบั้นสัมพันธ์บิ๊กแป๊ะ


    คลิปข่าว พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ ปะทะคารมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าตรวจค้นตลาดใหม่ดอนเมือง
    ที่มาคลิป: ยูทูบ เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร (https://goo.gl/ytVyjC)

    คลิปข้างต้น เป็นเหตุการณ์ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานอื่นๆ ระดมกำลังกว่า 700 นาย เข้าตรวจค้นตลาดใหม่ดอนเมืองเป็นวันที่ 4 เพื่อขยายผลตรวจค้นแหล่งผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์และอาหารเสริมผิดกฎหมาย รวมทั้งมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่หน้าตลาดเพื่อตรวจสอบสินค้า ซึ่งในระหว่างที่ดำเนินการนั้น พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับตำรวจสันติบาล ได้เดินทางมาโดยอ้างตัวว่าเป็นที่ปรึกษาประธานกรรมการ บริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง จำกัด พร้อมยื่นหนังสือเรียกร้องขอคืนพื้นที่เพื่อทำการก่อสร้างเพิ่มเติมตามสัญญา รวมทั้งถามความจำเป็นในการตั้งศูนย์ปฏิบัติการดังกล่าว จนเกิดการปะทะคารมดังที่เห็นในคลิปขึ้น

    นอกจากนี้ พ.ต.ท. สันธนะ ยังเปิดเผยกับสื่อว่าการตรวจค้นในครั้งนี้นั้นมีลักษณะเหมือนเป็นการกลั่นแกล้ง เนื่องจากตนเองนั้นรู้ข้อมูลการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งต่อกรณีดังกล่าว ทั้ง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแหง่ชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรี และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต่างก็มีความเห็นไปในทางเดียวกันว่าหากมีข้อมูลจริงก็ขอให้แจ้งมา ทั้งต่างกล่าวกับสื่อในลักษณะว่าไม่ควรให้ความสำคัญกับคำกล่าวอ้างดังกล่าว

    ต่อมา วันที่ 9 พ.ค. 2561 พ.ต.ท. สันธนะ ก็ได้เดินทางไปยื่นหนังสือข้อมูลการทุจริตแก่ พล.อ. ประยุทธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยยืนยันจะยื่นหนังสือให้ พล.อ. ประยุทธ์ โดยตรง หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องยื่นกับทหารที่ พล.อ. ประยุทธ์ มอบหมายมาเท่านั้น เพราะเกรงความลับจะรั่วไหล ทั้งยังกล่าวอ้างว่าการที่ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงตนในลักษณะว่ามาก่อกวนวุ่นวาย รวมทั้งท้าทายให้เอาข้อเท็จจริงออกมาเปิดเผย ทำให้ตนรู้สึกไม่ปลอดภัยจนต้องไปหลบในเซฟเฮาส์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนก็เคยถูกลอบทำร้ายมาหลายครั้งทั้งด้วยปืนและระเบิด

    อย่างไรก็ดี พ.ต.ท. สันธนะ ไม่ได้พบกับ พล.อ. ประยุทธ์ แต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชนได้พูดคุยทำความเข้าใจกับ พ.ต.ท. สันธนะ เป็นเวลา 30 นาที พ.ต.ท. สันธนะ ได้ยื่นข้อเสนอขอนายให้นายทหาร 2 นาย กับรถ 1 คัน นำตนเองและผู้ติดตามไปเอาเอกสารการทุจริตดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธ พ.ต.ท. สันธนะ จึงขออย่าแจ้งข้อกล่าวหาว่าตนมาสร้างความวุ่นวายหรือหลอกลวง พร้อมทั้งยืนยันว่าตนนั้นมีเอกสารจริงๆ ก่อนจะเดินทางกลับ

    ต่อมา พ.ต.ท. สันธนะ ได้ไปออกรายการ “ถามตรงๆ กับจอมขวัญ” โดยในตอนหนึ่งนั้น พ.ต.ท. สันธนะ ได้กล่าวถึงการรับส่วยในแวดวงตำรวจว่า “โรงพักทุกโรงพักมีส่วยมั้ย? คุณช่วยไปสอบถามประชาชนซิว่า ‘มีส่วยมั้ย’ โรงพักมีเงินค่าส่วนกลางมั้ย ผมจะไปสอบ 88 สน. ในนครบาล มีส่วยมั้ย แล้วผลจะเอาข้อมูลมาแสดงให้ดูว่า เก็บใครที่ไหนเท่าไร ตำรวจทุกคนที่เข้ามาจับกุมยืนยันได้มั้ยว่าตัวเองขาวบริสุทธิ์ ไม่เคยรับส่วย ? ทำค่าใช้จ่ายให้มันชัดเจนจะได้ไม่ต้องไปหักเงินลูกน้องซื้อแอร์กัน”

    นอกจากนี้ พ.ต.ธ. สันธนะ ยังบอกว่า สำหรับความสัมพันธ์ของตนเองกับ ผบ.ตร. (พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา) ในฐานะพี่กับน้องมันจบลงไปแล้ว แต่ในฐานะ ผบ.ตร. กับประชาชนยังคุยกันได้ หากจะให้ฝากคำพูดถึง ผบ.ตร. ก็จะบอกว่า “ที่ผ่านมาน้องรู้ตัวเองดีว่าน้องเคยทำอะไรมาบ้าง”

    ล่าสุด เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 พฤษภาคม 2561 พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) เปิดเผยถึงการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่เรียกรับเงินจากผู้ค้าในตลาดใหม่ดอนเมือง ว่า ในส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล หลังจากพ่อค้าแม่ค้าเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกว่า 200 คน และจากการตรวจค้นสำนักงานที่ตลาดใหม่ดอนเมือง เมื่อช่วงเช้าพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นศาลพิจารณาคำร้องได้อนุมัติหมายจับ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ข้อหากรรโชกทรัพย์ จำนวน 9 หมาย เป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ นอกจากนั้นยังออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 10 คน รวม 45 หมายจับ

    เรียบเรียงจาก

    ยูทูบ เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร
    ยูทูบ TNN 24
    เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์
    เว็บไซต์เดลินิวส์
    เว็บไซต์ไทยรัฐ
    เว็บไซต์ไทยรัฐ

    ยืดไปอีก เลขา ป.ป.ช. แจง สรุปผลสอบนาฬิกาประวิตรไม่ทัน พ.ค.

    ที่มาภาพ : https://social.tvpoolonline.com/

    เว็บไซต์คมชัดลึกรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2561 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยความคืบหน้าคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบการเป็นเจ้าของนาฬิกาที่แท้จริง คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน
     
    นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า เนื่องจากนาฬิกาแต่ละเรือนมีหมายเลขกำกับ โดยสามารถตรวจสอบกับตัวแทนจำหน่ายได้ แต่อาจต้องใช้เวลาเนื่องจากมีนาฬิกากว่า 20 เรือน ส่วนการสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวขณะนี้สอบครบถ้วนแล้ว รวมทั้งทายาทของนายปัทวาท สุขศรีวงศ์ เพื่อนของ พล.อ. ประวิตร ก็ได้ชี้แจงมาแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่ามีการยืนยันการเป็นเจ้าของนาฬิกาหรือไม่
     
    ส่วนการจะเรียกสอบพยานบุคคลเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องรอดูผลการชี้แจงของตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาอีกครั้งหนึ่งก่อน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการดำเนินการของ ป.ป.ช. ไม่ได้ชะงัก แต่การตรวจสอบจะต้องรอพยานหลักฐานจึงจะสามารถดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ยอมรับว่าอาจเสร็จไม่ทันภายในเดือนพฤษภาคม 2561 นี้ และอาจจะใช้เวลาอีก 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับการชี้แจงของตัวแทนจำหน่ายนาฬิกา

    Airbnb ผิด กม.ไทย ศาลหัวหินฟันผิด พ.ร.บ.โรงแรม

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ (https://goo.gl/iUqd8U)

    วันที่ 11 ต.ค. 2561 เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์รายงานว่า คณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุดวันเวลา หัวหิน เขาเต่า ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมหรูบนพื้นที่ 20 ไร่ ตั้งอยู่ในซอยหัวหิน 101 ถนนเพชรเกษม ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับหนังสือจากทางที่ว่าการอำเภอหัวหิน ที่ ปข. 0418/1662 ลงวันที่ 26 เม.ย. 2561 ลงนามโดย นายสมเจตร์ เจริญทรง ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ) รักษาราชการแทนนายอำเภอหัวหิน เพื่อติดตามสอบถามความคืบหน้าการเข้าดำเนินการตรวจสอบห้องพักที่มีการปล่อยเช่ารายวันและสัปดาห์

    ระบุว่า อำเภอหัวหินได้เข้าดำเนินการตรวจสอบห้องพักที่มีการปล่อยเช่ารายวัน และรายสัปดาห์ในพื้นที่อาคารชุด วันเวลา หัวหิน เขาเต่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2560 ที่ผ่านมา โดยอำเภอได้ทำการตรวจสอบห้องพักจำนวน 3 ห้อง และฟ้องดำเนินคดีแล้ว 2 คดี คดีแรกพิพากษาเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2561 คำพิพากษาจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2547 มาตรา 4, 15, 59 รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 5,000 บาท และปรับรายวัน วันละ 500 บาท เป็นเวลา 20 วัน เป็นเงิน 10,000 บาท

    คดีที่สอง พิพากษาเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2561 คำพิพากษาจำเลยมีความผิดตามฟ้อง รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 5,000 บาท และปรับรายวัน วันละ 100 บาท เป็นเวลา 81 วัน คงปรับ 5,000 บาท และปรับรายวัน วันละ 100 บาท เป็นเวลา 81 วัน เป็นเงิน 8,100 บาท ส่วนคดีที่ 3 อยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวนอำเภอหัวหิน ส่วนสำเนาคำฟ้องและคำตัดสินของศาลไม่ได้อยู่ในความครอบครองของอำเภอหัวหิน ให้ติดต่อศาลจังหวัดหัวหินต่อไป

    สำหรับกรณีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากผู้ซื้อห้องชุดในอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมบางราย นำห้องชุดไปปล่อยให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเช่ารายวันและรายสัปดาห์ ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน แอร์บีเอ็นบี (Airbnb) ทำให้กลายเป็นที่ถกเถียงกันระหว่างฝ่ายที่เห็นว่า ไม่ต้องการให้มีคนแปลกหน้าเข้ามาในคอนโดมิเนียมของตน และเห็นว่าการปล่อยให้ผู้อื่นเช่าห้องชุด จะต้องให้เช่ารายเดือน อย่างน้อย 30 วันขึ้นไป กับฝ่ายที่เป็นเจ้าของห้องชุด ที่ต้องการผลตอบแทน และอ้างว่ามีอัยการรายหนึ่ง ให้สัมภาษณ์ว่า การให้เช่าห้องชุดรายวันเป็นสิทธิส่วนบุคคลของเจ้าของห้อง ทั้งนี้ จากคำพิพากษาดังกล่าว ถือว่าผู้ปล่อยเช่ารายวันในคอนโดมิเนียม โดยไม่มีใบอนุญาตโรงแรม มีความผิดตาม พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2547 มีโทษทั้งจำคุกและปรับ

    สำหรับ พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2547 พบว่าในมาตรา 4 ระบุถึงนิยามของคำว่าโรงแรม หมายความว่า สถานที่พักจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในทางธุรกิจเพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวสำหรับคนเดินทางหรือบุคคลอื่นใดโดยมีค่าตอบแทน ซึ่งพบว่าได้มีข้อยกเว้น ที่พักชั่วคราวของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือเพื่อการกุศล หรือการศึกษา โดยมิใช่เป็นการหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน และสถานที่พักให้บริการที่พักอาศัยโดยคิดค่าบริการเป็นรายเดือนขึ้นไปเท่านั้น

    โดยนอกจากมาตรา 15 ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบธุรกิจโรงแรม เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนแล้ว ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่น หลักเกณฑ์เงื่อนไขเกี่ยวกับสถานที่ตั้ง ขนาด ลักษณะ สิ่งอำนวยความสะดวก และมาตรฐานการประกอบธุรกิจโรงแรมของแต่ละประเภท รวมทั้งยังต้องมีการลงทะเบียนผู้เข้าพัก ตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2547 และผู้จัดการโรงแรมส่งสำเนาทะเบียนผู้พัก ไปให้นายทะเบียนทุกสัปดาห์ ส่วนชาวต่างชาติต้องแจ้งข้อมูลให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ผ่านระบบออนไลน์ทราบภายใน 24 ชั่วโมงหลังเข้าพัก

    สำหรับความผิดในการนำห้องชุดไปให้เช่ารายวันและรายสัปดาห์ จะมีความผิดในข้อหาประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่มีใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2547 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่

    สมาพันธ์นักบินนานาชาติเตือน แท็กซี่เวย์สุวรรณภูมิมีความเสี่ยง

    วันที่ 10 พ.ค. 2561 เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า นายสนอง มิ่งเจริญ นายกสมาคมนักบินไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา สมาพันธ์นักบินนานาชาติ (International Federation of Air Line Pilots’ Associations: IFALPA) ได้ออกคำเตือนไปยังสมาชิกที่เป็นนักบินพาณิชย์จากทั่วโลก เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้งานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของประเทศไทย โดยระบุว่าปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในการใช้งานบริเวณทางขับขับเคลื่อนเครื่องบิน (Taxi way) ระหว่างลานจอดอากาศยานกับทางวิ่งเครื่อง (RUNWAY) สำหรับให้เครื่องบินขึ้นลง เนื่องจากตรวจพบว่าพื้นสนามบินบริเวณทางขับมีสภาพพื้นผิวที่อ่อนนิ่มเพราะมีน้ำอยู่ด้านล่าง และปัจจุบันมีเที่ยวบินขึ้นลงจำนวนมากทำให้พื้นผิวเกิดชำรุด เป็นหลุมยุบหลายจุด จึงมีความเสี่ยงที่จะมีเศษยางมะตอยหรือหินที่หลุดร่อนออกจากผิวทางขับอาจจะกระเด็นเข้ามายังภายในเครื่องยนต์ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับอากาศยาน จึงได้แจ้งเตือนให้นักบินที่ทำการบินมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มความระมัดระวังในระหว่างที่ขับเครื่องบินบนแท็กซี่เวย์

    “หลังจากนี้สมาคมนักบินไทยจะนำเอกสารคำเตือนจากสมาพันธ์นักบินนานาชาติไปพิมพ์เป็นโปสเตอร์ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้นักบินคนไทยที่เป็นสมาชิกของสมาคมราว 1500 คน ให้เพิ่มระวังการขับเครื่องบินบนทางขับ เบื้องต้นอาจใช้วิธี หลีกเลี่ยงการจอดเครื่องบินที่จุดซ้ำ ๆ เพื่อลดการกดทับพื้นผิว และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหลุมยุบขึ้นอีก เพราะเครื่องบินมีน้ำหนักมาก ซึ่งหากขับไม่ระวังและมีเศษยางมะตอยที่หลุดร่อยหรือหินกระเด็นเข้าเครื่องยนต์ เครื่องบินก็จะเสียไม่สามารถขึ้นบินได้”

    นายสนองกล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ซึ่งเป็นเจ้าของสนามบินก็ได้พยายามแก้ไขซ่อมแซมทางขับแต่เป็นการซ่อมแบบชั่วคราวด้วยการใช้แอสฟัลท์หรือยางมะตอย ไม่ได้ซ่อมแบบถาวรหรือซ่อมใหญ่ ทำให้ปัญหาหลุมยุบยังเกิดขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ ทอท. ไม่สามารถแจ้งปิดซ่อมได้ในระยะยาว เพราะปัจจุบันมีเที่ยวบินขึ้นลงจำนวนมาก อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ทอท. ควรจะต้องหาวิธีในการปิดซ่อมแซมรูปแบบใหม่เช่นอาจจะใช้รูปแบบการซ่อมแบบกึ่งถาวรซึ่งเชื่อว่าสามารถทำได้ เพื่อให้พื้นผิวทางขับมีความมั่นคงแข็งแรง ปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นกับอากาศยานได้

    มหาเธร์คว้าชัยเลือกตั้งมาเล ก้าวสู่นายกฯ อายุมากที่สุดในโลก

    เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า เมื่อ 10 พ.ค. 2561 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าการเลือกตั้งทั่วไปในมาเลเซีย ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2561 เมื่อนายมหาเธร์ โมฮัมหมัด นำกลุ่มพรรคพันธมิตรฝ่ายค้าน คว้าชัยชนะไปอย่างถล่มทลาย ว่า นอกจากนายมหาเธร์ โมฮัมหมัดจะสร้างประวัติศาสตร์โค่นอำนาจกลุ่มพรรคพันธมิตรร่วมรัฐบาล ‘บาริซาน เนชั่นแนล’ (บีเอ็น) นำโดยพรรคอัมโน ที่กุมอำนาจบริหารประเทศมายาวนานถึง 61 ปีแล้ว นายมหาเธร์ในวัย 92 ปี ยังสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำประเทศที่อายุมากที่สุดในโลกอีกด้วย

    นายมหาเธร์ ซึ่งหวนกลับมาสู่เส้นทางการเมืองอีกครั้ง หลังวางมือไปนานนับ 15 ปี ได้ประกาศชัยชนะต่อบรรดาผู้สนับสนุนหลังคณะกรรมการเลือกตั้งมาเลเซียแจ้งผลการเลือกตั้งทั่วไปออกมาว่า กลุ่มพรรคพันธมิตรฝ่ายค้าน ในชื่อ ‘ปากาตัน ฮาราปัน’ หรือ แนวร่วมแห่งความหวัง ได้ที่นั่งในสภาถึง 113 ที่นั่ง จากทั้งหมด 222 ที่นั่ง ขณะที่พรรคพันธมิตรร่วมรัฐบาลภายใต้การนำของนายนาจิบ ราซัค หรือ บีเอ็น ได้ที่นั่งเพียงแค่ 79 ที่นั่งเท่านั้น หลังจากนายนาจิบ ได้ถูกโจมตีอย่างหนักในข้อหาทุจริตเงินกองทุนของรัฐหลายพันล้านดอลลาร์ ผ่านการจัดตั้งกองทุน 1MDB

    ‘ไม่ใช่แค่ได้คะแนนเสียงเล็กน้อย ไม่ใช่ได้แค่ที่นั่งในสภาไม่เท่าไหร่ แต่เป็นชัยชนะอย่างถล่มทลาย’ นายมหาเธร์ ประกาศชัยชนะการเลือกตั้ง พร้อมทั้งยังคาดหวังว่าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะมีขึ้นในวันพฤหัสฯ ที่ 10 พ.ค. 2561 นี้ เพื่อจะได้รีบเข้ามาแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมือง

    ทั้งนี้ นายมหาเธร์ เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ยาวนานถึง 22 ปี ตั้งแต่ปี 2524 จนถึง 2546 ซึ่งสมัยนายมหาเธร์ เป็นผู้นำประเทศ เขาได้สร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับมาเลเซีย จนกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับการขนานนามว่า ‘หนึ่งในเสือแห่งเอเชีย’ ด้วยเศรษฐกิจของมาเลเซียมีการขยายเติบโตอย่างมากในช่วงทศวรรษ 1990

    แต่ขณะเดียวกัน นายมหาเธร์ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากการที่เขาใช้อำนาจสั่งปลดนายอันวาร์ อิบราฮิม ซึ่งถือเป็นนักการเมืองดาวรุ่งให้พ้นไปจากเส้นทางการเมือง ด้วยข้อหาคอร์รัปชันและมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย อย่างไรก็ตาม หลังจากวางมือทางการเมือง หยุดไปพักผ่อนนานถึง 15 ปี นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด ได้ตัดสินใจหวนสู่สังเวียนการเมืองอีกครั้ง และนำกลุ่มพรรคพันธมิตรฝ่ายค้าน คว้าชัยชนะเลือกตั้งไปแบบช็อกโลก