หลังผ่านวันเกิดวัย 78 ปีมาเมื่อเร็วๆ นี้เจ้าสัวธนินท์ ได้จัดหลักสูตรเป็นโมเดลสร้าง “คน” ตามความฝันของเจ้าสัว ที่ต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มีอาชีพ และสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจเองเพื่อสร้างความยั่งยืนไปกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต
“โครงการปั้นเถ้าแก่น้อยสู่เวทีโลก” หรือ “โครงการเถ้าแก่น้อยอินเตอร์” จัดอบรมผู้นำคนรุ่นใหม่ให้มีความรู้และประสบการณ์ในธุรกิจร้านอาหาร โดยผู้ได้รับคัดเลือกให้เข้าอบรมคือพนักงานหนุ่มสาวของเครือซีพี 500 คน จาก 3 ประเทศ คือ ไทย อินเดีย และจีน ซึ่งมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีและมีทักษะความเป็นผู้นำ
หลักสูตรที่ใช้เวลาฝึกอบรมไม่เกิน 6 เดือนนี้ เน้นการปฏิบัติจริง ผู้เข้าอบรมจะได้เรียนรู้ตั้งแต่เรื่องวัตถุดิบ การประกอบอาหาร ไปจนถึงการวางแผนบริหารจัดการ ทั้งในด้านการตลาด บริการ ต้นทุน การคิดค้นเมนูอาหาร ทำเลที่ตั้ง การออกแบบตกแต่งร้านให้โดนใจผู้ บริโภค รวมถึงการใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่
หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรสร้างผู้นำรุ่นใหม่ให้กับคนในเครือ โดยเน้นให้ได้เรียนรู้และปฏิบัติจริงในทุกด้านเสมือนเป็นเถ้าแก่เจ้าของกิจการเอง ต่อยอดการขายเพื่อให้เกิดเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับ “สตาร์ทอัป” ที่กำลังโด่งดัง
เจ้าสัวธนินท์เน้นชูบทบาท “เถ้าแก่” โดยบอกว่า แม้คำนี้จะฟังดูเป็นคำเก่าโบราณ แต่ “เถ้าแก่” นั้นมีตัวตนและมีตำนานความสำเร็จที่จับต้องได้จริง พิสูจน์แล้วว่าเป็นเจ้าของธุรกิจด้วยตนเองได้จริงทุกยุคทุกสมัย เจ้าสัวจึงคิดสร้างชื่อ “เถ้าแก่น้อยอินเตอร์” ให้เป็นแบรนด์ของคนรุ่นใหม่ที่สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดกับแนวทางธุรกิจของโลกอนาคต ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นเอสเอ็มอีหรือสตาร์ทอัป
งานนี้ เจ้าสัวใช้เครือข่ายร้านอาหารเชสเตอร์กริลล์, ร้านค้าปลีก 7-11, ร้านกาแฟมวลชน, True Coffee และ True Shop เป็นโรงเรียนกระจายนักศึกษาลงเรียนรู้และปฏิบัติจริง โดยมีอาจารย์ใหญ่ธนินท์ติดตามเยี่ยมชมการฝึกอบรมภาคสนามอย่างใกล้ชิด แม้ก่อนจบหลักสูตรที่ผู้เข้าอบรมทุกคนต้องเสนอแผนงาน เจ้าสัวก็ให้เวลานั่งฟังและแนะนำร่วมให้คะแนนการนำเสนอแผนของนักศึกษาแต่ละกลุ่มอย่างตั้งใจ
และเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ธนินท์ เจียรวนนท์ ได้เป็นประธานมอบประกาศนียบัตรแก่บรรดานักศึกษาที่จบหลักสูตรรุ่นแรก “เถ้าแก่น้อยอินเตอร์” จำนวน 250 คน ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่คัดเลือกจากประเทศไทยและประเทศจีน ส่วนรุ่น 2 จะจบตามมาในอีก 5 เดือนข้างหน้า จะมีเถ้าแก่น้อยอินเตอร์จาก 3 ประเทศ คือ ไทย จีน และอินเดีย กว่า 236 คน อีกทั้งในอนาคตจะมีคนรุ่นใหม่จากแถบประเทศยุโรปและอเมริกา ซึ่งสามารถส่งสร้าง “เถ้าแก่น้อย” ไปทั่วนานาชาติ สู่เวทีโลก
ผลงานปฏิบัติจริงจากผู้เข้าหลักสูตรอบรมรุ่นแรก ได้มีร้านอาหารเกิดขึ้นจริงจากไอเดียกลุ่มนักศึกษา จำนวน 2 ร้าน คือ ปาปาเบอร์เกอร์ และ ฮาบุราเมง ที่อาคาร G ทาวเวอร์ เปิดขายโดยกลุ่มนักศึกษานานาชาติอย่างเป็นทางการแล้ว
พีธีสำคัญนี้ได้จัดขึ้น ณ สถาบันผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ (C.P. LEADERSHIP INSTITUTE) โดยประธานอาวุโสซีพี ธนินท์ เจียรวนนท์ ได้เชิญคณะการหอการค้าแห่งประเทศไทย นำโดย กลินท์ สารสิน ประธานหอการค้าไทย เข้าร่วมชมศึกษาโครงการ และได้ให้เกียรติร่วมยินดีและชื่นชมคนรุ่นใหม่ที่มีโอกาสได้เข้าร่วมการอบรมจนจบ และก้าวสู่การเป็น “เถ้าแก่น้อยอินเตอร์” เป็นผลการผลิตรุ่นแรกอันจะนำไปสู่ความยั่งยืนต่อการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศตามนโยบาย 4.0
ด้วยความเชื่อของ ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ว่า หากสามารถพัฒนาคนที่เก่งและดีได้สำเร็จ คนเหล่านั้นก็จะสามารถสร้างธุรกิจ สร้างงาน และสร้างประโยชน์ ให้กับสังคมและประเทศชาติได้อีกหลายเท่าทวีคูณ