ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “ศาลฎีกาฟัน งดขยายเวลาฎีกากรณีแกนนำ พธม. ชดใช้ 522 ล้าน คดีปิดสนามบิน” และ “ดูแตร์เต ยัน หากลูกคนไหนเอี่ยวยาให้ฆ่าได้”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “ศาลฎีกาฟัน งดขยายเวลาฎีกากรณีแกนนำ พธม. ชดใช้ 522 ล้าน คดีปิดสนามบิน” และ “ดูแตร์เต ยัน หากลูกคนไหนเอี่ยวยาให้ฆ่าได้”

23 กันยายน 2017


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 16-22 ก.ย. 2560

  • ศาลฎีกาฟัน งดขยายเวลาฎีกากรณีแกนนำ พธม. ชดใช้ 522 ล้าน คดีปิดสนามบิน
  • คุมตัว-จับสึก พระนักเคลื่อนไหวทางศาสนา – องค์กรชาวพุทธฯ ค้าน-จี้ปล่อยตัว
  • ขสมก. แจง ครบกำหนดทดลอง-หยุดปฏิรูปรถเมล์
  • ปลัดคลังเผย ขรก. เบี้ยวหนี้ กยศ. 6 หมื่นราย
  • ดูแตร์เต ยัน หากลูกคนไหนเอี่ยวยาให้ฆ่าได้
  • ศาลฎีกาฟัน งดขยายเวลาฎีกากรณีแกนนำ พธม. ชดใช้ 522 ล้าน คดีปิดสนามบิน

    เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานว่า วันที่ 21 ก.ย. 2560 ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ได้อ่านคำสั่งศาลฎีกาในคดีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ปิดสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อปี 2551 โดยพิจารณาตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ยื่นขอขยายระยะเวลาฎีกาในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล และพวกรวม 13 คน แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เป็นเงินกว่า 522 ล้านบาท

    พล.ต. จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายพิภพ ธงไชย, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายอมร อมรรัตนานนท์, นายนรัญยู หรือศรัณยู วงษ์กระจ่าง, นายสำราญ รอดเพ็ชร, นายศิริชัย ไม้งาม, นางมาลีรัตน์ แก้วก่า และนายเทิดภูมิ ใจดี ตกเป็นจำเลยร่วมกันในคดีฟ้องละเมิดเรียกค่าเสียหาย จากกรณีร่วมกันปิดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิเมื่อปี 2551 โดยต้องชดใช้พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 3 ธ.ค. 2551

    คดีฟ้องละเมิดค่าเสียหายแกนนำพันธมิตรจากการชุมนุมปิดสนามบินไม่ใช่เพียงคดีเดียวฟ้องร้องต่อแกนนำ พธม. แต่ยังมีคดีที่บริษัท วิทยุการบิน ฟ้องเรียกค่าเสียหายกว่า 103 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยรอยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งคดีนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง

    ส่วนคดีอาญาข้อหาร่วมกันก่อการร้ายฯ จากการปิดสนามบิน ที่มี พล.ต. จำลอง นายสนธิ พร้อมด้วยมวลชนรวม 96 คน ศาลอยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ ซึ่งมีนัดครั้งต่อไปในวันที่ 9 มี.ค. 2561 หลังการสืบพยานนัดแรกเกิดขึ้นในเดือน ต.ค. 2559

    คุมตัว-จับสึก พระนักเคลื่อนไหวทางศาสนา – องค์กรชาวพุทธฯ ค้าน-จี้ปล่อยตัว

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ข่าวสด (https://www.khaosod.co.th/?p=519710)

    เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความั่นคงได้เดินทางไปยังวัดดอกสร้อย อ.ระโนด จ.สงขลา เพื่อไปนำตัวพระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท พระลูกวัดเบญจมบพิตรฯ ที่เคยวิจารณ์ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้ ไปสอบปากคำที่ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในความผิดข้อหา พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จากกรณีที่โพสต์คลิปวิจารณ์ศาสนาอื่นผ่านสื่อออนไลน์

    จากกรณีดังกล่าว ได้มีการเผยแพร่แถลงการณ์ องค์กรชาวพุทธเพื่อพิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งโลก โดยมีใจความว่าการบุกจับพระมหาอภิชาตินั้นเป็นการลิดรอนสิทธิส่วนบุคคลที่อยู่นอกอำนาจแห่งกฎหมายที่มนุษย์พึงได้รับการคุ้มครองตามกฎขององค์การสหประชาชาติ รวมทั้งเรียกร้องให้ทางการไทย ปล่อยตัวพระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท ออกจากค่ายเสนาณรงค์ ก่อนเวลา 24.00 น.ของวันที่ 19 กันยายน 2560

    เว็บไซต์ข่าวสดยังรายงานด้วยว่า ต่อมา เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความว่า เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 20 ก.ย. จนท.ได้ควบคุมตัว พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท มายังวัดเบญจมบพิตร เพื่อบังคับให้ลาสิกขา ณ พระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตร หลังจากที่เมื่อวานนี้จนท.ตำรวจ ได้เข้ารวบตัว พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท ที่ จ.สงขลา และได้นำตัวไปสอบสวนต่อ กรณีที่มีการแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวต่อชาวมุสลิม ที่ผ่านมา พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท ได้เป็นผู้ที่แสดงความเห็นผ่านสื่ออนไลน์ ต่อการก่อเหตุในพื้นที่ 3 จว.ชายแดนภาคใต้ ที่มุ่งกระทำต่อพระภิกษุสามเณรและชาวไทยพุทธ

    ขสมก. แจง ครบกำหนดทดลอง-หยุดปฏิรูปรถเมล์

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เนชั่นทีวี (https://goo.gl/4G3JCk)

    วันที่ 16 ก.ย. 2560 เว็บไซต์เนชั่นทีวีรายงานว่า นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า การยุติให้บริการทดลองเดินรถเมล์ ระบบใหม่ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากครบกำหนดระยะเวลาทดลอง 1 เดือน ไม่ได้ยกเลิกเพราะระบบรถเมล์ใหม่ที่นำมาทดลองมีปัญหากับประชาชน หลังจากนี้ ขบ. จะเดินหน้าปฏิรูปรถเมล์ทั้งระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ระบบเดินรถเป็นประโยชน์สูงสุดกับประชาชนในการเดินทางเชื่อมต่อบนโครงข่ายคมนาคม ซึ่งการปฏิรูปเส้นทางเดินรถเมล์ถือเป็นเรื่องใหญ่และมีความสำคัญ

    ดังนั้น ขบ. จึงวางกรอบระยะเวลาที่คาดว่าจะสามารถปรับปรุงและเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบใหม่ที่สมบบูรณ์ได้ภายใน 2 ปี

    “เราทดลองวิ่งระบบใหม่1เดือน ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากประชาชนมาก จากนี้จะนำข้อเสนอทุกข้อมาประมวล และค่อยๆ แก้ไข ปรับปรุง ไปเรื่อยๆ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี จึงจะได้ระบบเดินรถเมล์ที่สมบรูณ์” นายสนิทกล่าว

    นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยถึงการหยุดทดลองปฏิรูปรถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) 8 เส้นทางว่า ขสมก. ยุติทดลองปฏิรูปรถเมล์ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา เพราะครบกำหนดทดลอง 1 เดือน ซึ่งเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้เบื้องต้นการทดลองมีแนวโน้มที่ดี เพราะการร้องเรียนจากผู้โดยสารลดลงมากในช่วงหลัง เหลือประมาณ 1 ครั้งต่อเส้นทางต่อวัน และจำนวนผู้โดยสารยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกด้วย

    นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขสมก. ยุติการทดลองปฏิรูปรถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) 8 เส้นทางแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากครบกำหนดทดลอง 1 เดือนเต็ม ไม่ใช่เกิดจากการทดลองมีปัญหาแต่อย่างใด โดย ขสมก. จะเปลี่ยนรถที่ทดลองปฏิรูปเป็นรถเมล์ปกติตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. เป็นต้นไป และจะรวบรวมข้อคิดเห็นทั้งหมดเสนอให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) พิจารณาภายในวันที่ 18 ก.ย. นี้ ส่วนจะเดินหน้าการปฏิรูปต่อไปอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับความเห็นของผู้เกี่ยวข้องและนโยบายของกรมการขนส่งทางบก

    ดร.สุเมธ องกิตติกุลนักวิชาการชำนาญการขนส่งสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ในฐานะที่ปรึกษาโครงการปฏิรูปรถเมล์ เปิดเผยว่า ตอนนี้ทีดีอาร์ไอกำลังรวบรวมข้อมูลการทดลองปฏิรูปรถเมล์และจะเสนอให้กรมการขนส่งทางบกพิจารณา โดยคาดว่าจะมีการประชุมผู้เกี่ยวข้องเพื่อสรุปผลในวันที่ 18 ก.ย. 2560

    สามารถดูสรุปผลการทดลองได้จากเว็บไซต์เดลินิวส์

    ปลัดคลังเผย ขรก. เบี้ยวหนี้ กยศ. 6 หมื่นราย

    วันที่ 20 ก.ย. 2560 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า  กยศ. อยู่ระหว่างประสานข้อมูลลูกหนี้กับกรมบัญชีกลาง และหน่วยงานราชการ ช่วยหักเงินเดือนข้าราชการที่เป็นลูกหนี้ กยศ. ซึ่งมีทั้งหมดกว่า 2.39 แสนราย และในจำนวนนี้มีถึง 6 หมื่นรายที่ไม่ยอมผ่อนชำระตามที่กำหนด ซึ่งหลังจากนี้จะแจ้งเตือนไปกลุ่มข้าราชการที่เบี้ยวหนี้ หากไม่ชำระอีกถือว่ามีความผิดทางวินัย ต้องเข้าสู่กระบวนการสอบข้อเท็จจริง โดยจะมีคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และหากข้าราชการยังผิดนัดชำระหนี้ กยศ. มีโอกาสได้รับโทษสูงสุดคือ การไล่ออกจากราชการได้

    สำหรับการเริ่มหักเงินเดือนเพื่อชดใช้หนี้ ในส่วนของหน่วยงานราชการ คาดว่าจะเริ่มได้อย่างเป็นทางการในเดือน ม.ค. 2561 นี้ ส่วนการหักเงินเดือนกับนายจ้างที่เป็นบริษัทเอกชนจะเริ่มภายหลัง เนื่องจากต้องรอการปรับระบบของกรมสรรพากรเสียก่อน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ในต้นปีหน้าได้เช่นกัน โดยระหว่างนี้หลังจาก พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา บังคับใช้แล้วจะต้องเร่งทำความเข้าใจกับหน่วยงานรัฐและเอกชนให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และไม่เกิดปัญหาเมื่อมีการเริ่มหักบัญชีจริง

    ดูแตร์เต ยัน หากลูกคนไหนเอี่ยวยาให้ฆ่าได้

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ (https://www.prachachat.net/?p=42757)

    วันที่ 21 ก.ย. 2560 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานโดยอ้างสำนักข่าวเอเอฟพีว่า โรดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กล่าวกับเจ้าหน้าที่ที่ทำเนียบประธานาธิบดีเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านว่า หากลูกชายของตนมีความผิดในข้อหาพัวพันกับแก๊งค้ายาเสพติดจริงก็ให้สังหารทิ้งเสีย

    โดยดูแตร์เตไม่ได้อ้างถึงข้อกล่าวหาโดยเฉพาะที่ฝ่ายค้านระบุว่า ลูกชายของเขาเป็นสมาชิกของแก๊งยาเสพติดของจีน และลักลอบนำยาเสพติดจำนวนมากเข้าประเทศ แต่ย้ำถึงคำพูดตอนที่ตนเองนั้นหาเสียงเลือกตั้งว่า

    “ไม่มีลูกๆ ของผมคนใดที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ถ้าหากลูกคนไหนมีส่วนเกี่ยวข้องก็ให้ฆ่าทิ้งเสีย เพื่อไม่ให้ประชาชนเอาไปพูดถึงอีก” ดูแตร์เตกล่าวในที่ประชุม

    นอกจากนี้ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ยังระบุว่าได้พูดกับลูกชายของตนเองว่า ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงมือสังหารนายเปาโลได้หากมีความผิดจริง และจะปกป้องตำรวจที่ทำหน้าที่สังหารด้วย

    ทั้งนี้เปาโล ดูแตร์เต ลูกชายของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และนายมานาเซส คาร์ปิโอ น้องเขย ปฏิเสธหลังจากได้รับการไต่สวนเมื่อช่วงต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมาว่า ไม่มีความเกี่ยวข้องกับแก๊งค้ายาเสพติด ที่เจ้าหน้าที่ยึดยาเสพติดได้ที่ท่าเรือแห่งหนึ่งในกรุงมนิลา มีมูลค่าสูงถึง 6.4 พันล้านเปโซ หรือ 125.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ