ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : “จัดระเบียบสื่อ ตาม ครม.สัญจร – ‘สรรเสริญ’โต้ ไม่ได้บังคับ” และ “ก่อการร้ายบาร์เซโลนา ตาย 13 เจ็บกว่าร้อย – ไอซิสประกาศอยู่เบื้องหลัง”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : “จัดระเบียบสื่อ ตาม ครม.สัญจร – ‘สรรเสริญ’โต้ ไม่ได้บังคับ” และ “ก่อการร้ายบาร์เซโลนา ตาย 13 เจ็บกว่าร้อย – ไอซิสประกาศอยู่เบื้องหลัง”

19 สิงหาคม 2017


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 12-18 ส.ค. 2560

  • “จัดระเบียบสื่อ?” ตาม ครม.สัญจร – “สรรเสริญ” โต้ “ไม่ได้บังคับ”
  • นายกฯ วอน “อย่าติติงมาก-ให้อภัย” ทาสีรถเมล์ – แจง แค่ทดลองใช้-รอลอตใหม่
  • เริ่ม ก.ย. นี้ “กำไลอิเล็กทรอนิกส์” ติดกลุ่มเสี่ยงหนีคดี
  • จีนเรียกค่าคุมงานรถไฟฯ 5,000 ล้าน ลุ้นต่อเหลือ 4,000 ล้าน
  • ก่อการร้ายบาร์เซโลนา ตาย 13 เจ็บกว่าร้อย – ไอซิสประกาศอยู่เบื้องหลัง
  • “จัดระเบียบสื่อ” ตาม ครม.สัญจร – “สรรเสริญ” โต้ “ไม่ได้บังคับ”


    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ The Standard (http://bit.ly/2wVxFR5)

    วันที่ 17 ส.ค. 2560 เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรารายงานถึงการที่มีหนังสือจากกรมประชาสัมพันธ์ส่งถึงบรรณาธิการสื่อมวลชนทุกแขนง เรื่องเชิญประชุมเตรียมการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ณ จังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งมีการเชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมประชุม “เพื่อให้การรายงานข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชน”

    โดยในการประชุมนั้น พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ระบุว่าเป็นความว่า ในการลงพื้นที่ทุกครั้งสื่อมักติดตามแต่นายกรัฐมนตรีจนเกิดลักษณะของการทำงานคนเดียว “รัฐบาลจึงอยากให้เกิดภาพคณะรัฐมนตรีทุกคนลงพื้นที่และติดตามงานช่วยเหลือประชาชน” โดยมีการให้สื่อทั้งหมดเลือกว่าจะติดตามรัฐมนตรีรายใด และขอให้ส่งข่าวที่ทำให้เพื่อนำไปออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที

    ข่าวดังกล่าว ทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงความเหมาะสม จนเวลาต่อมา พล.ท. สรรเสริญ ต้องออกมาชี้แจงกับทางสำนักข่าวอิศราอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่าการหารือดังกล่าวไม่ใช่เป็นการจัดระเบียบสื่อ แต่เป็นการเชิญเข้ามาเพื่อทำความเข้าใจ และขอความร่วมมือในการทำรายงานสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับรัฐมนตรีที่ลงไปในพื้นที่ด้วย เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีประชุม ครม. นอกพื้นที่ จะมีแต่ข่าวของนายกรัฐมนตรี แต่ที่จริงแล้วยังมีรัฐมนตรีคนอื่นๆ อีกที่ร่วมลงพื้นที่ และตนไม่ได้บังคับว่าต้องทำ แค่ขอให้ส่งให้เพื่อไปออกอากาศกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เพราะอย่างไรเสียนักข่าวที่ไปก็ต้องทำข่าวอยู่แล้ว

    “การรายงานเรื่องของรัฐมนตรีแต่ละคน แต่ละช่องรายงานได้ตามสบาย ตามสไตล์ ผมอยากให้ประชาชนที่ดูช่องสื่อของรัฐ ได้รับรู้ว่า สื่อเอกชนเขานำเสนออย่างไร เราเป็นเพียงตัวกลางช่วยเผยแพร่ให้ความหลากหลายแก่ประชาชน ไม่ใช่เป็นการจัดระเบียบสื่ออย่างที่มีการวิจารณ์กัน” พล.ท.สรรเสริญ ระบุ

    นายกฯ วอน “อย่าติติงมาก-ให้อภัย” ทาสีรถเมล์ – แจง แค่ทดลองใช้-รอลอตใหม่


    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เนชั่นทีวี (https://goo.gl/sm4i9T)

    หลังจากที่มีข่าวการเตรียมตัวปรับปรุงสายรถเมล์ใหม่ โดยนอกจากจะมีการปรับปรุงการให้บริการไม่ให้ซ้ำซ้อนกับการดำเนินการของเอกชนแล้ว ยังจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอก รวมทั้งเปลี่ยนหมายเลขระบุสายรถใหม่โดยแบ่งตามพื้นที่การวิ่ง 4 พื้นที่หลักตามเขตการเดินรถขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยสายรถเมล์แบบใหม่จะนำด้วยอักษรย่อของสีในพื้นที่หลัก นั่นคือ G สายสีเขียว, Y สายสีเหลือง, R สายสีแดง และ B สายสีน้ำเงิน ตามด้วยหมายเลขรถ

    เว็บไซต์ไทยพีบีเอสรายงานว่า จากการสำรวจวันแรกในช่วงเช้าของวันที่ 15 ส.ค. 2560 ซึ่งมีการเปิดทดลองวิ่งรถเมล์สายใหม่ 8 สายแรกที่จะทดลองวิ่งหลังปฎิรูปเส้นทาง พบว่า ผู้โดยสารส่วนใหญ่ไม่กล้าขึ้น เพราะไม่ทราบว่าคือรถเมล์อะไร และไม่ทราบเส้นทางเดินรถ ทำให้จำนวนผู้โดยสารบนรถเมล์สายใหม่บางตา ขณะที่กระเป๋ารถเมล์ต้องคอยตะโกนแจ้งผู้โดยสารเส้นทางเดินรถให้ผู้โดยสารเป็นระยะๆ

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยพีบีเอส (https://goo.gl/vuk5M8)

    ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงติติงถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ไม่ว่าจะในเรื่องของเลขสายที่จำยาก หรือเรื่องของสีที่นำมาทาทับรถเก่าในลักษณะตามรูปข้างบน

    ต่อเรื่องดังกล่าว เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานในวันที่ 16 ส.ค. 2560 ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ขสมก. ปฏิรูประบบการเดินรถเมล์ว่า เราต้องเคารพความคิดของ ขสมก. เพราะที่ผ่านมาความคิดของรัฐและเอกชนมีความแตกต่างกัน เขาก็แค่ลองดูเฉยๆ ว่าหากทำแบบนี้จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ เราต้องไปดูการปรับเส้นทางรถที่ยากเพราะเป็นการให้สัมปทานมานานแล้วไม่ใช่รัฐบาลนี้เป็นคนให้ การจะปรับสัมปทานใหม่ก็ยาก

    “เรื่องของคนขับ กระเป๋ารถเมล์ก็ยังมีปัญหาพอสมควร วันนี้เราทดลองปรับเส้นทางรถดูก่อน ในเมื่อรถใหม่ยังหาไม่ได้ก็ต้องทาสีหัวรถเก่าให้เห็นว่าสีนี้เป็นของสายนี้เหมือนรถไฟฟ้า ขออย่าไปติติงกันมากนักเพราะก็เป็นรถคันเดิม เดินทางก็ถึงเหมือนกัน ขอให้ให้อภัยกันบ้าง ผมกำลังเร่งรัดการจัดหารถเมล์ใหม่ซึ่งมันต้องปลอดใส ถ้าเราจะเอาแต่ของราคาถูกก็ได้แต่ของห่วยมา ถ้าของแพงเกินไปก็ไม่ดี เราต้องเอาพอดีๆ และจัดสรรปันส่วนให้ดี รวมถึงสร้างความเข้มแข็งในเรื่องการประกอบการของรถเมล์เองด้วย ในล็อตแรกมีประมาณ 400 คันที่ต้องจัดหามาก่อน ที่เหลืออีก 1,200 คันจะประกอบในประเทศหรือซื้อเข้ามา หรือจะไปประกอบนอกบ้านแล้วเสียภาษีต้องดูราคากลางอีก ทั้งหมดเรากำลังพิจารณาอยู่และพยายามให้มีรถเมล์ใหม่ทันปีใหม่นี้ซึ่งสามารถซื้อได้แต่ต้องให้เวลาเขาประกอบรถด้วย อย่างรถรถไฟฟ้าก็กว่าจะทำรางและระบบเชื่อมต่อได้ก็ต้องใช้เวลา ถึงจะต้องมีความเชื่อมโยงคือเอารถเก่ามาวิ่งบ้าง แต่ต้องไม่มีทุจริตนี่คือสิ่งสำคัญที่สุดยืนยันว่ารัฐบาลทำเต็มที่” นายกฯ กล่าว

    เริ่ม ก.ย. นี้ “กำไลอิเล็กทรอนิกส์” ติดกลุ่มเสี่ยงหนีคดี

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ (https://www.prachachat.net/?p=22936)

    เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่โรงแรมเดอะพาลาสโซ ถ.รัชดาภิเษก สำนักงานศาลยุติธรรมจัดกิจกรรม “อบรมความรู้เกี่ยวกับการขอปล่อยชั่วคราวและการบังคับคดีผู้ประกันให้แก่ผู้เกี่ยวข้องและประชาชน” โดยนายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ประจำสำนักประธานศาลฎีกา และโฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ในการปล่อยชั่วคราวและการบังคับคดีผู้ประกัน อันจะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนผู้มีอรรถคดีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้กระบวนการปล่อยชั่วคราวของศาลยุติธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ก่อให้เกิดการผิดสัญญาประกัน และผู้มาติดต่อราชการศาลสามารถปฏิบัติตนได้ถูกต้องเมื่อมาศาล

    นายสืบพงษ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการนำนวัตกรรมและแนวคิดใหม่มาใช้ในการปล่อยชั่วคราว (การประกันตัว) ว่า การใช้กำไลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring หรือ EM) ติดตัวผู้ได้รับการปล่อยชั่วคราวนั้น จะใช้กับคนที่มีความเสี่ยงจะหลบหนีคดี เป็นสิ่งที่ต้องเข้าใจให้ตรงกัน ขณะนี้ศาลยุติธรรมสามารถประมูลได้แล้ว 5,000 เครื่อง ทำสัญญาเรียบร้อย และเริ่มส่งมอบให้นำมาใช้ในศาลนำร่องกว่า 10 ศาล ตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ เป็นต้นไป

    นอกจากนั้น ศาลยังได้เสนอร่าง พ.ร.บ.มาตรการกำกับและติดตามจับกุมผู้หลบหนีการปล่อยชั่วคราวโดยศาล ซึ่งผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว อยู่ในระหว่างรอการประกาศใช้ มีหลักการสำคัญในเรื่องการเพิ่มผู้กำกับดูแลการปล่อยชั่วคราว เพื่อดูแลผู้ได้รับการประกันตัวให้หลบหนียากขึ้น และมีรางวัลให้กับผู้ชี้ตัวและจับกุมผู้หลบหนีคดี เป็นการนำตัวบุคคลกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้รวดเร็ว โดยไม่มุ่งเน้นเงินประกันเหมือนในอดีต ส่วนระบบประเมินความเสี่ยงในการหลบหนีก็เริ่มดำเนินการแล้วในศาลนำร่องเช่นกัน

    จีนเรียกค่าคุมงานรถไฟฯ 5,000 ล้าน ลุ้นต่อเหลือ 4,000 ล้าน

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ (https://www.prachachat.net/?p=21908)

    วันที่ 14 ส.ค. 2560 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า วันที่ 15-17 ส.ค. 2560 จะมีประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-จีน ครั้งที่ 20 เดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงรุงเทพฯ-นครราชสีมา 253 กม. เงินลงทุน 179,412 ล้านบาท โครงการร่วมมือของรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน

    ขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างเจรจากับจีนค่าจ้างออกแบบโครงสร้างพื้นฐานด้านโยธาและค่าคุมงานก่อสร้าง ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว จากนั้นเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติและเซ็นสัญญาต่อไป ให้ทันกับกรอบเวลาก่อสร้างระยะแรกสถานีกลางดง-ปางอโศก 3.5 กม. วงเงิน 425 ล้านบาท ภายในเดือน ก.ย.-ต.ค. 2560 จากนั้นจะทยอยอีก 3 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 2 อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา 11 กม. ตอนที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา 119.5 กม. และตอนที่ 4 แก่งคอย-กรุงเทพฯ 119 กม.

    “ค่าจ้างออกแบบเจรจาจีนลดจาก 2,014 ล้านบาท อยู่ที่ 1,706 ล้านบาท ส่วนค่าคุมงานก่อสร้าง กำลังพิจารณากำลังคนที่ต้องจ้าง ซึ่งจีนเสนอ 500 คน วงเงิน 5,140 ล้านบาท จ้างคนจีน 50 คน และคนไทย 450 คน ตอนนี้ต่อรองลดลงมาอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท จะให้ลดลงมาที่ 3,000 ล้านบาท แต่ยังเกินจากกรอบวงเงินที่ ครม. กำหนด 1,648 ล้านบาท”

    ทั้งนี้การก่อสร้างทั้งโครงการ ฝ่ายไทยจะดำเนินการ 75% ได้แก่ งานโยธา แหล่งจ่ายไฟฟ้ากำลัง โดยใช้ผู้รับเหมา วัสดุและอุปกรณ์ผลิตในประเทศไทย ส่วนฝ่ายจีนจะดำเนินการ 25% ได้แก่ ระบบราง รถไฟฟ้า และอาณัติสัญญาณ เนื่องจากใช้ระบบเทคโนโลยีจากจีน และเป็นโครงการความร่วมมือรัฐบาลต่อรัฐบาลหรือจีทูจี

    สำหรับการใช้เหล็กข้ออ้อยก่อสร้างในโครงการ คาดว่าจะใช้ 7-8 แสนตัน ได้ตกลงกับจีนแล้วสามารถใช้เหล็กข้ออ้อยผลิตในประเทศได้ โดยจะส่งสเป็กให้ไทยดำเนินการผลิตต่อไป

    แต่เนื่องจากเป็นเหล็กข้ออ้อยที่ใช้สำหรับรถไฟความเร็วสูงที่ไทยไม่เคยผลิตมาก่อน ทางผู้ประกอบการต้องปรับไลน์การผลิตใหม่ให้ได้ตามสเป็กของจีน รวมถึงการขอ มอก. เพราะไม่มีอยู่ในประเภทที่ มอก.รับรองไว้ อาจจะใช้เวลาพอสมควร ทำให้การเริ่มงานระยะแรก 3.5 กม. ในเดือน ต.ค. นี้ ทางผู้ผลิตเหล็กไทยอาจจะผลิตไม่ทัน ซึ่งกรมทางหลวง ผู้ก่อสร้าง อาจจะต้องนำเข้าจากต่างประเทศหรือจากจีนเพื่อให้ได้ตามสเป็กรถไฟความเร็วสูง ซึ่งงานช่วงนี้จะใช้ประมาณ 150 ตัน

    นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ส.ค.-ก.ย. นี้จะเสนอ ครม. อนุมัติร่างสัญญาจ้างที่ปรึกษาออกแบบ 1,706 ล้านบาท ส่วนการจ้างคุมงานก่อสร้างจะหารือในการประชุมครั้งที่ 20

    ก่อการร้ายบาร์เซโลนา ตาย 13 เจ็บกว่าร้อย – ไอซิสประกาศอยู่เบื้องหลัง

    วันที่ 17 ส.ค. 2560 เกิดเหตุการณ์คนร้ายขับรถตู้พุ่งเข้าใส่ฝูงชนในย่านรัมบลาส เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 13 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 100 คน

    เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานว่า กลุ่มที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลามได้ออกมาประกาศว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุที่มีลักษณะไม่ต่างจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในเมืองอื่น ๆ ในยุโรป ทั้งเมืองนีซ ของฝรั่งเศส กรุงเบอร์ลิน กรุงลอนดอนและสตอกโฮล์ม และล่าสุดตำรวจได้สังหารผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนร้าย 5 คน ในเมืองแคมบริลส์ทางใต้ของนครบาร์เซโลนา โดยเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายซึ่งสวมเข็มขัดที่มีระเบิดผูกติดอยู่นั้นเชื่อมโยงกับผู้ก่อเหตุในนครบาร์เซโลนา โดยเหตุการณ์ที่เกิดในเมืองแคมบริสลส์ และนครบาร์เซโลนานั้น มีลักษณะเดียวกันคือคนร้ายขับรถพุ่งเข้าใส่ฝูงชน