ThaiPublica > เกาะกระแส > บอร์ด ขสมก. เปิดประมูลรถเมล์ NGV ใหม่ ระบุตรวจรับรถ พ.ย. 60 ชงบัญชีกลางขึ้นบัญชีดำ “เบสท์รินกรุ๊ป” ทิ้งงาน

บอร์ด ขสมก. เปิดประมูลรถเมล์ NGV ใหม่ ระบุตรวจรับรถ พ.ย. 60 ชงบัญชีกลางขึ้นบัญชีดำ “เบสท์รินกรุ๊ป” ทิ้งงาน

27 เมษายน 2017


วันที่ 26 เมษายน 2560 เวลา 10.00 น. นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รายงานผลการยกเลิกสัญญาจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันกับกลุ่มบริษัท เบสท์รินกรุ๊ป จำกัด ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดยมี พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ เป็นประธานฯ ณ ห้องประชุมชั้น 5 สำนักงานใหญ่ ขสมก.

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2560 เวลา 10.00 น.นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้รายงานผลยกเลิกสัญญาจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันกับกลุ่มบริษัท เบสท์รินกรุ๊ป จำกัด ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บอร์ด ขสมก.)

นายสมศักดิ์กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องยกเลิกสัญญา เนื่องจากบริษัทเบสท์รินฯ ไม่สามารถส่งมอบรถได้ครบ 489 คันภายใน 90 วันนับจากวันที่ลงนามในสัญญาจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี (วันที่ 29 ธันวาคม 2559) จากนั้นในวันที่ 18 เมษายน 2560 ขสมก. ได้ทำหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาถึงบริษัทเบสท์รินฯ และกรมการขนส่งทางบก วันที่ 25 เมษายน 2560 ทำหนังสือถึงกระทรวงคมนาคม แจ้งคู่สัญญาละทิ้งงาน ซึ่งตามขั้นตอนกระทรวงคมนาคมต้องทำเรื่องถึงกรมบัญชีกลางเพื่อพิจารณานำรายชื่อบริษัทเข้าไปอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้ที่ละทิ้งงาน และส่งหนังสือเวียนไปยังส่วนราชการทั่วประเทศ ซึ่งจะมีผลทำให้บริษัทเบสท์รินฯ และกิจการร่วมค้า 3 แห่งไม่สามารถรับงานจากทางราชการได้อีก

นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ทางขสมก.ยังรายงานแผนการจัดซื้อรถเมล์ใหม่เพื่อทดแทนรถเมล์เก่า ทั้งในส่วนของรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน และรถเมล์ไฟฟ้า 200 คัน ต่อที่ประชุมบอร์ด ขสมก. ด้วย ตามนโยบายของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ต้องการให้ ขสมก. จัดหารถเมล์ใหม่ให้ได้ภายในปี 2560 ในส่วนของการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ขสมก. ยังคงเดินหน้าต่อไปโดยยึดกรอบของร่าง TOR เดิม แต่จะมีการปรับปรุงรายละเอียดของ TOR เล็กน้อย คาดว่า ขสมก. สามารถตรวจรับรถเมล์เอ็นจีวีลอตใหม่ได้ทั้งหมดภายในเดือนพฤศจิกายน 2560

นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม และรักษาการผู้อำนวยการ ขสมก.

“การปรับปรุง TOR ครั้งนี้ ยังคงหลักการเดิม คือ ผู้ประมูลงานสามารถนำรถเมล์เอ็นจีวีที่ผลิตภายในประเทศหรือนำเข้าจากต่างประเทศมาส่งมอบกับ ขสมก. ก็ได้ ซึ่ง TOR เดิมเขียนไว้กว้างมาก แต่บอร์ด ขสมก. ก็มีความเป็นห่วง เกรงว่าผู้ชนะการประมูลจะส่งมอบรถไม่ทันกำหนดเวลาคือภายในเดือนพฤศจิกายน 2560 เพราะขึ้นไลน์ผลิตไม่ทัน ดังนั้น ในลอตที่ 1 หรือ ลอตที่ 2 อาจจะให้ผู้ชนะการประมูลนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวีจากต่างประเทศมาส่งมอบให้ ขสมก. ได้ แต่ลอตหลังๆ อยากให้เป็นรถเมล์ที่ประกอบในประเทศ คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะใน TOR เดิมก็เขียนเปิดกว้างไว้อยู่แล้ว ซึ่งในส่วนนี้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการยกร่าง TOR จะต้องไปปรับปรุงแก้ และนำเสนอที่ประชุมบอร์ด ขสมก. ต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือน นับจากวันนี้” นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนการจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้า 200 คัน ตนก็ได้รายงานความคืบหน้าต่อที่ประชุมบอร์ด ขสมก. ร่าง TOR ใกล้เสร็จแล้ว คาดว่าจะเปิดประมูลได้ในเร็วๆ นี้ตามแผนงานที่กำหนดใน TOR ผู้ชนะประมูลต้องส่งมอบรถเมล์ไฟฟ้าลอตแรก 50 คันภายในเดือนธันวาคม 2560 ลอตที่ 2 อีก 50 คันภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 เดือนเมษายน 2561 อีก 50 คัน และต้องส่งมอบรถให้ครบ 200 คันภายในเดือนมิถุนายน 2561 นอกจากนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยื่นข้อเสนอมาที่ ขสมก. ต้องการปรับปรุงรถเมล์เก่าของ ขสมก. จำนวน 4 คันให้เป็นรถเมล์ไฟฟ้าต้นแบบโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ส่วนรถเมล์ไฮบริดนั้นกำลังรอผลการศึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เวลา 13.00 น. ของวันเดียวกัน ศาลปกครองกลางได้เรียกบริษัทเบสท์รินฯ และ ขสมก. มาชี้แจงเพิ่มเติม ภายหลังศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ ขสมก. ตรวจรับรถเมล์เอ็นจีวี 390 คัน แต่ ขสมก. ไม่ตรวจรับและยกเลิกสัญญาฯ

นายสมศักดิ์กล่าวว่า กรณีบริษัทเบสท์รินฯ ผู้ฟ้อง ได้ยื่นคำร้องต่อศาล กล่าวหา ขสมก. ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ตนขอยืนยัน ขสมก. ปฏิบัติตามคำสั่งศาลทุกประการ กล่าวคือ ศาลมีคำสั่งให้ ขสมก. ดำเนินการตรวจรับรถเมล์ตามสัญญา ซึ่งทำตามคำสั่งศาลปกครองกลาง ดำเนินการตรวจรับรถตามสัญญา แต่เมื่อพิจารณาแล้วตรวจรับไม่ได้ ก็ยกเลิกตามสัญญา ซึ่งตนได้ทำหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาไปที่กรมการขนส่งทางบกแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2560 ตามกฎหมาย กรมการขนส่งทางบกได้เพิกถอนทะเบียนรถแล้วนับตั้งแต่วันที่ ขสมก. แจ้งยกเลิกสัญญา

ขณะที่นายสันติ ปิยะทัต ทนายความ บริษัท เบสท์รินกรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า วันนี้ศาลปกครองกลางได้เรียก ขสมก. มาไต่สวนเพิ่มเติม เพื่อซักถาม ขสมก. ว่าเหตุใดไม่ตรวจรับรถตามที่ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ทาง ขสมก. ได้นำหนังสือชี้แจงเหตุผลมามอบให้ศาลและบริษัทเบสท์รินฯ เพิ่มเติม รวมทั้งยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางที่สั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ ขสมก. ตรวจรับรถ ซึ่งในส่วนนี้คงต้องรอศาลปกครองสูงสุดชี้ขาด ทางบริษัทเบสท์รินฯ ยืนยัน รถเมล์เอ็นจีวีที่นำเข้ามามีสเปกถูกต้องตาม TOR ทุกประการ ที่ผ่านมา ขสมก. ได้ตรวจรับรถและโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว 292 คัน ที่เหลือ 98 คัน ขสมก. ไม่ยอมทำหนังสือมอบอำนาจให้ไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก จากนั้นก็มีการบอกเลิกสัญญา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขสมก. ได้ตรวจรับรถตามคำสั่งศาลทุกประการ แต่ตรวจรับไม่ได้ เป็นเหตุให้ยกเลิกสัญญา นายสันติกล่าวว่า นี่คือคำกล่าวอ้างของ ขสมก. ซึ่งวันนี้ก็มีการพูดถึงประเด็นนี้ในศาล บริษัทเบสท์รินฯ ได้ชี้แจงว่าความจริงเราพร้อมที่จะส่งมอบรถเมล์ให้ ขสมก. และ ขสมก. ก็ได้ตรวจรับรถและโอนกรรมสิทธิ์ให้ ขสมก. ไปแล้ว 292 คัน

นายสันติ ปิยะทัต ทนายความ บริษัท เบสท์รินกรุ๊ป จำกัด

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เหตุที่ตรวจรับไม่ได้ เพราะเบสท์รินฯ ส่งมอบรถไม่ครบ 489 คัน ภายในกำหนดเวลา นายสันติกล่าวว่า ความจริงในสัญญาเดิม ระบุไว้เช่นนั้น แต่ต่อมาได้จัดให้มีการประชุมร่วมระหว่าง ขสมก. และบริษัทเบท์รินฯ ที่ประชุมมีมติร่วมกัน กำหนดแผนการส่งมอบรถเป็นงวดๆ หรือเป็นลอตๆ ไว้อย่างชัดเจนในบันทึกการประชุม เริ่มส่งมอบรถเมล์ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งบริษัทเบสท์รินฯ ทยอยนำรถเมล์มาส่งมอบให้ ขสมก. ตามข้อตกลง หาก ขสมก. มีความเห็นว่าไม่สามารถตรวจรับได้ ควรจะบอกเลิกสัญญาตั้งแต่ 30 ธันวาคม 2559 แต่ ขสมก. ก็ทยอยตรวจรับรถและนำรถไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก รวมทั้งทำการทดลองขับรถไปหลายวัน แต่ ขสมก. กลับบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมมอบอำนาจให้ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ โดยอ้างว่าต้องพิสูจน์เรื่องถิ่นกำเนิดสินค้า ซึ่งปัญหานี้เป็นเรื่องระหว่างผู้นำเข้ากับกรมศุลกากร ไม่เกี่ยวกับกับบริษัทเบสท์รินฯ ซึ่งเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับ ขสมก.