ThaiPublica > เกาะกระแส > “ซุปเปอร์ซาร่า” ระบุศาลพัทยาสั่งกรมศุลฯ ปล่อยรถเมล์เอ็นจีวี 99 คัน จ่ายภาษีอัตรา 40% เว้นค่าปรับ 2 เท่า อธิบดีกรมศุลฯ เผยยังไม่ได้รับคำสั่ง

“ซุปเปอร์ซาร่า” ระบุศาลพัทยาสั่งกรมศุลฯ ปล่อยรถเมล์เอ็นจีวี 99 คัน จ่ายภาษีอัตรา 40% เว้นค่าปรับ 2 เท่า อธิบดีกรมศุลฯ เผยยังไม่ได้รับคำสั่ง

24 กุมภาพันธ์ 2017


นายปัญญ์ เกษมทรัพย์ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายศุลกากร (ซ้าย) นายคณิสสร์ ศรีวชิระปะภา ประธาน บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด (กลาง)  นายชนิด ศุทธยาลัย ที่ปรึกษากฎหมาย อดีตข้าราชการ สำนักกฎหมายกรมศุลกากร (ขวา)
นายปัญญ์ เกษมทรัพย์ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายศุลกากร (ซ้าย) นายคณิสสร์ ศรีวชิระปะภา ประธาน บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด (กลาง) นายชนิด ศุทธยาลัย ที่ปรึกษากฎหมาย อดีตข้าราชการ สำนักกฎหมายกรมศุลกากร (ขวา)

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 13.30 น. นายชนิด ศุทธยาลัย ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก บริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด ผู้นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี ได้เป็นโจทก์ฟ้อง กรมศุลกากร กับพวก ประกอบด้วย นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร, นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร, นายกิตติ สุทธิสัมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง, นายธีระชาติ อินทริง, นายวิฑูรย์ อาจารียวุฒิ ประธานฯ และกรรมการตรวจปล่อยรถยนต์ใหม่ที่นำเข้า โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ว่าร่วมกันจงใจกระทำละเมิดหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง กล่าวหาว่า โจทก์แสดงถิ่นกำเนิดอันเป็นเท็จ โดยยึดหน่วงรถยนต์โดยสารเอ็นจีวีที่นำเข้าจากประเทศมาเลเซียจำนวน 99 คัน ซึ่งความจริงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดออกโดยหน่วยงานราชการประเทศมาเลเซีย โดยไม่มีพยานหลักฐานใดๆ อันเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 และประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. 2556 ข้อ 4, 03, 06 และ 05 เรื่องการยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากร สำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากอาเซียน (ATIGA)

ทั้งๆ ที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ทราบดีว่าเอกสารดังกล่าวมิได้เป็นเท็จ อันเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งบุคคลเช่นจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 พึงจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์เช่นนั้น กล่าวคือ ร่วมกันจงใจกระทำละเมิดอย่างร้ายแรงกล่าวหาโจทก์โดยไม่มีพยานหลักฐานใดๆ ซึ่งเป็นเพียงข้อสงสัยของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ว่าหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (FORM D) อันเป็นเท็จเท่านั้น ทั้งสินค้าที่โจทก์นำเข้าก็ไม่อยู่ในข้อกำหนดของหลักเกณฑ์ในความผิดฐานสำแดงเท็จตามพระราชบัญญัติห้ามนำของที่มีการแสดงกำเนิดเป็นเท็จเข้ามา พ.ศ. 2481 มาตรา 5 เนื่องจากพระราชบัญญัติดังกล่าวห้ามนำของที่มีการแสดงกำเนิดเป็นเท็จเข้ามาเฉพาะที่เกี่ยวกับของหัตถกรรมเท่านั้น ไม่ใช่สินค้ารถยนต์โดยสารที่โจทก์นำเข้าแต่อย่างใด

นอกจากฝ่าฝืนต่อกฎหมายและระเบียบดังกล่าวแล้ว ยังทำให้โจทก์ส่งมอบรถยนต์โดยสารดังกล่าวให้แก่ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ไม่ทันตามกำหนดเวลาตามสัญญาอีกด้วย โจทก์ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการนำเข้าโดยถูกต้อง จำเลยทั้งหกจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์โดยสารปรับอากาศเอ็นจีวีดังกล่าวและก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้มีหนังสือโต้แย้งการกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 แล้ว แต่จำเลยทั้งหกไม่ยอมส่งมอบรถยนต์โดยสารเอ็นจีวีให้แก่โจทก์ และพยายามจงใจให้โจทก์ชำระค่าปรับในอัตราสองเท่านอกเหนือจากค่าภาษีอัตราปกติอันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. 2556 ข้อ 4 03 06 05 เรื่องการยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากอาเซียน และพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 และหน่วงเหนี่ยวถ่วงเวลาเพื่อมิให้โจทก์ได้รับรถยนต์โดยสารปรับอากาศเอ็นจีวี

thaipublica_1909

ในเอกสารแถลงข่าวของบริษัทซุปเปอร์ซาร่าระบุว่า “ในวันเดียวกัน ศาลจังหวัดพัทยาได้ไต่สวนฉุกเฉินและมีคำสั่งว่า คำฟ้องโจทก์มีเหตุผลเพียงพอและพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ยึดหน่วงรถโดยสารไว้ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานอย่างเพียงพอว่าหนังสือรับรองถิ่นกำเนิด (Form D) เป็นเท็จหรือไม่หรือมีเหตุอื่นหรือไม่ และให้โจทก์วางค่าปรับนอกเหนือจากเงินประกันค่าภาษีอัตราร้อยละ 40 โดยไม่เป็นไปตามประมวลระเบียบปฏิบัติของกรมศุลกากร พ.ศ. 2556 เรื่องการยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับของมีถิ่นกำเนิดจากอาเซียนทำให้โจทก์เสียหาย จึงมีเหตุที่จะคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา จึงมีคำสั่งให้จำเลยทั้งหกร่วมกันปล่อยรถยนต์โดยสาร ตามหนังสือรับรองถิ่นกำเนิด และโจทก์ต้องวางเงินประกันภาษีนำเข้าอัตราร้อยละ 40 ของมูลค่ารถยนต์แต่ละคัน และไม่ต้องชำระค่าปรับตามประมวลระเบียบปฏิบัติของกรมศุลกากร พ.ศ. 2556 และให้จำเลยทั้งหกร่วมกันออกหนังสือรับรองการจดทะเบียนรถยนต์แต่ละคันด้วย”

ขณะที่เอกสารข่าวที่มีหัวจดหมายของบริษัทซุปเปอร์ซาร่าในตอนท้ายมีความเห็นของนายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผอ.ขสมก. ว่า ได้รับทราบแล้วว่าศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินให้บริษัทฯ ผู้นำเข้าสามารถนำรถเอ็นจีวีออกมาโดยให้วางเฉพาะเงินประกันภาษี 40 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องวางประกันค่าปรับ 2 เท่า ตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งตนจะนำไปหารือกับคณะกรรมการตรวจรับและบอร์ดว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่โดยความเห็นส่วนตัว คิดว่าคนกรุงเทพฯ อาจได้ใช้รถใหม่ในเร็ววันนี้

ต่อกรณีที่ศาลจังหวัดพัทยามีคำสั่งให้คุ้มครองฉุกเฉินให้กรมศุลกากรตรวจปล่อยรถเมล์เอ็นจีวี 99 คัน โดยให้ชำระค่าภาษีอัตรา 40% และไม่ต้องจ่ายค่าปรับ 2 เท่านั้น นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้จากเจ้าหน้าที่ศุลกากร และไม่เห็นคำสั่งศาล อย่างไรก็ตาม คงต้องขอหารือกับสำนักกฎหมายก่อนว่ากรมศุลกากรจะยื่นคำร้องขออุทธรณ์คำสั่งศาลได้หรือไม่

Thaipublica-เบสท์ริน

[scribd id=340197651 key=key-R5TYLsao7Cial7KqQ9gz mode=scroll]