ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 7-13 พ.ค. 2559: “ยุติเหมืองทอง ‘อัครา’ หารือจ่อฟ้อง” และ “สั่งปิด ‘รพ.เดชา'”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 7-13 พ.ค. 2559: “ยุติเหมืองทอง ‘อัครา’ หารือจ่อฟ้อง” และ “สั่งปิด ‘รพ.เดชา'”

14 พฤษภาคม 2016


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 7-13 พ.ค. 2559

  • ยุติเหมืองทอง “อัครา” หารือจ่อฟ้อง
  • “สปท.” ชง พ.ร.บ.รอกำหนดโทษ สร้างปรองดอง-“ประวิตร” สวน “เสนอทำไม”
  • ถึงสีลมแล้ว “จัดระเบียบแผงลอย”
  • จับ 2 ล่า 2 ผู้ต้องสงสัยเตรียมถล่มอิตาลี
  • สั่งปิด “รพ.เดชา”
  • ยุติเหมืองทอง “อัครา” หารือจ่อฟ้อง

    ระเบิดเหมืองทองอัครา

    วันที่ 10 พ.ค. 2559 เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์รายงานว่า นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีมติร่วมกันให้ยุติการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำ และประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำ รวมถึงคำขอต่ออายุประทานบัตรด้วย

    ทั้งนี้ จะยังต่ออายุใบอนุญาตประกอบโลหกรรมในการทำเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ไปจนถึงสิ้นปี พ.ศ. 2559 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพนักงานและนำแร่ที่เหลือไปใช้ประโยชน์ หลังจากนั้นให้เร่งดำเนินการปิดเหมืองและฟื้นฟูพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองให้เป็นไปตามเงื่อนไขการอนุญาต รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดูแลประชาชนและผลกระทบที่อาจเกิดจากการปิดเหมือง

    นางอรรชกากล่าวว่า มติที่ประชุมดังกล่าวสืบเนื่องจากรัฐมนตรีทั้ง 4 กระทรวง รวมทั้งตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำรวมทั้งรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้งกลุ่มผู้คัดค้านและผู้สนับสนุน โดยนำข้อมูลการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ พิจารณาได้ข้อสรุปว่า แม้ว่าจะยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าปัญหาข้อร้องเรียนและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชนเกิดจากการทำเหมืองแร่ทองคำของอัคราฯ หรือไม่ แต่เพื่อประโยชน์ของสังคมและประชาชนเป็นส่วนรวม และแก้ไขปัญหาความแตกแยกของประชาชนในชุมชน รวมทั้งมีคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำไว้เมื่อเดือน ก.ค. และ ส.ค. 2557 ว่าการดำเนินการจะต้องโปร่งใส ไม่สร้างมลพิษ ประชาชนไม่ต่อต้าน และยังไม่อนุมัติ จึงให้ยุติประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำทั่วประเทศดังกล่าวข้างต้น

    ต่อเรื่องดังกล่าว เว็บไซต์สำนักข่าวสิ่งแวดล้อมรายงานในวันที่ 11 พ.ค. 2559 ว่า นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการฝ่ายประสานกิจการภายนอก บริษัทอัคราฯ กล่าวว่า บริษัทฯ จะหารือกับที่ปรึกษาด้านกฎหมายเพื่อพิจารณาช่องทางการดำเนินการต่างๆ ที่จะสามารถทำได้ต่อไป เนื่องจากบริษัทฯ ยังคงมีประทานบัตรที่ได้รับอนุญาตอยู่จนถึงปี 2571 และได้วางแผนการทำเหมืองไว้แล้ว

    “จะฟ้องศาลปกครองเพื่อคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับฝ่ายกฎหมายอย่างรอบคอบว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป”นายเชิดศักดิ์ กล่าว

    นายเชิดศักดิ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้วว่ากิจการเหมืองแร่ทองคำไม่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนโดยรอบเหมืองแร่ ทองคำ แต่มีส่วนช่วยสร้างให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจแก่ประเทศไทยทั้งในระดับท้องถิ่นและต่อประเทศไทยโดยรวม

    “สปท.” ชง พ.ร.บ.รอกำหนดโทษ สร้างปรองดอง-“ประวิตร” สวน “เสนอทำไม”

    นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่มาภาพ: เว็บไซต์มติชน (http://www.matichon.co.th/news/129095)
    นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์มติชน (http://www.matichon.co.th/news/129095)

    เว็บไซต์มติชนรายงานว่า มื่อวันที่ 8 พฤษภาคม นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) กล่าวว่า สปท.มีความคืบหน้าเรื่องไปมากแล้ว ทั้งเรื่องการเยียวยา และเรื่องคดีความ เบื้องต้นสปท.การเมืองได้วางกรอบการแก้ปัญหาไว้ 2 ระดับคือ 1.การแก้ปัญหาโดยใช้นโยบายรัฐ เช่น คดีความผิดเล็กน้อยหรือมีเจตนาไม่ร้ายแรง อาจมีนโยบายของรัฐไม่ดำเนินคดีต่อเช่น การใช้มาตรา 44 การถอนฟ้อง และ 2.การแก้ปัญหาโดยตัวกฎหมาย จะใช้วิธีการออกพ.ร.บ.หรือพ.ร.ก.รอการกำหนดโทษ เพื่อความปรองดอง ให้คดีสิ้นสุดลงทันที โดยไม่ต้องมีการตัดสินคดีหรือฟังคำพิพากษา จะใช้กับคดีที่มีความรุนแรงมากขึ้น เช่น กรณีแกนนำบุกยึดสถานที่ราชการ การปิดสนามบินหรือสี่แยกต่างๆ ที่เป็นอุดมการณ์ต่อสู้ทางการเมือง แต่ทำเลยเถิด เกินเลยทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคมตามมา แต่จะไม่รวมถึงคดีทุจริต มาตรา 112 และการวางเพลิงเผาทรัพย์

    ส่วนเงื่อนไขการเข้าสู่กฎหมายรอการกำหนดโทษนั้น ผู้ถูกดำเนินคดีต้องยอมรับสารภาพว่าตัวเองกระทำผิดในชั้นศาลก่อน หลังจากได้รับการรอการกำหนดโทษแล้ว จะมีมาตรการอื่นๆมาควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้กลับไปกระทำผิดอีกอาทิ การห้ามชุมนุมการเมือง การห้ามปลุกปั่นก่อความวุ่นวาย รวมถึงอาจตัดสิทธิการเมืองตลอดไป ข้อห้ามเหล่านี้จะกำหนดไปตลอดชีวิต ไม่มีอายุความ หมายความว่า จะถูกคาดโทษติดตัวไปตลอดชีวิต หากใครฝ่าฝืนข้อห้ามรอการกำหนดโทษจะถูกเรียกตัวมาฟังคำพิพากษาในคดีเดิม เพื่อลงโทษทันที มาตรการรอการกำหนดโทษจึงแตกต่างจากการนิรโทษกรรม เพราะการนิรโทษกรรมไม่มีข้อห้ามต่างๆมาควบคุมหลังจากได้รับการนิรโทษกรรมแล้ว แต่วิธีรอการกำหนดโทษจะมีเงื่อนไขและข้อห้ามต่างๆมาควบคุม มิให้กลับไปกระทำผิดอีก

    ต่อข้อเสนอดังกล่าว เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานในวันที่ 11 พ.ค. 2559 ว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ข้อเสนอออกกฎหมายรอการกำหนดโทษตนไม่ค่อยเห็นด้วย เสนอมาทำไมไม่รู้ สถานการณ์ขณะนี้ก็ดีอยู่แล้ว อะไรก่อให้เกิดความขัดแย้ง ตีกัน ก็อย่าไปทำ ไม่เอา พอเสนอมาแบบนี้คนที่ไม่เห็นด้วยและเห็นด้วยออกมาพูดยุ่งไปหมด ควรปล่อยให้เป็นไปตามโรดแมป เดี๋ยวพอรัฐธรรมนูญออกมาค่อยว่ากันไปช่วงเลือกตั้ง เมื่อถามว่า ได้สั่งการเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า “ผมจะไปสั่งการเรื่องอะไรล่ะ เป็นเรื่อง สปท. เขาทำอะไรยังไม่เห็นบอกผมเลย” เมื่อถามว่า คสช. จะชี้แนะไปไหมว่าไม่ควรทำ พล.อ. ประวิตร ตอบว่า ไม่ชี้แนะ เมื่อตั้งเขามาเป็น สปท. ต้องให้เขามีอิสระ อยากทำอะไรแล้วถ้าคนอื่นเห็นด้วยก็ว่าไป แต่เรื่องนี้ตนคนหนึ่งไม่เห็นด้วย

    ถึงสีลมแล้ว “จัดระเบียบแผงลอย”

    วันที่ 13 พ.ค. 2559 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่กทม.จัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่แผงลอย เพื่อคืนทางเท้าให้ประชาชนบริเวณถนนสีลม ด้วยการยกเลิกแผงค้าของผู้ค้าในเวลากลางวัน และให้ผู้ค้าสามารถตั้งวางแผงค้าขายได้ในเวลากลางคืน ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป มีจำนวนผู้ค้าช่วงกลางคืนที่ตั้งวางแผงค้าในขณะนี้จำนวนกว่า 600 ราย จากการจัดระเบียบในพื้นที่ดังกล่าว ด้วยการผ่อนผันให้ขายได้เฉพาะกลางคืนกทม.ยังได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ที่ไม่ได้รับความสะดวกในชีวิตประจำวัน กทม.จึงมีมติยกเลิกการค้าในบริเวณถนนสีลมทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2559 เป็นต้นไป

    กทม .ได้หาพื้นที่รองรับผู้ค้าดังกล่าวในพื้นที่โดยรอบเขตบางรักไว้หลายจุด เช่น เขตยานนาวา เขตสาทร สาธุประดิษฐ์ รวมทั้งบริเวณถนนพัฒน์พงษ์ซึ่งมีแผงค้ากว่า 90 แผงรองรับผู้ค้าแล้ว จุดดังกล่าวถือเป็นต้นแบบการจัดระเบียบ หากจุดอื่นๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ กทม. ดำเนินการจัดระเบียบไปแล้ว แต่ผู้ค้าไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ก็จะดำเนินการยกเลิกแผงค้าในจุดนั้นๆต่อไปด้วย

    ทั้งนี้ จากการร้องเรียนนอกจากประชาชนจะไม่ได้รับความสะดวกแล้ว ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่สามารถใช้ช่องทางจราจรช่องซ้ายสุดได้ทั้ง 2 ฝั่ง เนื่องจากเวลาค้าขายผู้ค้านำรถมาจอดขนถ่ายสินค้า ทำให้พื้นผิวการจราจรลดลง กทม. ได้ประสานไปยังผู้ค้าให้ตั้งวางแผงค้า และปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด แต่ผู้ค้ายังไม่ปฏิบัติตาม ประกอบกับ ผู้ที่ใช้ทางเท้าไม่สามารถใช้ทางเท้าสัญจรไปมาได้อย่างสะดวก เนื่องจากผู้ค้าตั้งวางแผงค้าจนล้นพื้นที่ ทำให้ประชาชนต้องลงมาเดินบนพื้นผิวจราจร นอกจากนี้ ผู้ค้าส่วนใหญ่ยังมีการนำสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ มาค้าขาย มีการขายอาหาร และเทน้ำทิ้งลงในท่อระบายน้ำ ทำให้เกิดปัญหาท่ออุดตันเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ และปัญหาความสะอาด

    จับ 2 ล่า 2 ผู้ต้องสงสัยเตรียมถล่มอิตาลี

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยรัฐทีวี (http://www.thairath.co.th/content/618315)
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยรัฐทีวี (http://www.thairath.co.th/content/618315)

    วันที่ 10 พ.ค. 2559 เว็บไซต์ไทยรัฐทีวีรายงานโดนอ้างสำนักข่าว ANSA ของอิตาลี ที่รายงานว่า ทางการอิตาลีได้ออกหมายจับผู้ต้องสงสัยจำนวน 4 คน ที่ได้มีการวางแผนที่จะก่อเหตุโจมตีอิตาลีและสหราชอาณาจักรในวันนี้ (10 พ.ค.) โดยผู้ต้องสงสัย 2 คน ถูกจับกุมตัวที่เมืองบารี ขณะที่อีก 2 คน กำลังอยู่ในระหว่างการหลบหนี

    ข่าวแจ้งว่า ผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ถือสัญชาติอัฟกานิสถาน และเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายก่อการร้ายที่มีความสัมพันธ์กับเครือข่ายในเบลเยียมและฝรั่งเศส โดยทางการอิตาลียังระบุชื่อว่าคือนายฮาคิม นาซารี ผู้ต้องหาคดีการก่อการร้ายระหว่างประเทศ และนายกูลิซาตาน อาหมัดไซ ผู้ต้องหาคดีลักลอบนำคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ส่วนผู้ต้องสงสัยอีก 3 คนที่กำลังหลบหนี มี 2 คนซึ่งเป็นที่น่าสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายระหว่างประเทศ และคนที่ 3 อาจมีส่วนร่วมในการการลักลอบนำคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย

    ขณะเดียวกัน ด้านเจ้าหน้าที่สอบสวนอิตาลี ได้ทำการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือและพบภาพเป้าหมายที่มีศักยภาพในการโจมตีก่อการร้าย โดยเป็นห้างสรรพสินค้าในอิตาลีและสหราชอาณาจักร สนามบินเมืองบารี โคลีเซียมและ กีร์กุสมักซิมุส สนามกีฬากลางแจ้งของจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรม รวมทั้งโรงแรมและร้านอาหารในกรุงลอนดอน

    “ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดมีการเชื่อมโยงกับเครือข่ายนักรบมุสลิมหัวรุนแรงในอิรักและอัฟกานิสถาน เครือข่ายผู้ก่อการร้ายได้เผยแพร่อุดมการณ์ความรุนแรงบนอินเทอร์เน็ตเพื่อทำสงครามศักดิ์สิทธิ์และเทคนิคการต่อสู้ รวมถึงคำแนะนำในการทำวัตถุระเบิด” ตำรวจอิตาลีระบุ

    สั่งปิด “รพ.เดชา”

    เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค. นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก สบส.ได้รับเรื่องร้องเรียนว่า โรงพยาบาลเดชา ถนนพญาไท ปิดไฟมืด มีแพทย์ 1 คน พยาบาลมีน้อยมาก รวมถึงปิดห้องฉุกเฉิน แสดงว่าไม่มีความพร้อมในการให้บริการรักษาพยาบาล จากการตรวจสอบ พบว่า ผู้ประกอบการของโรงพยาบาลฯ เสียชีวิตแล้วประมาณ 1 เดือน อยู่ระหว่างการหาผู้ประกอบการคนใหม่ ขณะเดียวกันก็ยังพบว่า จำนวนบุคลากรมีน้อยมาก ไม่เป็นไปตามมาตรฐานโรงพยาบาลขนาด 100 เตียง จึงถือว่าโรงพยาบาลเดชาเป็นสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะฉะนั้นในวันนี้ (11 พ.ค.) สบส.จึงมีคำสั่งปิดโรงพยาบาลเดชา ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตรา 52 (1) เป็นระยะเวลา 30 วัน หรือจนกว่าจะสามารถหาผู้ประกอบการคนใหม่ได้ นพ.บุญเรือง กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังพบว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยใน ที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาลเดชา จำนวน 7 คน เป็นผู้ป่วยในระบบประกันสังคม ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลอื่น ส่วนผู้ป่วยนอกนั้น มีน้อยอยู่แล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม ถ้าโรงพยาบาลเดชาสามารถหาผู้ประกอบการใหม่ได้แล้ว และประสงค์ที่จะเปิดให้บริการรักษาพยาบาลอีก ก็ต้องยื่นเรื่องขออนุญาตมาที่ สบส. เพื่อพิจารณาตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานของสถานที่และบุคลากรผู้ปฏิบัติงานอีกครั้งก่อนจะอนุญาตให้เปิดสถานพยาบาลได้