ThaiPublica > เกาะกระแส > เกาะกระแสเศรษฐกิจ > ศูนย์วิจัยฯไทยพาณิชย์ วิเคราะห์ BOJ ประกาศอัตราดอกเบี้ยติดลบ กดดันเยนอ่อนค่า

ศูนย์วิจัยฯไทยพาณิชย์ วิเคราะห์ BOJ ประกาศอัตราดอกเบี้ยติดลบ กดดันเยนอ่อนค่า

1 กุมภาพันธ์ 2016


ที่มาภาพ : http://media.economist.com/images/images-magazine/2010/23/fn/201023fnp003.jpg
ที่มาภาพ : http://media.economist.com/images/images-magazine/2010/23/fn/201023fnp003.jpg

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ(EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ วิเคราะห์ธนาคารกลางญี่ปุ่น (Bank of Japan: BOJ) ประกาศอัตราดอกเบี้ยติดลบ กดดันเยนอ่อนค่า

ธนาคารกลางญี่ปุ่น ประกาศดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายเพิ่มเติม โดยปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของเงินที่ธนาคารพาณิชย์ในญี่ปุ่นฝากไว้กับ BOJ จากเดิมที่ 0.1% มาเป็นการกำหนดอัตราดอกเบี้ย 3 ขั้นซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำที่สุดอยู่ที่ -0.1% (อัตราดอกเบี้ย 3 ขั้น ได้แก่ 0.1%, 0% และ -0.1% ขึ้นอยู่กับปริมาณเงินที่ธนาคารพาณิชย์ในญี่ปุ่นฝากไว้กับ BOJ) ขณะที่วงเงินที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นยังคงเดิมที่ 80 ล้านล้านเยนต่อปี

BOJ ดำเนินมาตรการดังกล่าวเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ โดยในเดือนธันวาคม อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลออยู่ที่ 0.2% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของ BOJ ที่ 2% อยู่มาก อีกทั้งผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม 2015 ที่ลดลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ การดำเนินนโยบายของ BOJ จะเป็นการเพิ่มปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจซึ่งจะจูงให้เกิดการขยายตัวของการลงทุนและการบริโภค และส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและการเร่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อต่อไป

ธนาคารพาณิชย์ในญี่ปุ่นมีแนวโน้มลดการถือครองเงินสดส่วนเกินและปล่อยสินเชื่อมากขึ้น การที่ BOJ กำหนดอัตราดอกเบี้ยติดลบสำหรับเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ในญี่ปุ่นที่ฝากไว้กับ BOJ ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ในญี่ปุ่นมีแรงจูงใจในการเก็บเงินสดลดลง ซึ่งธนาคารพาณิชย์ญี่ปุ่นน่าจะมีการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น หรืออาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไปพร้อมกันเพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ในญี่ปุ่นมีเงินสดในมือน้อยลง

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (Japan Government Bond Yield : JGB Yield) มีแนวโน้มลดลง เนื่องจาก JGB Yield ในระยะสั้นมีความสัมพันธ์กับอัตราดอกเบี้ยที่ BOJ กำหนด การลดอัตราดอกเบี้ยของ BOJ จึงกดดันให้อัตราผลตอบแทนของ JGB ในระยะสั้นลดลง ในขณะที่ปริมาณเงินที่เพิ่มเข้ามาในระบบเศรษฐกิจก็จะกดดันต่อ JGB Yield ในระยะยาวให้มีแนวโน้มลดลงด้วย การปรับลดลงของ JGB Yield ในทุกช่วงอายุคงเหลือนี้น่าจะเป็นการกระตุ้นให้ราคาสินทรัพย์ทางการเงินประเภทอื่นๆ ปรับตัวสูงขึ้น

BOJ อาจมีการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพิ่มเติมอีกในอนาคตซึ่งอาจเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม หรือการเพิ่มวงเงินการเข้าซื้อ JGB โดย BOJ น่าจะประเมินประสิทธิผลของรูปแบบของการดำเนินนโยบายว่านโยบายแบบใดให้ผลในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ดี และจะประกาศนโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติมในลักษณะนั้นหรือทั้งสองแบบพร้อมๆ กันต่อไป

อีไอซีคาดการณ์ว่าเงินเยนมีแนวโน้มอ่อนค่า ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ BOJ อาจมีการออกมาตรการผ่อนคลายนโยบายทางเงินเพิ่มเติม เงินเยนเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ (USD-JPY) จึงมีแนวโน้มอ่อนค่าลงได้เล็กน้อยในปีนี้ ซึ่งผู้ประกอบการที่มีรายได้ในรูปเงินเยนอาจพิจารณาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ตลาดการเงินโลกมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้นจากทิศทางที่แตกต่างกันของการดำเนินนโยบายทางการเงิน ( Monetary Policy Divergence ) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ Fed มีทิศทางการดำเนินนโยบายในลักษณะเข้มงวดขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจยุโรปยังมีความไม่แน่นอนซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ขยายมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติม อีกทั้งธนาคารกลางจีน (People’s Bank of China : PBOC) อาจปรับลดค่าเงินหยวนลงอีก ผลจากทิศทางของนโยบายทางการเงินโลกมีความหลากหลายเช่นนี้ จะนำมาซึ่งความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนในตลาดการเงินทั่วโลก