
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด และลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากพันธมิตรทางการค้าส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ ลงเหลือ 10% เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อเที่ยงคืนที่ผ่านมา ตามเวลาสหรัฐ เพื่อเปิดทางให้ประเทศเหล่านี้มีการเจรจาการค้ายกเว้นจีน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากประธานาธิบดีที่ยืนกรานว่าจะเดินหน้าเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศต่อไป
ทรัมป์โพสต์บน Truth Social ว่า “ผมอนุญาตให้ระงับชั่วคราว 90 วัน และลดภาษีศุลกากรแบบตอบโต้(Reciprocal Tariff) ลงอย่างมากเป็น 10% ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยจะมีผลบังคับใช้ทันที” และในโพสต์เดียวกันยังระบุว่า สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนอีกเป็น 125%
เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศเก็บอัตราภาษีพื้นฐาน 10% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากกว่า 180 ประเทศ และสินค้าที่นำเข้าจาก 90 ประเทศบางส่วนจะต้องเสียภาษีศุลกากรแบบตอบโต้( reciprocal tariffs)ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันพุธ(9 เมษายน) โดยอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นมีตั้งแต่ 11% ต่ำสุดไปจนถึง 50% สูงสุด
ต่อมา รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ ชี้แจงว่า ประเทศต่างๆ ยกเว้นจีน จะกลับไปใช้ภาษีพื้นฐาน 10% ลดลงจากอัตราที่สูงกว่านี้ แต่การระงับใช้ภาษีนี้จะไม่มีผลกับภาษีของแต่ละภาคอุตสาหกรรม
ภาษีพื้นฐาน 10% มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 5 เมษายนและภาษีศุลกากรแบบตอบโต้( reciprocal tariffs)ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน
เมื่อถูกถามถึงเหตุผลในการตัดสินใจของเขาในการแถลงข่าวบ่ายวันเดียวกันภายหลัง ทรัมป์บอกกับนักข่าวว่า “ผมคิดว่าคนกำลังออกนอกลู่นอกทางไปนิดหน่อย”
“พวกเขาตื่นตูม(getting yippy) คุณรู้ไหม พวกเขาวิตก และรู้สึกกลัวเล็กน้อย” ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาว
สก็อตต์ เบสเซตต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวกับนักข่าวว่า ทรัมป์ตั้งใจที่จะชะลอการขึ้นภาษีศุลกากรในวงกว้างที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมาโดยตลอด
เบสเซตต์กล่าวที่ทำเนียบขาวว่า “นี่เป็นกลยุทธ์ของเขามาตลอด” ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่ รวมทั้งตัวเขาเอง ปฏิเสธมาหลายวันแล้วว่าจะไม่ระงับการขึ้นภาษีศุลกากร
ต่อมาทรัมป์บอกกับนักข่าวว่าแผนดังกล่าว “เกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันนี้” หลังจากพบกับโฮเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเบสเซนต์ “เราเขียนมันขึ้นมาจากใจจริง”
เบสเซนต์กล่าวว่าทรัมป์จะ “มีส่วนร่วมโดยตรง” ในทุกการหารือ เพราะเขาต้องการหาทางประนีประนอม
สารที่ต้องการสื่อถึงประเทศอื่นๆ คือ “อย่าตอบโต้แล้วคุณจะได้รับรางวัล” เบสเซนต์กล่าว พร้อมเสริมว่าการดำเนินการครั้งนี้ “เป็นสัญญาณว่าประธานาธิบดีทรัมป์ใส่ใจเรื่องการค้าและเราต้องการเจรจาด้วยความจริงใจ”
เบสเซนต์และโฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อยู่ด้วยกันกับทรัมป์เมื่อทรัมป์โพสต์ข้อความบน Truth Social และลุตนิกยืนยันในโพสต์บน X ว่า “โลกพร้อมที่จะทำงานร่วมกับประธานาธิบดีทรัมป์เพื่อแก้ไขการค้าโลก และจีนกลับเลือกในทิศทางตรงกันข้าม”
เบสเซนท์ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักเกี่ยวกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นหลังจากช่วงหยุดดำเนินการ 90 วัน แต่กล่าวว่ารัฐบาลจะยังคงหารือกับประเทศอื่นๆ ในระหว่างนี้ ตัวอย่างเช่น เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะพบกับตัวแทนจากเวียดนามในวันพุธ
“นี่เป็นการเจรจาที่ซับซ้อน” เบสเซนท์กล่าว แต่หลังจากเห็น “ระดับสูงสุด” ของภาษีนำเข้าที่ทรัมป์พร้อมที่จะปรับขึ้น ก็เชื่อว่าจะมีประเทศอื่นๆ อีกมากมายที่เต็มใจที่จะยอม
ขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนอีกเป็น 125%
จีนซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกจะยังคงถูกขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศในอัตราสูง โดยทรัมป์กล่าวว่าจะเพิ่มอัตราภาษีเป็น 125% จาก 104% หลังจากที่จีนประกาศขึ้นภาษีตอบโต้สหรัฐฯ เพิ่มเติมเมื่อช่วงเช้าวันพุธ(9 เมษายน)ที่ผ่านมาเป็น 84% ส่วนประเทศอื่นๆ ที่ต้องเสียภาษีสินค้านำเข้าแบบตอบโต้(reciprocal tariffs) ในวันพุธนั้น อัตราภาษีreciprocal tariffs จะลดลงมาเท่ากับอัตราภาษีพื้นฐานที่ 10%
“จากการที่จีนขาดความเคารพต่อตลาดโลก ผมจึงปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนที่สหรัฐฯ เรียกเก็บเป็น 125% โดยจะมีผลทันที” ทรัมป์โพสต์บนโซเชียลมีเดีย “ในอนาคตอันใกล้นี้ หวังว่าจีนจะตระหนักว่าการเอาเปรียบสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ นั้นไม่ยั่งยืนหรือเป็นที่ยอมรับได้อีกต่อไป”
ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวหลังการประกาศว่า “เรื่องยังไม่จบ แต่เราได้กำลังใจอย่างล้นหลามจากประเทศอื่นๆ รวมถึงจีนด้วย จีนต้องการทำข้อตกลง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร”
ทรัมป์กล่าวว่า “มากกว่า 75 ประเทศ” ติดต่อเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ เพื่อเจรจาหลังจากที่เขาเปิดเผยภาษีศุลกากรใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ในโพสต์บน Truth Social ทรัมป์ ว่า “จากข้อเท็จจริงที่ว่ามีประเทศมากกว่า 75 ประเทศได้โทรศัพท์ไปหาตัวแทนของสหรัฐอเมริกา… และประเทศเหล่านี้ไม่ได้ตอบโต้สหรัฐอเมริกาในรูปแบบใดๆ ตามคำแนะนำที่หนักแน่นของผม”
นเบสเซนต์กล่าวเมื่อวันพุธว่า “เราจะรอดูว่าจีนจะทำอะไร แต่สิ่งที่ผมแน่ใจก็คือสิ่งที่จีนกำลังทำอยู่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีนมากกว่าของเรา”
สหรัฐปรับภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนให้สูงขึ้นหลังจากที่จีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 84% เพื่อตอบโต้ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันพฤหัสบดี
ยุโรปยังถูกเก็บภาษีเหล็ก-รถยนต์
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวบอกกับ CNN ว่าเม็กซิโกและแคนาดาจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 10% และสินค้าเกือบทุกรายการที่มาจากทั้งสองประเทศจะยังคงถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% เว้นแต่จะปฏิบัติตามข้อตกลงสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา ซึ่งในกรณีนั้นสินค้าจะไม่ต้องถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่รวมถึงภาษีนำเข้าเฉพาะภาคอุตสาหกรรมที่ทรัมป์กำหนด
สำหรับอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากประเทศหลักๆ หลังประธานาธิบดีทรัมป์ได้อนุมัติการระงับแผนภาษีศุลกากรแบบตอบแทนเป็นเวลา 90 วันสำหรับทุกประเทศยกเว้นจีน มีดังนี้
จีน: ภาษีศุลกากรจีนของสหรัฐฯ ถูกปรับเพิ่มเป็นอัตรารวม 125% นอกจากนี้ ทรัมป์ยังยกเลิก De minimis หรือมูลค่าขั้นต่ำในการนำเข้าที่ไม่ต้องเสียภาษี สำหรับสินค้าราคาถูกจากจีนและฮ่องกงตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม
สหภาพยุโรป: แม้สหภาพยุโรปจะประกาศมาตรการตอบโต้ แต่ภาษีศุลกากรดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้ ดังนั้น ภาษีศุลกากรแบบreciprocol tariff อัตรา 20% สำหรับสหภาพยุโรปจึงถูกระงับ และสินค้าจากสหภาพยุโรปที่มุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ จะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราพื้นฐาน 10%
เมื่อวานนี้เช่นกัน สหภาพยุโรปอนุมัติเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯชุดแรก มูลค่า 3.9 พันล้านยูโร เพื่อตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมของสหภาพยุโรปเป็น 25% ที่ทรัมป์เรียกเก็บเมื่อเดือนที่แล้ว โดยจะมีผลในวันที่ 15 เมษายน ส่วนมาตรการภาษีชุดที่สองเก็บจากสินค้ามูลค่ารวม 21 พันล้านยูโร จะมีผลในวันที่ 16 พฤษภาคม และมาตรการภาษีชุดที่สามเก็บจากสินค้ามูลค่ารวม 3.5 พันล้านยูโร จะมีผลในวันที่ 1 ธันวาคม

เม็กซิโกและแคนาดา: ภาษีศุลกากรสำหรับเพื่อนบ้านของสหรัฐฯ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง สินค้าที่เป็นไปตามข้อตกลงสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) สามารถข้ามพรมแดนได้โดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร ส่วนสินค้าที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลงจะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่ 25% ยกเว้นพลังงานและโพแทชซึ่งเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่ 10% แคนาดาและเม็กซิโกได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากรพื้นฐาน 10% เมื่อวันที่ 5 เมษายน และจะยังคงได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากรดังกล่าวต่อไป
กลุ่มเหล็กและยานยนต์: ภาษีศุลกากรก่อนหน้านี้สำหรับการนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากต่างประเทศ (จัดเก็บในอัตรา 25%) และยานยนต์ (จัดเก็บในอัตรา 25%) ไม่เปลี่ยนแปลงจากนโยบายล่าสุดของประธานาธิบดี
