ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 18-24 ตุลาคม 2558: “รวบ ‘หมอหยอง-พวก’ แอบอ้างเบื้องสูง” และ “‘Anonymous’ กลุ่มแฮกเกอร์ดัง ร่วมต่อต้านซิงเกิลเกทเวย์”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 18-24 ตุลาคม 2558: “รวบ ‘หมอหยอง-พวก’ แอบอ้างเบื้องสูง” และ “‘Anonymous’ กลุ่มแฮกเกอร์ดัง ร่วมต่อต้านซิงเกิลเกทเวย์”

24 ตุลาคม 2015


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 18-24 ตุลาคม 2558

-รวบ “หมอหยอง-พวก” แอบอ้างเบื้องสูง
-คะแนนต่ำสุดในเอเชีย ไทยวืดเก้าอี้สิทธิมนุษยชนยูเอ็น
-กยศ. เล็ง “หักเงินเดือนใช้หนี้” เอาชื่อเข้าเครดิตบูโร
-รัฐเจาะ-เฟซแจ้ง “เฟซบุ๊ก” เริ่มเตือนหากพบรัฐแฮ็กบัญชี
-“Anonymous” กลุ่มแฮกเกอร์ดัง ร่วมต่อต้านซิงเกิลเกทเวย์

รวบ “หมอหยอง-พวก” แอบอ้างเบื้องสูง

ที่มาภาพ: เว็ยบไซต์ไทยรัฐออนไลน์ http://www.thairath.co.th/content/533906
ที่มาภาพ: เว็ยบไซต์ไทยรัฐออนไลน์ http://www.thairath.co.th/content/533906

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา คดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 (ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี) หรือที่มักเรียกกันว่า “คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” (คดีหมิ่นฯ) ได้กลายเป็นเรื่องที่ผู้คนกล่าวถึงกันอีกครั้ง เมื่อผู้ต้องหาคนหนึ่งในคดีหมิ่นฯ ล่าสุดนี้คือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ “หมอหยอง” หมอดูชื่อดัง ซึ่งโดนควบคุมตัวพร้อมกับ นายจิระวงศ์ วัฒนาเทวาศิลป์ หรือ “อาร์ท” เลขาฯ ของหมอหยอง และ พ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภา หรือ “สารวัตรเอี๊ยด” สารวัตร ปอท. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี)

เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 21 และ 22 ต.ค. 2558 ว่า พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ยืนยัน การแอบอ้างเบื้องสูง ถือเป็นความผิดร้ายแรง หลักฐานพาดพิงใครก็ต้องสอบ ขบวนการอาจมีมากกว่า 3 คน ซึ่งอยู่กับการรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนจะมีนักธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการสอบสวน

ทั้งนี้ ในชั้นสอบสวน ทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพตามหลักฐาน โดยสารภาพว่ากระทำการแอบอ้างเบื้องสูงมาประมาณ 1-2 เดือนแล้ว และมีการ “พาดพิง” ถึงนายตำรวจทั้ง 8 นาย ที่ถูกโยกย้ายให้มาช่วยราชการก่อนหน้านี้ (รายละเอียด) ขณะที่ตำรวจก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป สำหรับพฤติการณ์ทั้งหมดอยู่ในสำนวน ต่อจากนี้ เจ้าหน้าที่จะนำทั้งตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ไปยังเรือนจำชั่วคราว แขวงนครชัยศรี ใน มทบ.11

อนึ่ง ผู้ต้องหาทั้งหมดจะถูกนำตัวขึ้นศาลทหารตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วันที่ 25 พ.ค. 2557 ซึ่งระบุว่า ผู้ที่กระทำความผิดตามมาตรา 112 จะต้องมีการนำขึ้นศาลทหาร ส่วนผู้ที่กระทำความผิดก่อนหน้านี้จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลอาญาตามปกติ

คะแนนต่ำสุดในเอเชีย ไทยวืดเก้าอี้สิทธิมนุษยชนยูเอ็น

ที่มาภาพ: เว็บไซต์ข่าวสด http://goo.gl/pZm9eR
ที่มาภาพ: เว็บไซต์ข่าวสด http://goo.gl/pZm9eR

วันที่ 22 ต.ค. 2558 เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ยูเอ็นนิวส์ เซ็นเตอร์รายงานว่า สมาชิกสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ จัดการเลือกตั้งสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ UN HRC วาระปี ค.ศ. 2015-2017 จำนวน 15 ประเทศ ผลออกมา มีสมาชิกใหม่ ได้แก่ แอลเบเนีย บังกลาเทศ เอลซัลวาดอร์ กานา ลัตเวีย เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย โปรตุเกส และกาตาร์

ส่วนสมาชิกเดิมที่จะหมดวาระแต่ได้รับเลือกให้ทำหน้าที่ต่อ มีโบลิเวีย บอตสวานา คองโก อินเดีย และอินโดนีเซีย

ด้านเว็บไซต์ข่าวแร็ปเปลอร์ของฟิลิปปินส์รายงานว่า สำหรับประเทศไทยที่พยายามสมัครเป็นสมาชิกในคณะมนตรีนี้ได้คะแนนน้อยที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชีย 5 ประเทศ คือ 136 คะแนน เป็นรองกาตาร์ที่ได้ 142 คะแนน บังกลาเทศ 149 คะแนน อินโดนีเซีย 152 คะแนน และอินเดีย 162 คะแนน

ก่อนหน้าการลงคะแนน กลุ่มสิทธิมนุษยชนกลุ่มต่างๆ เตือนรัฐบาลไทยหลายครั้งให้เร่งปรับปรุงด้านสิทธิมนุษยชน เช่น กลุ่มฮิวแมนไรต์วอตช์ในนิวยอร์ก กลุ่มสหพันธ์นานาชาติด้านสิทธิมนุษยชนในปารีส และกลุ่มยูเนียน ฟอร์ ซีวิล ลิเบอร์ตี้ ในกรุงเทพฯ เรียกร้องให้ไทยยกเลิกกฎอัยการศึก ที่ใช้มาตั้งแต่การยึดอำนาจในวันที่ 22 พ.ค.

นอกจากนี้กลุ่มฮิวแมนไรท์ วอทช์ ยังทำหนังสือถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 18 ต.ค. เตือนว่า คำสัญญาของไทยที่จะสนับสนุนสิทธิมนุษยชนยังไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างจริงจัง หากประเทศยังอยู่ภายใต้กฎทางทหาร จึงขอเรียกร้องให้ยุติการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการประท้วงอย่างสันติ

ทั้งนี้ เมื่อปี 2010 ก่อนเหตุสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง ไทยเคยได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนครั้งแรก วาระ 3 ปี ด้วยคะแนนเสียง 182 เสียง

กยศ. เล็ง “หักเงินเดือนใช้หนี้” เอาชื่อเข้าเครดิตบูโร

ที่มาภาพ: เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ http://goo.gl/4N4Sjx
ที่มาภาพ: เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ http://goo.gl/4N4Sjx

วันที่ 19 ต.ค. 2556 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า น.ส.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า ขณะที่ กยศ. กำลังปรับยกร่าง พ.ร.บ.กองทุนเพื่อการศึกษาให้มีอำนาจเข้าถึงฐานข้อมูลของผู้กู้ และสามารถสั่งให้นายจ้างหักเงินเดือนของบุคลากรในหน่วยงานได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบ เพราะขณะนี้ มีผู้กู้ กยศ. จำนวนมากไม่ดำเนินการแจ้งที่อยู่ปัจจุบัน เพราะผู้กู้ส่วนใหญ่คิดว่าการที่ไม่แจ้งที่อยู่ปัจจุบันหรือไม่ติดต่อชำระหนี้กับทาง กยศ. เป็นการกระทำที่จะสามารถทำให้หนี้หายไป ซึ่งตนขอยืนยันว่าหนี้ดังกล่าวไม่มีทางหักลบ โดยหาก พ.ร.บ.ดังกล่าวประกาศใช้ กยศ. ก็จะสามารถทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับองค์กรนายจ้าง ให้หักเงินเดือนบุคลากรที่เป็นผู้กู้ โดยมีมาตรการจูงใจต่างๆ เช่น ในกรณียินยอมให้หักเงินเดือน อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 ทาง กยศ. มีนโยบายนำบัญชีของผู้กู้ทั้งหมดเข้าเป็นสมาชิกของเครดิตบูโร ซึ่งจะแสดงสถานะบัญชีของผู้กู้ จึงขอความร่วมมือผู้กู้ที่ค้างชำระหนี้ให้เร่งดำเนินการติดต่อมายัง กยศ. เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ

ทั้งนี้ ปัจจุบัน มีนักเรียน นักศึกษากู้ยืมเงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. จำนวนทั้งสิ้น 4,400,000 ราย คิดเป็นมูลหนี้ 400,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีจำนวนนักเรียน นักศึกษา ที่ครบกำหนดชำระหนี้ จำนวน 2,900,000 ราย แต่มีผู้ที่สามารถชำระเงินได้เพียง 2,100,000 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ชำระประจำ หรือ ชำระต่อเนื่อง จำนวน 1,200,000 ราย ขณะที่ อีก 900,000 รายมีการผิดชำระ หรือ ชำระไม่สม่ำเสมอ ซึ่งหากเบี้ยวชำระติดต่อกัน 4 ปี กยศ.จะดำเนินการยกเลิกสัญญา และฟ้องร้องตามกฎหมาย ปัจจุบันมีผู้ถูกดำเนินการทางกฎหมายกว่า 700,000 ราย คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 30,000 ล้านบาท

และผลจากการไม่ชำระเงินคืนของผู้กู้รายเก่า ทำให้เงินในกองทุนที่หมุนเวียนออกมาให้ผู้กู้ลดลงในแต่ละปี และวิกฤตมากที่สุดในปี 2557 ที่มีการชำระเงินคืนเพียง 11,911 ล้านบาท ขณะที่ได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาล และ คสช. เพียง 16,800 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 28,711 ล้านบาท ทำให้ปี 2557 เป็นปีที่มีเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาน้อยที่สุด (รายละเอียด)

รัฐเจาะ-เฟซแจ้ง “เฟซบุ๊ก” เริ่มเตือนหากพบรัฐแฮ็กบัญชี

ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ http://www.thairath.co.th/content/533671
ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ http://www.thairath.co.th/content/533671

เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2558 โดยอ้างสำนักข่าวต่างประเทศว่า สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัทเฟซบุ๊ก เครือข่ายสังคมออนไลน์ใหญ่สุดในโลก เดินเครื่องมาตรการป้องกันความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่โดนแฮกข้อมูลจากหน่วยงานรัฐ ด้วยการจะเริ่มมีการแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้เฟซบุ๊ก หากสงสัยว่ากำลังโดนโจมตี แฮกเข้าระบบบัญชีของผู้ใช้จากแฮกเกอร์ หรือมัลแวร์จากทางรัฐบาล

นายอเล็กซ์ สตามอส เจ้าหน้าที่ระดับสูง หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของข้อมูลบริษัทเฟซบุ๊ก โพสต์ข้อความลงในบล็อกของตนเอง เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา หากทางเฟซบุ๊กพบว่า บัญชีผู้ใช้ใดกำลังโดนแฮกจากรัฐบาล จะมีคำแจ้งเตือนไปยังบัญชีผู้ใช้นั้นทันที โดยจะมีคำเตือนส่งถึง มีข้อความว่า “กรุณาป้องกันบัญชีของคุณเดี๋ยวนี้ เพราะทางเฟซบุ๊กเชื่อว่า บัญชีเฟซบุ๊กของคุณ และบัญชีออนไลน์อื่นๆ ของคุณอาจตกเป็นเป้าโจมตีจากแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนโดยรัฐบาล…”

นายสตามอส เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟซบุ๊ก ยังระบุด้วยว่า ทางเฟซบุ๊กมีการนำระบบแจ้งเตือนดังกล่าวมาใช้ เนื่องจากเห็นว่าการแฮกข้อมูลจากองค์กรหรือหน่วยงานรัฐมีแนวโน้มที่มีความก้าวล้ำและอันตรายกว่า แฮกเกอร์อื่นๆ

”Anonymous” กลุ่มแฮกเกอร์ดัง ร่วมต่อต้านซิงเกิลเกทเวย์

ที่มาภาพ: ทวิตเอตร์ Anonymous (@YoueAnonNews) https://twitter.com/YourAnonNews/status/657186547834486784
ที่มาภาพ: ทวิตเอตร์ Anonymous (@YoueAnonNews) https://twitter.com/YourAnonNews/status/657186547834486784

วันที่ 22 ต.ค. เว็บไซต์มติชนออนไลน์รายงานว่า “Anonymous” กลุ่มแฮกเกอร์ชื่อดังระดับโลกที่เคยเจาะระบบของทั้งหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ และ อิสราเอล มาแล้ว ประกาศต่อต้านโครงการซิงเกิลเกทเวย์ของไทย ยืนยันไม่มีระบบดักจับข้อมูลแบบใดที่จะสามารถป้องกันการก่อการร้ายได้

“เราได้ติดตามสถานการณ์ในไทยมาตลอดหลายเดือนมีการจำกัดสิทธิในการแสดงความคิดเห็นการประท้วงและสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานต่อใครก็ตามที่ออกมาวิจารณ์คณะทหาร” แถลงการณ์ของกลุ่มแฮกเกอร์กล่าว

“โครงการล่าสุดของรัฐบาลคือการเตรียมนำระบบซิงเกิลเกทเวย์มาใช้เพื่อควบคุม ดักข้อมูล และจับกุมใครก็ตามที่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของคณะทหาร และสิ่งที่เรียกเอาเองว่าเป็นศีลธรรมอันดี”

“ไม่มีระบบดักข้อมูลแบบใดที่จะหยุดการโจมตีของผู้ก่อการร้าย หรือภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ไม่น่าจะเป็นชาติในเอเชียหรือตะวันตก มันมีแต่จะช่วยให้รัฐบาลและบริษัทขนาดใหญ่จอมละโมบได้โกยกำไรมากขึ้น แต่ทำให้ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงความเห็นลดน้อยลง”

แถลงการณ์ดังกล่าวยังได้ประณามการตั้งคนของกองทัพไปควบคุมการบริหารงานของผู้ดำเนินการกิจการโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้พร้อมข่มขู่ว่าบริษัทหรือบุคคลใดที่ช่วยเหลือผลักดันโครงการซิงเกิลเกทเวย์อาจตกเป็นเป้าหมายในการโจมตีทางไซเบอร์จากพวกตน

นอกจากนี้กลุ่มAnonymousยังกล่าวว่าพวกเขาจะไม่เพียงต่อต้านซิงเกิลเกทเวย์เท่านั้น แต่ยังเตรียมที่จะเปิดโปงความล้มเหลวของรัฐบาล ทั้งเรื่องการแก้ปัญหาทุจริต รวมถึงปัญหาชายแดนภาคใต้ที่ทำให้คนตายไปแล้วกว่า 6 พันราย

ทั้งนี้ แม้รัฐบาลไทยโดยผู้นำสูงสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะออกมาปฏิเสธว่ายังไม่ได้เริ่มทำโครงการซิงเกิลเกทเวย์ โดยย้ำว่าเป็นเพียง “การศึกษา” เพื่อหาแนวทางป้องกันภัยคุกคามจากอินเตอร์เน็ตเท่านั้น แต่ถึงขณะนี้หลายฝ่ายยังคงไม่มั่นใจว่าจะมีการเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปหรือไม่

รายงานเมื่อวานนี้ (21 ตุลาคม) พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าบอกว่าต้องไม่มีซิงเกิล เกทเวย์ ห้ามคำพูดของตัวเองได้หรือไม่ กับการไม่เขียนให้ร้ายประเทศและรัฐบาล ห้ามได้หรือเปล่า ถ้าห้ามไม่ได้ อย่ามาบอกว่าต้องใช้วิธีไหน เพราะห้ามกันเองยังไม่ได้เลย แล้วเมื่อไรมันจะปรองดองได้ แบ่งคนออก 2 ข้าง 3 ข้างตลอด ตนพยายามลดระดับลง ก็มาพยายามตั้งแง่ ตั้งประเด็นให้ทะเลาะกัน ประเทศ ได้ประโยชน์อะไร ไม่เห็นได้อะไรเลย

จากความไม่ชัดเจนว่าจะเกิดซิงเกิลเกทเวย์หรือไม่ แต่ท่าทีของรัฐบาลที่ต้องการห้ามการแสดงความเห็นในเชิงที่รัฐบาลมองว่า “เป็นการทำร้ายประเทศ” ทำให้นักกิจกรรมไซเบอร์ยังไม่ยุติการทำกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลในเรื่องซิงเกิลเกทเวย์ ซึ่งในประเทศไทยเอง กลุ่มพลเมืองต่อต้าน Single Gateway ได้อ้างว่าในวันนี้ พวกเขาได้ถล่มระบบบัญชีและการเงินของกรมการเงินทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย จนไม่สามารถทำงานได้ ไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง