ThaiPublica > เกาะกระแส > เกาะกระแสการเมือง > ครม.ขอ “สนามกอล์ฟ-บ่อปลา” งดใช้น้ำ เตรียมแก้เฉพาะหน้าช่วยชาวนาช่วงแล้งหนัก ผ่าน พ.ร.บ.เวนคืนที่ดินฉบับใหม่ ให้แปล กม.ไทยทุกฉบับเป็นภาษาอาเซียน

ครม.ขอ “สนามกอล์ฟ-บ่อปลา” งดใช้น้ำ เตรียมแก้เฉพาะหน้าช่วยชาวนาช่วงแล้งหนัก ผ่าน พ.ร.บ.เวนคืนที่ดินฉบับใหม่ ให้แปล กม.ไทยทุกฉบับเป็นภาษาอาเซียน

23 มิถุนายน 2015


ครม.วอน “สนามกอล์ฟ-บ่อปลา” งดใช้น้ำ เตรียมออกแพ็คเกจช่วยชาวนาช่วงแล้งหนัก ผ่าน พ.ร.บ.เวนคืนที่ดินฉบับใหม่ ให้แปล กม.ไทยทุกฉบับเป็นภาษาอาเซียน ผ่าน กม.เวนคืนที่ดินฉบับใหม่ – เพิ่มค่าธรรมเนียมทำบัตร ปชช.ใหม่ ปรับICAO ไม่ทันกำหนดเดิม – ของบ 400 ลบ.ตั้ง สนง.การบินพลเรือน

580623pravit
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2558 ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม แทน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปร่วมการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 6 (Ayeyawady – Chao Phraya – Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) ที่กรุงเนย์ปิดอว์ ประเทศพม่า วาระสำคัญอยู่ที่การแก้ไขภัยแล้ง

วอน “สนามกอล์ฟ-บ่อปลา” งดใช้น้ำช่วงแล้ง – ช่วยชาวนาเพิ่ม 590 ล้าน

พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประวิตร สั่งการถึงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในปีนี้ เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนเหลือน้อยกว่าปีที่ผ่านมาถึง 70% ทำให้เกษตรกรหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม ร่วมกันแก้ไขปัญหา โดยให้เลื่อนการปลูกข้าวเป็นปลายเดือนกรกฎาคม 2558 แทน ทั้งนี้ ในเขตลุ่มน้ำภาคกลาง ในเขตชลประทาน มีการปลูกไปแล้ว 4 ล้านไร่ ยังไม่ได้ปลูกทำเพียง 3.7 ล้านไร่ ส่วนนอกเขตชลประทาน ปลูกข้าวไปแล้ว 1.3 ล้านไร่ ยังไมได้ปลูก 1 ล้านไร่

“รัฐบาลพยาบาลหาน้ำมาชดเชย ทั้งจากน้ำใต้ดิน น้ำบาดาล และฝนเทียม แต่ยังไม่สามารถชดเชยได้ทั้งหมด จึงขอให้ประชาชนที่ประกอบธุรกิจซึ่งต้องใช้น้ำ แต่ไม่มีความเร่งด่วน หรือลำบากยากแค้นเหมือนเกษตรกร เช่น สนามกอล์ฟ บ่อตกปลา อย่ามาใช้น้ำชลประทาน แต่ทราบว่าบางรายที่มีเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ ยังสูบเอาน้ำไปใช้ พล.อ.ประวิตรจึงได้ให้กระทรวงกลาโหม ส่งเจ้าหน้าที่ทหารลงไปตรวจสอบ หากไม่เชื่อฟัง ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย”

สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเร่งด่วนในช่วงภัยแล้ง เช่น การขออนุมัติงบประมาณ 51 ล้านเพื่อขุดเจาะแหล่งน้ำบาดาล 269 แห่งใน 22 จังหวัดภาคกลาง เพื่อนำไปหล่อเลี้ยงพื้นที่นอกเขตชลประทาน พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ขอถอนวาระออกไปพิจารณาในการประชุม ครม.เศรษฐกิจ ในวันที่ 24 มิถุนายน 2558 เนื่องจาก พล.อ. ประยุทธ์ได้มีข้อสังการให้นำมาตรการช่วยเหลือต่างๆ มาหารือในคราวเดียวกัน โดยจะออกมาในรูปแบบแพ็คเกจ โดยจะครบทุกกรณีทั้งน้ำใต้ดิน น้ำบาดาล ฝนเทียม และเงินช่วยเหลือเกษตรกร

พล.อ. สรรเสริญ กล่าวว่า วันเดียวกัน ที่ประชุม ครม.ยังได้มีมติเห็นชอบโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยไร่ละ 1 พันบาท สูงสุดไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2557 เพิ่มเติม ประกอบด้วย 1.ชาวนาในพื้นที่ภาคใต้โซนตะวันออก 37,000 ครัวเรือน และ 2.ชาวนาที่มาลงทะเบียนไว้ตั้งแต่ปลายปี 2557 แต่รายชื่อตกหล่นอีก 2,100 ครัวเรือน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 590 ล้านบาท ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องขออนุมัติงบประมาณก้อนใหม่ เพราะก้อนเดิมที่อนุมัติมาแล้ว 40,000 ล้านบาท เพิ่งใช้ไป 38,000 ล้านบาท ยังเหลืออีก 2,000 ล้านบาท

สำหรับวาระการประชุม ครม.ที่สำคัญอื่นๆ

อนุมัติ รฟม.เปลี่ยนเส้นทางศึกษาสร้างรถไฟทางคู่ในภาคใต้

พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบตามที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เสนอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการศึกษาความเหมาะสมในการก่อสร้างรถไฟทางคู่ จากเดิม เส้นทางสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เป็นเส้นทางสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ในวงเงินเท่าเดิมคือ 329 ล้านบาท เนื่องจากเส้นทางเดิม สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) มีแผนที่จะเข้าไปศึกษาอยู่แล้ว จึงต้องปรับแผนงานเพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน

ทอท.แจงลดงบปรับปรุงสุวรรณภูมิ เฟส 2 ได้ 5-6 พันล้าน

พล.อ. สรรเสริญ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้เสนอให้ที่ประชุม ครม. รับทราบถึงผลการดำเนินโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ซึ่งบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว แบ่งเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย

1.โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ดำเนินการต่อเนื่องจากระยะที่ 1 ทาง ทอท.รายงานว่าน่าจะสามารถปรับลดวงเงินจาก 6.2 หมื่นล้านบาท ได้ราว 5-6 พันล้านบาท โดยความคืบหน้าขณะนี้อยู่ระหว่างรอเสนอรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการชำนาญการ คาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ปลายเดือนมิถุนายน 2558

2.โครงการก่อสร้างทางวิ่งขึ้น-ลง (runway) แห่งที่ 3 วงเงิน 2.2 หมื่นล้านบาท มีปัญหาขึ้นเนื่องจากเดิมมีแผนเตรียมสร้าง runway ที่ 3 โดยมีทางวิ่งสำรองด้วย แต่เนื่องจากการทำทางวิ่งสำรองจะต้องทำ EIA ด้วย ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ต่างกับตัว runway ที่ 3 ที่มีการทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) อยู่แล้ว จึงมีข้อเสนอให้สร้างเฉพาะ runway ที่ 3 โดยไม่ต้องมีทางวิ่งสำรอง อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการชำนาญการ คาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ปลายเดือนมิถุนายน 2558 เช่นกัน

และ 3.โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร (terminal) หลังที่ 2 ซึ่งยังไม่มีวงเงิน เนื่องจาก ทอท.เพิ่งปรับจากแผนแม่บทในการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 คาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาได้ภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า สำหรับการสร้าง terminal หลังที่ 2 นี้มีกำหนดการแล้วเสร็จในปี 2562 จะทำให้สามารถรองรับผู้โดยสารจากเพิ่มปัจจุบันที่รับได้ประมาณ 40 ล้านคน/ปี เป็น 60 ล้านคน/ปี

1 เดือน”นาโนไฟแนนซ์”ยื่นขอแค่พันกว่าราย

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ยังกล่าวว่า กระทรวงการคลังได้รายงานให้ที่ประชุม ครม. รับทราบความคืบหน้าโครงการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเข้าถุงแหล่งเงินทุนของประชาชนรายย่อย หรือ “สินเชื่อ nano-finance” ที่ปัจจุบันมีผู้ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการแล้ว 5 บริษัท จากที่ยื่นขอมาทั้งหมด 18 บริษัท โดยธนาคารแห่งประเทศไทยเคยประเมินว่า น่าจะปล่อยสินเชื่อได้ราว 8 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินการในระยะแรก ในเดือนพฤษภาคม 2558 กลับมีผู้มาขอกู้สินเชื่อ nano-finance ไม่คึกคักอย่างที่คิด โดยสาเหตุน่าจะมาจากการคิดดอกเบี้ยในอัตราสูง และการปล่อยสินเชื่อมีความเข้มงวดในการคัดกรองคน อาทิ บริษัท ไทยเอชแคปปิตอล จำกัด มีผู้ยื่นขอสินเชื่อเพียง 15 ราย วงเงินเฉลี่ย 1-1.5 หมื่นบาท/ราย บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด มีผู้มายื่นขอสินเชื่อ 1 พันราย อนุมัติไปราว 50 ราย วงเงินเฉลี่ย 1 หมื่นบาท/ราย

พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ ได้ฝากข้อห่วงใยมาในการประชุม ครม.ครั้งนี้ด้วยว่า กรณีที่กระแสข่าวว่ารัฐบาลจะปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม LPG ทุกภาคส่วน อยากให้ช่วยกันชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เพราะราคา LPG ที่เตรียมจะปรับขึ้น มีเพียงภาคขนส่งเท่านั้น ไม่รวมภาคครัวเรือน

ออกคำสั่งอุดช่องโหว่ กม.รัฐวิสาหกิจ

พล.ต. สรรเสริญ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.ยังได้รับทราบกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 18/2558 ที่มีสาระสำคัญ คือให้รักษาการผู้บริหารรัฐวิสาหกิจต่างๆ มีอำนาจเทียบเท่ากับผู้บริหารรัฐวิสาหกิจตัวจริง โดยเฉพาะในการเข้าประชุมบอร์ด ทั้งนี้ เพราะกฎหมายรัฐวิสาหกิจปัจจุบันยังมีช่องโหว่ โดยกำหนดให้องค์ประชุมของบอร์ด ต้องประกอบด้วย 3 ส่วน คือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการโดยตำแหน่ง และผู้บริหารตัวจริงของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ หากไม่ครบไม่สามารถประชุมได้ จึงต้องใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.นี้เพื่อมาแก้ปัญหา เพื่อให้การประชุมบอร์ดรัฐวิสาหกิจต่างๆ สามารถเดินหน้าทำงานได้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น ในระยะยาว กระทรวงต้นสังกัดของรัฐวิสาหกิจต่างๆ จะต้องไปแก้ไขกฎหมายอุดช่องโหว่นี้

อนุมัติกรอบเจรจาการค้ากับมาเลเซีย

พล.ต. สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ที่ประชุม ครม.ยังเห็นอชบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยเห็นชอบในหลักการต่อประเด็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าไทย-มาเลเซีย ที่จะใช้เป็นกรอบการหารือในการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (joint trade committee : JTC) ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 28-29 มิถุนายน 2558 ที่กรุงเทพมหานคร โดยมีสาระสำคัญ 3 ข้อ 1.ตั้งเป้าหมายการค้า 2 ฝ่ายให้มีมูลค่า 30,000 ล้านดอลลารสหรัฐ ภายในปี 25612.ส่งเสริมการค้าชายแดนที่มีมูลค่าคิดเป็น 60% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดระหว่าง 2 ประเทศ โดยจะลดอุปสรรคด้านการขนส่งทางถนนให้มีมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันการขนส่งสินค้าระหว่าง 2 ประเทศยังใช้ทางเรือเป็นส่วนใหญ่ และ 3.เพิ่มความร่วมมือด้านต่างๆ ทั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ อาหารฮาลาล ยางพารา และเอกชน

ผ่าน กม.เวนคืนที่ดินฉบับใหม่ – เพิ่มค่าธรรมเนียมทำบัตร ปชช.ใหม่

พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. โดยมีสาระสำคัญ คือการยกเลิก พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 เนื่องจากกฎหมายเดิมทำให้เจ้าของที่ดินหรือผู้ใช้ประโยชน์จากที่ดินซึ่งจะถูกเวนคืนอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะเรื่องของเงินทดแทน ดังนั้นจึงต้องมีการออกกฎหมายใหม่มาอุดช่องโหว่ ทั้งนี้ มีสาระสำคัญ 4 ประเด็น 1.ให้นำที่ดินซึ่งเวนคืนสามารถไปใช้ประโยชน์สาธารณะอื่นได้ นอกเหนือจากโครงการที่นำมาสู่การเวนคืนที่ดินนั้น 2.ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แม้จะไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน เช่น ขายค้าในที่ดินนั้น มีสิทธิได้รับเงินทดแทนจากการเวนคืนที่ดิน 3.ที่ดินซึ่งรัฐเวนคืนไม่หมดและเหลืออยู่ไม่เกิน 25 ตารางวาง หรือมีด้านยาวไม่เกิน 5 วา ซึ่งไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้ ให้รัฐต้องเวนคืนที่ดินนั้นด้วย และ 4.กำหนดขั้นตอนการพิจารณาเรื่องอุทธรณ์กรณีไม่พอใจเงินชดเชยให้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยประชาชนสามารถอุทธรณ์ได้ภายใน 120 วัน และคณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน

“หลังจากนี้ให้ส่งร่าง พ.ร.บ.นี้ไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาออกมาบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป”

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ยังกล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. …. โดยสาระสำคัญก็คือการขึ้นค่าธรรมเนียมการทำบัตรประชาชนใหม่กรณีที่สูญหายหรือชำรุด จาก 20 บาท เป็น 100 บาท แต่พื้นที่ใดซึ่งอธิบดีกรมการปกครองประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ให้ยกเลิกค่าธรรมเนียม

ตำรวจยุค คสช. นับอายุราชการทวีคูณ

รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม. เปิดเผยว่า ในวันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้เสนอเรื่องการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณของเจ้าหน้าที่ตำรวจในห้วงประกาศใช้กฎอัยการศึก มาใน 2 ช่วงเวลา ประกอบด้วย 1.ช่วงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ระหว่างวันที่ 19 กันยายน 2549-26 มกราคม 2550 และ 2.ช่วง คสช. ระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคม 2557-1 เมษายน 2558 แต่ที่ประชุม ครม.อนุมัติ เฉพาะช่วง คสช.เท่านั้น เนื่องจากช่วง คมช.ผ่านมาเกือบ 5 รัฐบาลแล้ว และคาดว่ามีการเสนอต่อที่ประชุม ครม. สมัยรัฐบาล พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์แล้ว แต่ ครม.ไม่ได้อนุมัติ ให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารเท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตประกาศใช้กฎอัยการศึกจะได้รับการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณ ซึ่งจะส่งผลต่อการแต่งตั้งโยกย้าย และเงินบำเหน็จบำนาญหลังเกษียณอายุราชการ

เห็นชอบ พรฎ.ทบทวน กม.ทุก 5 ปี – สั่งแปลทุกฉบับเป็นภาษาอาเซียน

รายงานข่าวยังเปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. ได้เห็นชอบร่าง พรฎ.การทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย พ.ศ. …. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่าง พรฎ.มีสาระสำคัญ คือให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายมีหน้าที่ในการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายทุกฉบับ ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.ป. พ.ร.บ. ประมวลกฎหมาย พ.ร.ก. และกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ทุก 5 ปีที่กฎหมายใช้บังคับ หรือเมื่อเกิดกรณีใดกรณีหนึ่งตาม พ.ร.ก. นี้ โดยจะต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากองค์กรที่เกี่ยวข้องหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จากนั้นให้เสนอรายงานต่อที่ประชุม ครม. ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่มีเหตุให้ต้องทบทวน หากจำเป็นต้องแก้ไข ปรับปรุง หรือยกเลิกกฎหมายนั้นให้เสนอร่างกฎหมายไปพร้อมกันด้วย

ร่าง พรฎ.นี้ ยังบังคับให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายใด สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแปลเนื้อหาของกฎหมายทั้งหมดเป็นภาษากลางของอาเซียนให้เสร็จภายใน 2 ปี พร้อมเผยแพร่ทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย

ปรับICAO ไม่ทันกำหนดเดิม – ของบ 400 ลบ.ตั้ง สนง.การบินพลเรือน

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ยังไม่มีการเสนอเรื่องการแก้ไขปัญหามาตรฐานการบินเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ภายหลังองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization :ICAO) ขึ้นธงแดงประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมา เพราะยังมีส่วนที่ต้องแก้ไขอีกมาก แยกเป็น 2 ด้าน 1.ด้านงบประมาณ ต้องได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมในการจัดตั้งสำนักงานการบินพลเรือนแห่งชาติ กว่า 400 ล้านบาท และ 2.ด้านกฎหมาย เรื่องการปรับโครงสร้างองค์กรที่อยู่ภายใต้การดูแลของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย ขณะนี้ร่างกฎหมายอยู่ระหว่างการพิจารณาของส่วนกลาง ซึ่งมีความซับซ้อนอาจทำให้ระยะเวลาในการดำเนินการต้องปรับเปลี่ยน จากเดิมที่ต้องการให้เสร็จสิ้นเดือนมิถุนายน 2558 อาจจะต้องเลื่อนออกไปอีก เพราะการปรับโครงสร้างมีรายละเอียดมาก โดยเฉพาะเรื่องอัตรากำลังพล

พล.อ.อ. ประจิน กล่าวอีกว่า ขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างแก้ปัญหาให้ได้ตามมาตรฐาน ICAO ทั้งเรื่องการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงบุคลากรให้พร้อมสำหรับตรวจสอบสายการบิน โดยสายการบินที่จะต้องถูกตรวจสอบเพื่อออกใบรับรองการดำเนินการเดินอากาศ (AOC) ใหม่ มีทั้งหมด 41 สายการบิน แบ่งเป็นสายการบินระหว่างประเทศ 28 สายการบิน และสายการบินภายในประเทศอีก 13 สายการบิน ซึ่งทาง ICAO ระบุว่าเจ้าหน้าที่ที่จะทำการตรวจสอบสายการบินจะต้องผ่านการอบรม และได้การรับรองจาก ICAO ทั้งหมด ซึ่งแผนการจัดโครงสร้างเจ้าหน้าที่สำหรับตรวจสอบสายการบินที่มีการปรับปรุงเพิ่มเติมนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายสัปดาห์นี้

“เดิมคาดว่าจะตรวจสอบสายการบินระหว่างประเทศ 28 สายให้ทันภายในเดือนตุลาคม 2558 แต่แผนการดังกล่าวคาดว่าจะต้องเลื่อนออกไป อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมได้เตรียมการอบรมทั้งเจ้าหน้าที่ในประเทศ และจะทำการจ้างเจ้าหน้าที่จากต่างประเทศที่ได้รับการรับรองจาก ICAO เข้ามาทำการตรวจสอบเพิ่มเติม”  พล.อ.อ. ประจินกล่าว