ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – “ยิ่งลักษณ์พ้นสภาพนายกรัฐมนตรี” และกปปส. เคลื่อนขบวนครั้งสุดท้าย วิภาวดีรถติดสาหัส

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – “ยิ่งลักษณ์พ้นสภาพนายกรัฐมนตรี” และกปปส. เคลื่อนขบวนครั้งสุดท้าย วิภาวดีรถติดสาหัส

10 พฤษภาคม 2014


ประชาชนผวา แผ่นดินไหวที่เชียงราย
ยิ่งลักษณ์พ้นสภาพนายกรัฐมนตรี และ กปปส. เคลื่อนขบวนครั้งสุดท้าย วิภาวดีรถติดสาหัส
ศิลปินชาวฝรั่งเศส โชว์ศิลปะเดินจูงไก่ ใช้เชือกผูกอวัยวะเพศ
ชาวเน็ตแชร์ พลอย เฌอมาลย์ ให้เงินขอทาน
ว่อนเน็ต รุมทำร้ายนักโทษเมาแล้วขับ จนตาย
อ่านต่อ…

ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 4-10 พฤษภาคม 2557

เนื่องในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวงในวันพืชมงคลวันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม 2557 ในปีนี้ พระโคเสี่ยงทาย กินน้ำ กินหญ้า คำพยากรณ์ว่า น้ำท่าจะบริบูรณ์พอควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี เสี่ยงทายผ้านุ่ง เลือกผ้านุ่ง 6 คืบ ปีนี้น้ำน้อย นาในที่ลุ่มสมบูรณ์ นาในที่ดอนได้รับความเสียหายบ้าง

ประเด็นฮอตเรื่องแรก ภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายและสร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะภาคเหนือกับการเกิดแผ่นดินไหวที่จังหวัดเชียงราย เมื่อวันอังคารที่ 5 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา และยังคงมีอาฟเตอร์ช็อกตามมา ทำให้อาคารบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้าง ถนน พังเสียหายเป็นจำนวนมาก

โดยตามรายงานข่าวเฝ้าระวังแผ่นดินไหวกรมอุตุนิยมวิทยา ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2557 เวลา 18.08 น. ความลึก 7 กม. ขนาด 6.3 แมกนิจูด จนถึงวันที่ 9 พฤษภาคม เวลา 04.00 น. เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมา ดังนี้
ขนาด 5.0-5.9 จำนวน 7 ครั้ง
ขนาด 4.0-4.9 จำนวน 24 ครั้ง
ขนาด 3.0-3.9 จำนวน 90 ครั้ง
ขนาดน้อยกว่า 3.0 จำนวนมากกว่า 320 ครั้ง

เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ถือเป็นความรุนแรงในรอบ 100 ปีที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนประชาชน สิ่งปลูกสร้าง และเส้นทางต่างๆ แล้ว ประชาชนเกิดความหวาดผวากับเหตุการณ์อาฟเตอร์ช็อก

ที่มาภาพ : http://news.voicetv.co.ththailand104825.html
ที่มาภาพ: http://news.voicetv.co.ththailand104825.html

“การทำบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ มักจะมีมารผจญเสมอ ถ้าก้าวผ่านหรือชนะมารได้ กุศลที่ได้รับนั้นยิ่งใหญ่แน่นอน ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์เฉลิมชัย สู้ต่อไปค่ะ”

“ขอให้กำลังใจครับ มันเป็นภัยธรรมชาติยากที่จะป้องกัน เมื่อทำขึ้นมาได้ ก็ต้องซ่อมได้ ใจเย็นๆ ครับ ชำรุดแค่นี้ดีกว่าพังพาบลงมา ไม่มีใครบาดเจ็บล่มตายก็โอเคแล้ว อยู่เพื่อวางแผนแก้ไข มีหลายคนพร้อมจะช่วย เพียงขอให้วางแผนแก้ไข ไม่นานจะเรียบร้อย”

“เอาง่ายๆ นะสิ่งที่พวกคุณๆทั้งหลายที่จะต้องระวังก็คือเขื่อนทั้งหลายบนภาคเหนือน่ะแหละ เขื่อนบางเขื่อนมันสร้างทับรอยเลื่อนด้วย สิ่งที่ต้องระวังคือจุดนี้ หากเกิดแผ่นดินไหวแถวๆ เขื่อน มันจะลำบาก แก้ไขยาก เพราะรอยเลื่อนมันก็ค่อยๆ ขยับเรื่อยไปเรื่อยๆ เป็นโดมิโน่แหละ”

“ทางเหนือรอยเลื่อนทางธรณีวิทยามีมากมายครับ เพราะเป็นแผ่นดินที่ถูกดันตัวขึ้นมาจากทะเล โอกาสที่จะมีการเคลื่อนตัวจะมีอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่บ่อยเหมือนญี่ปุ่น เพราะเราเป็นแผ่นดินใหญ่ ความมั่นคงมีมากกว่า ญี่ปุ่นเป็นแค่เกาะ รอยเลื่อนจะเคลื่อนไหวได้ง่ายกว่า”

“จะใช้หน่วย แมกนิจุด เพื่ออะไรครับ ในเมื่อเราคุ้นเคยกับคำว่าริกเตอร์ หรือว่า แมกนิจูด เป็นหน่วยย่อยของ ริกเตอร์ แต่อยากสร้างข่าวว่ามันร้ายแรง เลยต้องใช้ตัวเลขเยอะ เช่น ระเบิดหนัก 4 กิโลกรัม ก็ใช้ 4000 กรัม แทน ไม่ก็ใช้ 8.2 ปอนด์ เอาใจช่วยคนที่ได้รับความเดือดร้อน แต่ขอสาปแช่งพวกที่หากินบนความเดือดร้อนของชาวบ้าน โดยเฉพาะได้พวกที่แดกงบที่มาจากภาษีของคนไทยทุกคน”

“น่ากลัวมากค่ะ เพราะอยู่เหตุการณ์ แม้บ้านจะไม่เสียหายแต่วินาทีที่เสียงหลังคาลั่น เหมือนมันจะพัง ก็น่ากลัว ต้องรีบวิ่งออกมา น่าเห็นใจคนที่ได้นับความเสียหายค่ะ ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก”

ประเด็นฮอตเรื่องที่สอง สัปดาห์นี้มีประเด็นสำคัญทางการเมืองที่ประชาชนให้ความสนใจ เรื่องแรกกับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับคำวินิจฉัยสถานภาพนายกรัฐมนตรี ที่มีคำตัดสินกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้อำนาจโดยมิชอบโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ตามรายงานมีใจความสรุปความเห็นของศาลโดยสังเขปว่า นางสาวยิ่งลักษณ์มีส่วนในการโยกย้ายนายถวิลในหลายขั้นหลายตอน การดำเนินการเป็นไปอย่างเร่งรีบรวดรัด ขาดเหตุผล ใช้เอกสารเท็จแก้ไขวันที่เพื่อปกปิดความจริง ขัดหลักกฎหมาย เอื้อพวกพ้องคือ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ทั้งยังมีประโยชน์ทับซ้อน มีวาระซ่อนเร้น ขัดหลักนิติธรรม อีกทั้งยังขาดเหตุผลตามอ้างว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ราชการ กระบวนการเร่งรีบ ไม่เป็นไปตามระบบราชการปกติ จึงมีเหตุให้เชื่อได้ว่าเป็นการโยกย้ายเพื่อเปิดตำแหน่งให้เครือญาติ เป็นการเพื่อประโยชน์ของตนเองทางการเมืองและครอบครัว ขาดจริยธรรม ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ชาติ เป็นการกระทำที่ต้องห้าม

ทั้งนี้หลังจากการตัดสินของศาล นางสาวยิ่งลักษณ์ได้กล่าวขอบคุณคณะรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่รัฐบาล และผู้สนับสนุน ด้วยข้อความว่า “เป็นเวลา 2 ปี 9 เดือน 2 วันที่ดิฉันทำหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และทุกๆ วันใน 2 ปี 9 เดือน 2 วันนี้เป็นวันที่ดิฉันภาคภูมิใจ ดิฉันจะยืนอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ”(ดูคลิป)

ที่มาภาพ : http://www.bloggang.commainblog.phpid=newsupthai&month=07-05-2014&group=1&gblog=248
ที่มาภาพ: http://www.bloggang.commainblog.phpid=newsupthai&month=07-05-2014&group=1&gblog=248

นอกจากนางสาวยิ่งลักษณ์จะถูกตัดสินให้พ้นสภาพ ไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ศาลรัฐธรรมนูญก็ยังมีคำวินิจฉัยให้รัฐมนตรีที่ร่วมลงมติแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิลในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2554 ต้องพ้นตำแหน่งตามไปด้วย เพราะถือว่ามีความผิดในกรณีเดียวกัน จำนวน 9 คน ดังนี้

1. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน)
2. นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง)
3. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในขณะนั้น (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ)
4. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในขณะนั้น (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี)
5. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ในขณะนั้นและในปัจจุบัน
6. นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในขณะนั้น (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์)
7. นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ ในขณะนั้น (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี)
8. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในขณะนั้น (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี)
9. พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในขณะนั้น (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม)

“เรามั่นใจค่ะว่าไม่มีใครมาเปลี่ยนระบบการปกครองของไทยเราได้ เพียงแต่ตอนนี้เราต้องเอาคนที่ไม่เหมาะสมออกจากตำแหน่งก่อนนะคะ”

“2 ปี 9 เดือน 2 วัน เธอบอกภูมิใจที่ได้เป็นนายกของประเทศไทย แต่ประชาชนอย่างเรา 2 ปี 9 เดือน 2 วัน แห่งความเลวร้าย ไม่สมราคาคุย ที่คุณเธอพร่ำมาน่ะ มโนไปเองหรือเปล่าว ถามประชาชนหรือยังว่าเขารู้สึกอย่างไร”

“อยู่เคียงข้างประชาชนเหรอ ก็อย่าหนีประชาชนก็แล้วกันนะท่านอดีตนายก ความผิดที่จะได้รับต่อไป โกงจำนำข้าว รัฐเสียหายเป็นแสนล้าน ฐานะผู้นำต้องรับผิดก่อนใครเลยละ ปฏิเสธไม่ด้าย หนูไม่รู้ ไม่ได้ทำไม่ด้าย มันคดีอาญานะ เหอะๆๆๆๆๆๆ 2-5 ปี นะตะเอง นอากจากนั้นมีใครเกี่ยวข้องโดนหมด หนังเรื่องนี้ยาว ไตรภาคว่างั้นเถอะ ลัลล้าๆๆ ขอความสุขสวัสดี จงเป็นของคนไทยทุกคน ที่ปรารถนาเห็นประเทศไทย ปราศจากการคอรัปชั่น”

“นี้คือเรื่องจริงใช่มั๊ย มันคือความภาคภูมิใจอย่างที่สุดเลย ขอให้ประเทศไทยอยู่รอดปลอดภัยจากคนไม่ดี นับต่อแต่นี้ไป”

“นี่คือความด้อยเกม ขาดการตื่นตัวภาคประชาชน ถ้าตื่นมาก่อน โดยมีองค์กรภาคประชาชนที่เข้มแข็ง ถ้าเกิดเรื่อง กรณีย้ายคุณถวิล ก็สามารถหยุดรัฐบาลนี้ได้ตั้งแต่เมื่อ ๒ ปีกว่ามาแล้ว โดยไม่ต้องรอให้ถึงวันนี้ นี่บ่งบอกว่า ภาคประชาชนยังไม่เข้มแข็งพอ มันถึงเวลาหรือยัง จำเป็นต้องมีองค์กรภาคประชาชน เป็นองค์กรถาวรที่จะพิทักษ์ประเทศ เพื่อชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ แต่รูปแบบเป็นอย่างไร ตอนนี้นึกไม่ออก และไม่มีความรู้มากพอที่จะคิดออก”

“80% ที่มีความสุข คิดว่ายิ่งรักคงมีความสุขไม่น้อยไปกว่า 55++ คงรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก.. จบกันเสียที เบื่อ เหนื่อย เซ็ง”

และประเด็นฮอตทางการเมืองอีกเรื่องในรอบสัปดาห์นี้ ได้แก่สถานการณ์การเคลื่อนขบวนของกลุ่ม กปปส. วันที่ศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม 2557 เนื่องในวันเปิดฉากชุมนุมใหญ่ครั้งสุดท้าย ขจัดระบอบทักษิณ เพื่อเดินหน้าปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง จากการต่อสู้อย่างยาวนานถึง 191 วัน โดยในวันดังกล่าวนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ถือฤกษ์ดีเวลา 09.09 น. เดินขบวนพามวลชนบุกช่องฟรีทีวีหลักทุกช่อง เพื่อต้องการให้หยุดเสนอข่าวของรัฐบาล นอกจากนี้ยังเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้นบริเวณด้านหน้า ศอ.รส. บริเวณหน้าสโมสรตำรวจ มีการใช้แก๊สน้ำตายิงใส่มวลชน เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมมีความพยายามที่จะเข้าไปภายในพื้นที่ จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงหลวงปู่พุทธะอิสระ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว และมีผู้แชร์ภาพเหตุการณ์ความวุ่นวายกันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ การเดินขบวนยังส่งผลให้การจราจรย่านวิภาวดีรังสิตเป็นอัมพาตอย่างหนัก จนประชาชนต่างโพสต์รูปเส้นทางการจราจรและสอบถามความคืบหน้าการกันเต็มหน้าโซเชียลมีเดีย

“สุดท้ายก็ต้องแตกหัก เอาให้มันจบไปเลย ใครจะอยู่ใครจะไป ให้จบๆ อยากรู้ผลลัพธ์ใครชนะไปเลย เบื่อการคาราคาซัง”

“รถเส้นวิภาวดี อภิมหาติดเลยครับ โปรดหลีกเลี่ยงอย่าเสี่ยงเป็นอันขาด”

“ไม่เป็นไรครับ ผมก็อยู่กรุงเทพ อดทนได้ครับ แต่ขออย่านานละกันครับ เห็นใจคนที่เขาเดือดร้อนจริงๆ”

“เยี่ยมจริงๆ เอาให้มันสุดๆไปเลยครับ ประเทศนี้เมืองนี้ ไม่ใครกลัวใครกันแล้ว เหลือแต่จะฆ่ากันเองแล้ว ต่างฝ่ายต่างอ้างความถูกต้อง ใส่ร้ายกันให้เกิดความชิงชัง สุดท้ายแล้วประเทศชาติหรือคนไทยทุกคนก้อเป็นฝ่ายแพ้”

“ใช้ความรุนแรงกันอีกแล้ว น่าสงสารคนไทย ใกล้วันพระ แต่ก็มีเรื่องต้องทำร้ายกัน”

ประเด็นฮอตเรื่องที่สาม เป็นที่ฮือฮาเมื่อศิลปินจากแอฟริกาใต้ นายสตีเวน โคเฮน ผู้ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการจัดแสดงผลงานศิลปะแห่งการแทรกแซงในที่สาธารณะ แสดงโชว์ประดับร่างกายด้วยขนไก่ พร้อมทั้งใช้เชือกผูกกับอวัยวะเพศและตัวไก่ แล้วเดินเริงระบำไปมาที่บริเวณโทรคาเดโร พลาซ่า ใกล้กับหอไอเฟล เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส ท่ามกลางสายตานักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่งผลให้นายสตีเวนถูกตั้งข้อหาฐานทำอนาจารในที่สาธารณะ ปรับเป็นเงิน 1,000 ยูโร (ราว 45,000 บาท)

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ นายสตีเวนได้มีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีความเข้าใจถึงศิลปะและการแสดงนี้เลย และหากเขาถูกตัดสินว่าผิด เขาก็จะมองว่านี่เป็นความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมในฝรั่งเศส โดยอ้างอิงว่าศิลปะดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนฝรั่งเศสที่เริ่มเลือกปฏิบัติกับคนเพศที่ 3 และชาวยิว

ที่มาภาพ : http://news.mthai.comworld-news327870.html
ที่มาภาพ: http://news.mthai.comworld-news327870.html

“มันเป็นการทำอนาจาร ที่คนส่วนใหญ่รับไม่ได้ ยังจะเอาคำว่าศิลปะ มาถึงกฏหมายได้อีกนะ”

“ปรับแล้วจับส่งจิตแพทย์ด่วน พวกพิเรนทร์ชอบโชว์”

“ไก่สัญลักษณ์ของฝรั่งเศษเป็นไก่สีขาวนะ ตัวเด็ดๆ ของเขาเรียกว่าไก่เบรส เนื้อนุ่มอร่อย แต่ศิลปินตนนี้เอาไก่อะไรมาเนี่ย”

“นี่คือศิลปะ แขนงไหนครับ เข้าไม่ถึงจริงๆ”

“ที่ต่างประเทศปรับเกือบสี่หมื่นห้าที่ไทยปรับแค่ห้าร้อยเอง”

ประเด็นฮอตเรื่องที่สี่ นักแสดงสาวที่เป็นที่จับตามองของประชาชนและสื่อมวลชนอยู่เสมออย่างนางเอกสาวสุดฮอต พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ ที่หลายคนมองภาพเป็นนางเอกขี้เหวี่ยง เจ้าอารมณ์ และดูแรง แต่ล่าสุดสาวพลอยก็สร้างเรื่องเซอร์ไพรส์ให้ชาวโซเชียลเน็ตเวิร์ก เมื่อมีผู้โพสต์ข้อความลงในอินสตาแกรมยกย่องและชื่นชมที่สาวพลอยทำทานให้เงินขอทานย่านสยามสแควร์อย่างไม่รังเกียจแม้ตัวเองจะรีบ ดังข้อความต่อไปนี้

“วันนี้ไปเดินสยามมา พอเดินเสร็จจะข้ามจากฝั่งสยามสแควร์ ไปสยามดิส ระหว่างเดินขึ้นสะพานลอยก็มีผู้หญิงคนนึงอยู่ข้างหน้า เดินเร็วมาก ใส่แว่นดำ ระหว่างผ่านขอทานที่อยู่บนสะพานลอย ผู้หญิงคนนั้น รีบควักเงินในกระเป๋าสตางค์ เป็นแบงก์หลายใบมาก ใส่มือขอทานอย่างไม่รังเกียจ หลังจากให้เสร็จ ผู้หญิงคนนั้นก็รีบเดินไปอย่างรวดเร็ว คือ นางรีบมาก แต่พอเจอขอทาน นางหยุดแล้วรีบควักเงินในกระเป๋า ให้ขอทาน แล้วเดินต่ออย่างรวดเร็ว ผู้หญิงคนนั้นคือ พลอย เฌอมาลย์”

ข้อความชื่นชมพลอย เฌอมาลย์ ขากอินสตาแกรม ที่มาภาพ : http://www.siamdara.comhotnews140506_1268.html
ข้อความชื่นชมพลอย เฌอมาลย์ จากอินสตาแกรม ที่มาภาพ: http://www.siamdara.comhotnews140506_1268.html

จึงทำให้ข้อความดังกล่าวกระจายไปทั่วโซเชียลเน็ตเวิร์ก พร้อมชื่นชมอีกด้านที่ใจดีของสาวพลอย ทางด้านสาวพลอยเอง เมื่อเรื่องดังกล่าวมีการพูดถึงในวงกว้าง จึงได้มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงเรื่องราวดังกล่าว ว่าไม่คิดว่าจะมีคนเห็นและนำมาเขียนเป็นเรื่องราว และขอขอบคุณทุกคนที่ชื่นชม และความจริงก็อยากให้ทุกคนทำตามในเรื่องนี้ เพราะเป็นการทำดี ช่วยเหลือคน วันนั้นก็รีบ แต่เห็นขอทานน่าสงสารจึงอยากช่วยเหลือ บางคนอาจจะคิดว่า คนที่มาขอทานเป็นแก๊งมิจฉาชีพหรือเปล่า ซึ่งพลอยอยากให้คิดว่า ถ้าเขาไม่ลำบากจริง ก็คงไม่มานั่งกัน เลยคิดว่าคนเราก็ควรช่วยเหลือกัน บางทีเงินที่เขาต้องการมันอาจจะไม่มากมาย แต่ถ้าเราช่วยเหลือเขาเยอะๆ มันก็สามารถที่จะไปทำอะไรต่อก็ได้ สามารถไปช่วยชีวิต และอนาคตของเขาได้

“การให้บันดาลความสุขมากกว่าการรับ ฉันจะให้ทานทุกวันถ้าเห็นขอทานก็จะให้ ให้แล้วรู้สึกว่าดี สุขใจแม้ให้ไม่มาก แต่พระเยซูสอนว่า บุญไม่ได้อยู่ที่จำนวนหรือปริมาณ ดูอย่างเรื่องหญิงหม้ายที่ทำบุญสิในพระวรสารน่ะ วันก่อนฉันได้ไปที่สยามพารากอน ฉันเดินดูผู้คนที่หาของทานกันแบบหรูหรามาก ทานของแพงๆ บางร้านถึงขนาดต้องจัดคิว แล้วฉันก็เห็นชายพนักงานกวาดทำความสะอาดพื้นดูหน้าเพลียๆ เศร้าๆ คงหนื่อยฉันสงสารเขา ฉันได้เดินย้อนกลับมาส่งเงินให้เขา หนึ่งร้อยบาท สำหรับฉันมันมากนะ (เพราะฉันไม่ได้รวยแต่ที่ไปเพราะอยากรู้ว่าชีวิตที่นั่นเป็นอย่างไร) แต่สำหรับเขาคงช่วยเขาได้บ้าง และฉันก็สุขใจ จากที่ได้เห็นสายตาของเขาแว๊บหนึ่งที่มองกันและกัน ฉันก็ทำเนียนๆไม่ให้ใครสังเกตและกลัวชายคนนั้นตกใจ เพราะในที่ๆ คนรวยๆ เขามากันยังมีใครคนหนึ่งยื่นน้ำใจให้ด้วยความยินดี อยากจะบอกทุกคนว่าทำบุญทำทานเถอะ มากบ้างน้อยบ้างไม่ต้องไปคิดอะไรๆ ให้เขาล่วงหน้าในแง่ร้าย คนนั้นแหละที่ไม่ได้บุญเพราะคิดลบยังไงล่ะ บุญก็ไม่ทำ เขาทำบุญก็คิดไปอย่างอื่น”

“การให้เงินขอทาน จะเปนการส่งเสริมหรือไม่นั้นไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คนให้ให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ คนรับก็รับอย่างสุขใจ แค่นี้ก็พอ ขอชื่นชม พลอยจริงๆ ไม่มีมาร บารมีไม่เกิดค่ะ”

“เค้าไม่ได้ป่าวประกาศนะครับ แต่มีคนเห็นแล้วเอามาโพสต์ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้หันมองรอบตัวด้วยซ้ำว่าใครตามมาหรือว่าดูอยู่ คนเค้าทำดีก็ชื่นชมสิครับ ต่อให้ทำเพื่อสร้างภาพก็ยังดีกว่า “ดี…แต่ปาก”

“คนที่เขารักพลอยเชียร์พลอยเขามีความสุขเมื่อพลอยทำสิ่งที่ดีๆๆคุณคนที่ไม่ชอบพลอยก็น่าจะเฉยไม่ใช่มากะแนะกะแหนกันน่ะค่ะ ชอบที่พลอยทำเหมือนกันเพราะมันเป็นสิ่งที่ดีและไม่หวังผลตอบแทน”

“ให้เงินขอทาน ก็เป็นข่าวได้ด้วย ดังจริงๆ เลย พูดเลย”

“พลอยทำดีแล้วอย่าได้แคร์คำกระแนกระแหน ทำดีคนเห็นก็ดี ทำดีคนไม่เห็นก็ดี ได้บุญค่ะ เขาจะเอาไปทำไรก็เราให้แล้วนะ”

ประเด็นฮอตเรื่องที่ห้า เรื่องที่มีผู้แชร์ภาพและข้อความและมีผู้ถึงกันมากกับภาพของชายผู้ถูกจำคุกในข้อหาเมาแล้วขับ ในสภาพถูกทำร้ายร่างกายจนยับเยิน ตาบวมปิดทั้งสองข้าง โดยตามภาพและข้อความที่มีการแชร์ต่อกัน ให้ข้อมูลว่า ชายคนดังกล่าวถูกจำคุกข้อหาเมาเเล้วขับ แต่ไม่ได้ประกันตัวจึงต้องฝากขัง เมื่อเข้าคุกไปได้ 2 วัน กลับถูกทำร้ายร่างกายจนยับเยินก่อนจะเสียชีวิต

โดยที่กรมราชทัณฑ์ไม่ได้มีการติดต่อญาติ แต่นำศพไปฝังไว้ พร้อมคำระบุจากแพทย์ว่าชายคนดังกล่าวเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ซึ่งภาพของชายคนดังกล่าวมีการแชร์ต่อกันและพูดถึงมากว่า เพราะเหตุใดอธิบดีกรมราชทัณฑ์จึงปล่อยให้เกิดเหตุการณ์การรุมทำร้ายร่างกายเช่นนี้ขึ้น แต่บางกลุ่มคนก็ไม่เชื่อภาพที่เห็น จนล่าสุดมีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิด ในขณะที่กลุ่มนักโทษมีการรุมทำร้ายกันออกมา จนทำให้ แฟนเพจเฟซบุ๊กชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้นำเรื่องเข้าร้องต่อสื่อมวลชนประจำกองปราบ

และได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้ที่อยู่ในภาพคือนายกฤษณะ จึงเจริญ อายุ 37 ปี ถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหาเมาแล้วขับเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2557 ณ สถานีตำรวจบางโพงพาง และถูกส่งฟ้องคดีต่อศาลแขวง ถูกสั่งจำคุกแทนค่าปรับเป็นเวลา 42 วัน และถูกส่งตัวไปยังสถานกักบริเวณเรือนจำคลอง 5 จังหวัดปทุมธานี ก่อนถูกนักโทษด้วยกันซ้อมจนเสียชีวิต ซึ่งนักโทษทั้ง 9 คน ที่ลงมือได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย อีกทั้งในส่วนของกรมราชทัณฑ์ ก็ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีร้องทุกข์กับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำคลอง 5 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่อยู่ในคลิป เพราะพานายกฤษณะไปนั่งปั่นจิ้งหรีดตอนเช้า จนเป็นเหตุให้นายกฤษณะถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา เรื่องนี่จึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของชาวโซเชียลว่าเพราะเหตุใดจึงได้เกิดความรุนแรงเช่นนี้ขึ้นกับผู้ต้องหาร โดยที่ไม่ได้รับการใส่ใจ (ดูคลิป)

“เมาแล้วขับ ต้องติดคุกอยู่แล้ว กฎหมาย แถม ทีวีก็ออกมาพูดปาวๆ…..ยังไงซะตำรวจชั้นผู้น้อยเขาก็ต้องทำตามหน้าที่…..ป้องกันไม่ให้คนเมาขับรถไปชนคนอื่น……ส่วนเรื่องเขาตายตำรวจไม่ได้ทำเขาตาย นักโทษในคุกนู้นซ้อมเขาจนตาย…….แต่ผมว่า ถ้าเขาไม่เมาแล้วขับ เขาคงไม่ตายหรอก จริงไหม.”

“ผมก็เคยเข้าคลอง 5 คับเมาขับเหมือนกัน นี้ก้อีกหนึ่งตัวอย่าง หลังจากลุงที่ขับรถเมาแล้วขับ ติดคุก แล้วอีก 2วันเป็นศพ เค้าบอกว่าหกล้ม แต่ข้างในเละหมด เรื่องเงียบแล้วคับ เมื่อ 2-3ปีก่อนนะ”

“ผมสงสัยครับว่าทำไมมีการถ่ายคลิปในเรือนจำได้ ทั้งที่โทรศัพท์ห้ามนำเข้าในเรือนจำด้วยไม่ใช่เหรอครับ”

“ดีค่ะ สนับสนุนมันไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกซ้อมตาย บ้างนักโทษด้วยกันซ้อม บ้างตำรวจ บ้างผู้คุม คนตายพูดไม่ได้ ญาติก็ตาสีตาสาทั้ง จะเอาแรงที่ไหนไปสู้รบตบมือ ยังงัยเสียฝากทางชมรมช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับหนึ่งชีวิตที่เสียไป มีทั้งภาพถ่ายทั้งคลิปถ้าเอาผิดไม่ได้ ก็หมดคำบรรยายประเทศไทย”

“เห็นแล้วหดหู่ใจมาก โดนหมัดเดียวที่ตา ก็บวมแล้ว แต่นี้บวมจนมองไม่เหนเลยมั้ง ทำไม? ถึงทำแบบนี้ จิตใจคุณคงต่ำมาก ส่วนผู้คุมทำไมถึงปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้”

“คนทุกคนจะจนจะรวยจะดีจะชั่วก็ควร เห็นว่าเค้าเป็นคนนะ อย่าทำงานชุ่ยๆ แบบนี้ ถ้าผิดพลาดมามันคือชีวิตที่ต้องสูญ เสียของคนอื่น เห็นคนเป็นคนให้มากๆ นะ”