ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – “ใบเตย อาร์สยาม รับกินข้าวกับทักษิณ ครั้งละ 5 แสน!!” และ “คลิปหลุด พระดัง จังหวัดพังงา กับไฮโซสาว (ไม่โสด) ที่ภูเก็ต”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – “ใบเตย อาร์สยาม รับกินข้าวกับทักษิณ ครั้งละ 5 แสน!!” และ “คลิปหลุด พระดัง จังหวัดพังงา กับไฮโซสาว (ไม่โสด) ที่ภูเก็ต”

21 กันยายน 2013


สื่อนอกเผย อดีตนาวิกโยธินกองทัพเรือ ก่อเหตุกราดยิง มีนิสัยคลั่งความเป็นไทย

คลิปหลุด พระดัง จังหวัดพังงา กับไฮโซสาว (ไม่โสด) ที่ภูเก็ต

ใบเตย อาร์สยาม รับกินข้าวกับทักษิณ ครั้งละ 5 แสน!!

ชาวเน็ตแชร์ แท็กซี่ใจดี แจกขนมผู้โดยสาร

ชาวไทยและต่างชาติ ชมคลิปโฆษณาสุดซึ้งจากทรู “การให้ คือการสื่อสารที่ดีที่สุด”

อ่านรายละเอียด ………….

ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 15-21 กันยายน 2556

เรื่องแรก เกิดเหตุสุดช็อกตั้งแต่ต้นสัปดาห์ กับกรณีที่อดีตนาวิกโยธินกองทัพเรือ เมืองฟอร์ดเวิร์ธ รัฐเท็กซัส นายแอรอน อเล็กซิส อายุ 34 ปี ประจำหน่วยช่างไฟฟ้าเครื่องบิน ประดับยศจ่าตรีและรับเหรียญป้องกันชาติกับเหรียญสงครามต่อต้านก่อการร้าย ก่อนปลดประจำการเมื่อปี 2554 และได้เข้าทำงานกับบริษัทด้านไอทีแห่งหนึ่ง ก่อเหตุกราดยิงใส่ผู้คนภายในหน่วยงานซ่อมบำรุง ฐานทัพเรือ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 14 ราย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ มีการยืนยันจากญาติที่ใกล้ชิดระบุว่า นายแอรอนมีปัญหาทางด้านอารมณ์และจิตใจหลังเข้าร่วมปฏิบัติการกู้ภัยในเหตุวินาศกรรมเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 เพราะนายแอรอนมักจะมีอาการหวาดระแวง ได้ยินเสียงแว่วในหัวอยู่บ่อยครั้ง โดยมักติดตามเสียงนั้นทำเรื่องต่างๆ ร่วมกับมีอาการนอนไม่หลับ และจะคิดว่ามีคนคอยตามเขาอยู่ พยายามใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูงยิงใส่ตัวเขา ซึ่งการก่อเหตุครั้งนี้ก็อยู่ในระหว่างที่นายแอรอนรับการรักษาอาการดังกล่าว

ที่มาภาพ : http://www.manager.co.thAroundViewNews.aspxNewsID=9560000117002&Html=1&TabID=1&
ที่มาภาพ: http://www.manager.co.thAroundViewNews.aspxNewsID=9560000117002&Html=1&TabID=1&

โดยนอกจากยืนยันอาการทางจิตจากญาติแล้ว ทางสื่อของสหรัฐอเมริกายังมีการเปิดเผยข้อมูลที่ทำให้ชาวไทยแอบสะดุ้งเล็กๆ ว่า นายแอรอนเป็นผู้คลั่งไคล้ในความเป็นไทย หลงใหลในวัฒนธรรมไทย ชื่นชอบอาหารไทย ฝึกเรียนภาษาไทยอย่างจริงจัง ทั้งยังคบหากับหญิงชาวไทย และมีเพื่อนเป็นคนไทยหลายคน เคยมีการเข้าฝึกปฏิบัติธรรมที่วัดบุศย์ธรรมวนาราม วัดไทยชื่อดังที่เมืองฟอร์ดเวิร์ธ และเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม นายแอรอนถูกวิสามัญเสียชีวิตหลังจากก่อเหตุประมาณ 30 นาที จึงทำให้ไม่มีผู้ใดทราบได้ว่า แรงจูงใจในการก่อเหตุสะเทือนขวัญดังกล่าวนั้นมาจากสาเหตุใด

“น่าสงสาร จริงๆ ถ้าเขากำลังอยู่ในระยะการรักษา แล้วหมอให้ออกมาข้างนอกได้ไงนะ อันตรายมากเลย”

“สื่อต่างชาติ จะเอามาโยงกันทำไม คนละเรื่องกันเลย ระหว่างอดีตทหารป่วยทางจิต กราดยิงผู้คน กับการมีแฟน และเพื่อนเป็นคนไทย อย่านำมาโยงกันสิ”

“อาการ ได้ยิงเสียงแว่วในหัว เกิดจากความผิดปกติในการสั่นสะเทือนในแก้วหูชั้นใน สาเหตุจำไม่ได้ละว่าเกิดจากอะไร (อ้างอิงจากแพทย์แผนโบราณที่เคยคุยด้วย) อาการนี้คนอื่นชอบนึกว่าเขาเป็นคนบ้า และอาการนี้สามารถรักษาหายขาด”

“ศาสนาพุทธ ไม่เคย สอนให้ใครเฆ่นฆ่ากัน มีแต่ให้ทำสมาธิให้นิ่ง เพื่อคลาย ความฟุ้งซ่าน เขาเป็นโรค อัลไซเมอร์ ระยะ 3 มั้ง หนุ่มคนนี้ จิตระแวง หูแว่ว”

“เรื่องเขามีแฟนคนไทย คลั่งวัฒนธรรม เป็นแค่ส่วนเสริม เขาไม่ได้เป็นโรคประสาท เพราะความเป็นไทยนะครับ”

“เขามีปัญหาสุขภาพจิต มันไม่เกี่ยวกับศาสนาที่เขานับถือ เหตุการณ์ก่อวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 ได้ทำร้ายจิตใจผู้คนเป็นจำนวนมาก รวมถึงนายคนนี้ด้วย จนถึงขั้นหูแว่วและจิตหลอน จึงทำให้เขาก่อเหตุสะเทือนขวัญนี้ขึ้นมา มันเป็นเรื่องเศร้าของมนุษยชนจริงๆ ”

เรื่องที่สอง คลิปฉาววงการพระพุทธศาสนา เมื่อโลกออนไลน์ รวมทั้งหน้าหนังสือพิมพ์ต่างมีการตีพิมพ์และพูดถึงเรื่องราวคลิปวิดีโอของ อาจารย์หรีด หรือ พระครูบุญญาภินันท์ เจ้าอาวาสวัดป่าโมกข์ หรือวัดปากพู่ ตำบลท่านา อำเภอกะปง จังหวัดพังงา พระเกจิสายเขาอ้อ และเป็นเจ้าคณะอำเภอกะปงที่มีลูกศิษย์นับหน้าถือตาให้ความเคารพนับถือยกย่องเป็นจำนวนมาก ในฐานะที่เป็นพระนักพัฒนารูปหนึ่ง

คลิปดังกล่าว ถูกตั้งกล้องถ่ายไว้โดยสามีของฝ่ายหญิงที่อยู่ในคลิป ตามรายงานข่าวมีการแจ้งว่าหญิงสาวเป็นคนดังในแวดวงไฮโซเมืองภูเก็ต ทั้งนี้ สาเหตุของการที่ตั้งกล้องเอาไว้เพราะแอบสงสัยในพฤติกรรมของภรรยาและพระรูปดังกล่าวที่มีการแวะเวียนมาหาอยู่บ่อยครั้งในตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา จนกระทั่งวันที่กลับมาเปิดภาพในกล้องวิดีโอดู ก็ทำให้ทราบความจริง จึงนำภาพไปส่งมอบให้กับเจ้าคณะจังหวัดพังงา เพื่อให้ดำเนินการสึกพระอาจารย์รูปดังกล่าว และยืนยันว่าเป็นเพียงผู้ตั้งกล้องถ่ายอย่างเดียว ไม่ได้เป็นผู้ปล่อยคลิป แต่คาดว่าภาพอาจจะถูกนำออกไปตอนที่ไปยื่นเรื่องให้เจ้าคณะจังหวัดพังงาดำเนินการก็เป็นได้

อย่างไรก็ตามรายงานข่าวยังมีการแจ้งอีกว่า อาจารย์หรีด หรือ พระครูบุญญาภินันท์ ได้เดินทางยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดและตำแหน่งทั้งหมดแล้ว พร้อมทั้งทำการลาสิกขาเป็นที่เรียบร้อย โดยหลังลาสิกขาก็ได้สวมชุดขาว และมีลูกศิษย์รับออกไปจากวัดไป พร้อมทั้งได้ฝากปัจจัยและงานต่างๆ ของวัดที่ยังค้างคาให้คณะสงฆ์ที่รับผิดชอบดำเนินการต่อ โดยกล่าวแต่เพียงว่า “ตนเองหมดวาสนาจะอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ต่อไป” ทั้งยังถูกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติสั่งขึ้นบัญชีดำ ห้ามบวชซ้ำอีกด้วย

“ดีแล้วครับ ถ้ารู้เห็นพระที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม มีหลักฐานชัดเจน เอามาประจานให้คนได้เห็นกัน เพื่อที่จะได้ขจัดมารศาสนาให้ออกไปให้หมด ขอบคุณครับที่ช่วยปกป้องพระศาสนา”

“เห็นแชร์กันในเฟซบุ๊ค ไม่ทราบจริงเท็จประการใด ดังซะด้วย ส่วนเคสสมีคำ คลาดแคล้วจาก DSI ไปแหม่บๆ หนีขึ้นฮอทันท่วงที ก่อนโดนจับไม่นาน แหม่!!! คนดีผีคุ้มจริงจริ๊งงงง”

“แบบนี้แหละครับ เป็นการกลั่นกรองคนเลวออกจากศาสนา ทองจริงไม่ลอกครับ ของปลอมก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน คนไม่ดี แบบนี้ (ไม่ใช่ความเชื่อแบบว่าของคนอื่นไม่ดี) เราต้องช่วยกันเอาออกมาจากศาสนาครับ ไม่เสื่อมครับ มีเยอะก็เอาออกได้เยอะ ถ้าเราชาวพุทธช่วยกัน”

” หมดวาสนาจะได้อยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ต่อไป ชอบแบบนี้ก็สึกดีแล้วครับท่าน”

“ทำไม ผู้หญิงถึงกล้าทำอะไรแบบนี้ ไม่รู้สึกเคารพอะไรผ้าเหลืองบ้างเหรอ”

“อยากนี้มันต้องออกกฏหมายให้มีความผิดต้องจำคุกไม่ต่ำกว่า 10 ปี ฐานทำให้พระพุทธศาสนาเสือมเสีย”

เรื่องที่สาม ขึ้นหน้าหนึ่งกันเลยทีเดียว สำหรับลูกทุ่งสาวนุ่งสั้น เจ้าของฉายาสั้นเสมอหู ใบเตย อาร์สยาม หรือ นางสาวสุธีวัน ทวีสิน ที่หลังจากมีข่าวโจมตีว่า ใบเตยไปทานข้าวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งทางใบเตยก็ออกมายอมรับกับสื่อว่าตนเคยไปทานข้าวจริง แต่เป็นแค่การทำงาน และได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ใหญ่ในบริษัทอาร์สยามแล้ว ว่างานใดเหมาะสมกับศิลปินคนใด โดยงานที่ใบเตยไปมี 2ที่ได้แก่ ฮ่องกง ซึ่งเป็นงานเลี้ยงภายในที่นักการเมืองบินไปเยี่ยม พ.ต.ท.ทักษิณ และที่สิงคโปร์เป็นงานเอฟวัน เมื่อ ปี 2555 ซึ่งก็มีศิลปินจากหลายค่ายเดินทางไปด้วย

การเดินทางไปทั้ง 2 ครั้งนี้ ใบเตยยืนยันว่าตนไปทำงานและได้รับค่าตอบแทนครั้งละ 500,000 บาท สำหรับการทานข้าวและร้องเพลง ทั้งยังมีการช็อปปิ้งกระเป๋าแบรนด์เนม โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งคนคอยติดตามและเทคแคร์ตลอดตอนที่ไปช้อปปิ้งตามสถานที่ต่างๆ โดยที่ใบเตยมีการให้สัมภาษณ์ ว่า การไปทำงานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนถือว่าเหมือนเป็นการไปเที่ยว เป็นกำไรชีวิตอีกด้วย จากการอุปการะของผู้ใหญ่ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ สนิทกับ เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ มานานแล้ว และเรียกใช้งานศิลปินทางค่ายมาตลอด

ที่มาภาพ : http://www.igossipy.comp=120005
ที่มาภาพ: http://www.igossipy.comp=120005

นอกจากนี้ ยังมีข่าวอีกว่า บ้านของใบเตยที่โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด นั้น พ.ต.ท.ทักษิณซื้อให้ แต่ใบเตยก็ปฏิเสธและแจ้งว่าได้รับส่วนลดเท่านั้น เนื่องจากลูกเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ เป็นผู้ดูแลโครงการดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเรื่องราวการโจมตีทางด้านชู้สาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาแล้ว เริ่มตั้งแต่ ใหม่ เจริญปุระ ที่ตกเป็นประเด็นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลังจากขึ้นโชว์ร้องเพลงในงานเปิดตัวสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ ในประเทศอังกฤษ, ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ที่ปรากฏชื่ออยู่ในพ็อกเก็ตบุ๊ก ทักษิณ Whare are you? ของ “สุณิสา เลิศภควัต” ที่บอกเล่าเรื่องราวว่า ลีเดียกับทักษิณเป็นเพื่อนซี้ต่างวัย มีภาพความสนิทสนมอย่างชัดเจนในช่วงที่ลีเดียทุ่มเงินซื้อบ้านหรูและเครื่องบินเล็กกว่า 40 ล้านบาทพอดี ทั้งที่ลิเดียก็มีแฟนอยู่แล้ว คือ แมทธิว ดีน ซึ่งสรุปแล้ว ลิเดียก็เพียงแจ้งว่า ครอบครัวมีความสนิทสนมกันมานาน นับถือกันแบบญาติผู้ใหญ่ และแป้ง อรจิรา แหลมวิไล ที่มีภาพปรากฏในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฮ่องกง แต่เพราะแป้งเป็นเพื่อนสนิทกับ เอม พินทองทา ก็เพียงไปอวยพรคุณพ่อเพื่อนเท่านั้น ซึ่งหลังจากนั้น แป้งก็แต่งงานกับทรงพันธุ์ กุลดิลก ลูกชายของ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

“เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขารวยทางลัดกันแบบนี้แล้วหรือ?”

“นี่แหละสังคมแบบทุนนิยม ที่เขาต้องการให้เป็น ทำให้คนกลายเป็นทาสเงิน เพื่อจะได้มีเงินไว้ซื้อผู้หญิง สนองตัณหาของตัวเอง”

“ไม่มีใครยอมรับความจริงหรอก ว่าไปทำอะไรกันบ้าง แต่แค่ไม่เข้าใจว่า ทำไมการทำงานได้เงินมากมาย ทำให้ต้องเข้าใจและยอมรับในตัว นักโทษข้ามชาติเลยเหรอ”

“จะร้อนตัวทำไม ก็แค่นักร้อง จ้างไปร้องเพลง แปลกตรงไหน”

“กับข่าวใบเตยเราเฉยๆนะ เพราะเค้าต้องทำมาหากิน”

“ใครๆ ก็สนิทและรักทักษิณ นะ เพราะเรื่องเงินล้วนๆ เลย ถ้าดีจริงๆ ไม่โกง ไม่ทำร้ายใคร ความดี คงหอบเขากลับไทยได้นานแล้ว แต่นี้ ไม่ใช่”

เรื่องที่สี่ เป็นความน่ารักของผู้ให้บริการรถแท็กซี่ จนชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมด้วยการแชร์ภาพและข้อความกันเป็นจำนวนมาก ต้นเรื่องนี้มาจากเว็บไซต์พันทิป โดยสมาชิกที่ใช้ชื่อว่า พัดชารัดชา ได้ถ่ายภาพและเล่าเรื่องราวของคนขับรถแท็กซี่ใจดีที่ชื่อว่า นายณรงค์ สายรัตน์ เลขทะเบียน ทม 9569 ในหัวข้อกระทู้ “Taxi แบบนี้ก็มีด้วย!”

แท็กซี่น้ำใจงามของนายณรงค์ สายรัตน์ เป็นรถที่มีการให้บริการทั้ง อาหาร ขนม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โจ๊ก กาแฟ กระติกน้ำร้อน หนังสือพิมพ์ นิตยสาร อุปกรณ์เสริมสวย หวี แป้ง แว่นตากันแดด ยารักษาโรค หรือแม้กระทั่งถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น ซึ่งทั้งหมด ฟรี!! โดยผู้เขียนบล็อกแจ้งว่า นายณรงค์เผยว่า ต้องการช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เพราะมีคนลำบากกว่าเขาอีกเยอะ บางวันมีใครป่วยมา พี่คนขับก็อาสาพาไปส่งโรงพยาบาลให้โดยไม่คิดค่าโดยสารอีกต่างหาก

ภาพภายในรถแท็กซี่ของ นายณรงค์ สายรัตน์  เลขทะเบียน ทม. 9569  ที่มาภาพ : http://pantip.comtopic30998395
ภาพภายในรถแท็กซี่ของ นายณรงค์ สายรัตน์ เลขทะเบียน ทม. 9569 ที่มาภาพ: http://pantip.comtopic30998395

ทำให้เรื่องนี้ ชาวเน็ตต่างให้ความสนใจ และชื่นชมในน้ำใจของนายณรงค์ สายรัตน์ คนขับแท็กซี่ใจดีคนดีเป็นจำนวนมาก โดยต่างก็มองเป็นสิ่งที่ดี ต้องมีการชื่นชม เพื่อให้คนในสังคมมองเห็นมุมดีและคนดีๆ ที่ยังมีอยู่ในสังคม สมัยนี้

“ใช้ครับ เพราะสมัยนี้ มีแต่ข่าวแท็กซี่โหดๆ พอมาเจอของดีอย่างนี้ ก็เป็นปลื้มครับ ส่วนมากเขาวิ่งแถวไหนเอ่ย จะได้ไปเหมาซักวัน”

“เหมือน เครื่อง วัดใจเหมือนกันครับ ถ้าลูกค้า หยิบกิน ก็เหมือนเขาได้ทำบุญ ด้วยนึกในวิธี พุทธ แต่เป็นผม คงจะ ขอซื้อดีกว่าครับผม สบายใจ มากกว่า”

“เท่าที่เจอมาเขาขับรถดีๆ ส่งเราถึงที่ รับเราไม่เกี่ยงว่าไปส่งแก๊สเติมรถ เราก็ดีใจขอบคุณแล้วขอบคุณอีก มาเจอพี่คันนี้ เจ๋งกว่าเยอะมาก ขอให้พี่แท็กซี่รุ่งเรืองครับ”

“สุดยอดเลยครับคุณณรงค์ นับถือจริงๆ ขออวยพรให้คุณและครอบครัวพบแต่สรรพสิ่งที่เป็นมงคลทั้งปวง เสียดายอยู่ต่างจังหวัดเลยยังไม่มีโอกาสใช้บริการ”

“เคยขึ้นแล้วครับ แต่จำได้ว่าไม่ใช่คันนี้ คล้ายๆกัน มีของให้กินเหมือนกัน แถมยังพูดจาดีมากเรียกคุณผู้ชายตลอดเลยครับ แสดงว่ายังมี Taxi ดีๆอยู่หลายคันเหมือนกันนะครับ ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่ดีก็ตาม”

“แบบนี้ขายก็ยังดูไม่น่าเกลียดเลย รถติดนานๆ หิวก็มีขนมกิน เมื่อวันก่อนได้ใช้บริการแท๊กซี่เหมือนกัน ในรถมีโหลลูกอมตั้งไว้ให้ แค่นี้เราก็รู้ว่าเค้ามีใจรักการบริการแล้วล่ะ”

เรื่องที่ห้า เป็นคลิปโฆษณาดังกระชากความรู้สึกทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ กับคลิปโฆษณาชุด “การให้ คือการสื่อสารที่ดีที่สุด” ของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ทรูมูฟ เอช โดยสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักทั้งเดอะมิเรอร์ของอังกฤษ, ซีบีเอสและนิวยอร์กไทมส์แห่งสหรัฐอเมริกา และสกายนิวส์แห่งออสเตรเลีย ต่างพากันรายงานข่าวถึงคลิปโฆษณาชุดนี้จนมีผู้ชมต่างหลั่งไหลเข้าชมและแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก

โดยโฆษณาชุดนี้มีความยาวกว่า 3 นาที เป็นการเล่าเรื่องราวของ “นายแพทย์ประจักษ์ อรุณทอง” ที่ในวัยเด็กเคยได้รับการช่วยเหลือจากชายเจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยวชื่อว่า “นายฮุ่ยเซ็ง แซ่เคียม” จากเหตุการณ์ที่นายแพทย์ประจักษ์ในวัยเด็กพยายามขโมยยาจากร้านขายยาเพื่อไปรักษาแม่ แต่กลับถูกเจ้าของร้านดุ นายฮุ่ยเซ็ง ชายเจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยวจึงช่วยจ่ายเงินค่ายาให้ พร้อมให้เกาเหลาอีก 1 ถุงเพื่อไปทาน จากนั้นเวลาผ่านไป 30 ปี นายฮุ่ยเซ็งเกิดหน้ามืดล้มจนหัวฟาดและต้องได้รับการรักษาเป็นเงินเกือบ 8 แสนบาท ลูกสาวต้องขายบ้านที่อาศัยและที่เป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวเพื่อหาเงินไปรักษา แต่สุดท้ายลูกสาวของนายฮุ่ยเซ็งก็ได้รับใบสรุปค่าผ่าตัดที่ไม่ต้องเสียเงินซักบาท พร้อมข้อความที่ระบุว่า “เพราะค่าใช้จ่ายทั้งหมด ผมได้รับแล้ว เมื่อ 30 ปีก่อน ด้วยยาแก้ปวด 3 แผง ยาธาตุ 1 ขวด และเกาเหลา 1 ถุง จึงเรียนมาด้วยความเคารพ……….นายแพทย์ประจักษ์ อรุณทอง”

ภาพจากโฆษณา ที่มาภาพ : http://www.talkystory.comp=65072
ภาพจากโฆษณา ที่มาภาพ: http://www.talkystory.comp=65072

จากโฆษณาดังกล่าว ได้มีข้อความกำกับไว้ด้วยว่า “โครงเรื่องมาจากสังคมออนไลน์” จึงทำให้หลายสื่อหลายเว็บไซต์พิจารณาสงสัยกันไปว่าอาจจะมาจากฟอร์เวิร์ดเมลล์ที่มีการส่งต่อกันในหลายปีก่อน เป็นเรื่องราวของการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทน ของหมอผ่าตัดที่ชื่อ “นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร” ที่มีเรื่องราวคล้ายคลึงกับในโฆษณา หรือแม้แต่พิจารณาว่า อาจจะมาจากเค้าโครงเรื่องจริงของ ดร.โฮเวิร์ด เคลลี (Dr.Howard Kelly) แพทย์ชื่อดังของสหรัฐอเมริกาที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2401-2486

“รู้สึกดีใจแทนคนไทย ที่มีคนต่างชาติให้ความสนใจมากขนาดนี้ “โฆษณาไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก”

“ซึ้งมาก ดูไปขนลุกไปเลย สมัยนี้คงหาคนมีน้ำใจแบบนี้ได้ยาก”

“”ฟังกี่ครั้งก็น้ำตาไหลยิ่งดูโฆษณายิ่งซึ้ง”

“ทำได้ดี มีความสุขในการเป็นผู้ให้และทดแทนคุณ ผมให้เต็มสิบครับ”

“การให้ ไม่ต้องพูดอะไร มากจริงๆ ขอชมมีมผลิตโฆษณาจริงๆ”

“ซึ้งมากครับ นั่งดูโฆษณาเมื่อคืน ดูจบกินใจมาก ชอบครับ “การให้ คือการสื่อสารที่ดีที่สุด”

“ดูแล้วซึ้งยังไม่พอต้องนำไปปฏิบัติตามด้วยถึงจะดี โลกคงน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ”