ThaiPublica > คอลัมน์ > พบถิ่นอินเดีย 2012 What Young India Wants

พบถิ่นอินเดีย 2012 What Young India Wants

1 กันยายน 2012


ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์

สัปดาห์ที่ผ่านมาผมลาหยุดงานไปแบกเป้เดินท่อมๆ อยู่ในอินเดียตามสไตล์แบคแพคที่จองตัวเครื่องบินราคาถูกกันไว้ล่วงหน้าร่วมปี ไปกลับกรุงเทพฯ-โกลกัตตา ราคาถูกยิ่งกว่าบินจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่เที่ยวเดียวเสียอีก ประมาณสองพันเจ็ด บินไปกลับรวมค่าภาษีสนามบินแล้วมันถูกแสนถูก

และก็ไปกันโดยไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรแน่นอน ไปแล้วจะไปไหน ทำอะไร ล้วนแต่ไปตัดสินใจเอาข้างหน้าทั้งสิ้น

แต่อย่างหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเวลาไปต่างประเทศ คือ การเที่ยวเดินดูผู้คนตึกรามบ้านช่องมองเห็นวิถีชีวิตไปเรื่อยๆ หลายวันที่เดินๆ อยู่ในอินเดีย มีหนังสือเล่มหนึ่งที่สะดุดตาด้วยปกและชื่อหนังสือ เดินไปที่ไหนก็เจอหนังสือเล่มนี้วางอยู่ด้านหน้า ไม่ว่าจะเป็นแผงหนังสือสกปรกข้างถนน หรือตามร้านหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายหนังสือใหม่หนังสือเก่า

หนังสือเล่มนั้นชื่อ What Young India Wants เขียนโดย Chetan Bhagat เป็นหนังสือประเภทนัน-ฟิกชั่น ขณะที่ผู้เขียนนั้นที่จริงแล้วมีตราประทับว่าเป็นนักเขียนนิยายเบสต์เซลเลอร์ ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่นิยายเล่มแรกที่เขียน

What Young India Wants

นิยายที่เขาเขียนมาทั้งหมดที่ออกมาสามสี่เล่ม ล้วนเป็นนิยายสำหรับวัยรุ่นที่มีคนติดตามอ่านหลายแสนคน มีเรื่องหนึ่งที่ถูกนำไปสร้างเป็นหนังที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับบอลลีวูด นักดูหนังบ้านเราอาจจะรู้จัก มันคือหนังเรื่อง 3 Idiots ที่สร้างจากนิยายเรื่อง Five Point Someone ของเขา

แล้วทำไมนักเขียนนิยายชื่อดังถึงได้มาเขียนหนังสือที่ไม่ใช่นิยาย แม้จะด้วยสำนวนลีลาที่อ่านง่ายคล้ายหนังสือฮาวทู แต่ว่ากลับแฝงเนื้อหาหนักอึ้งเช่นนี้

คำตอบมีอยู่ในบทแรกของหนังสือที่เป็นการเปิดใจผู้เขียน เขาเล่าประวัติตัวเองไว้คร่าวๆ ว่าเกิดมาในครอบครัวชนนั้นกลางของอินเดีย พ่อแม่เป็นข้าราชการ แม้ไม่ได้อดมื้อกินมื้อ แต่ก็เป็นชีวิตที่ขาดแคลน เช่น โซฟาพังก็ไม่มีเงินจะซ่อม เป็นต้น

การขาดแคลนเงินสำหรับชีวิตที่ดีทำให้เขาตั้งเป้าชีวิตว่าอนาคตจะต้องมีงานดีๆ ทำ และมีเงินพอจะเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้นเสมอๆ เมื่อจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยจึงเลือกสอบเรียนวิศวกรรมศาสตร์เพราะชอบวิทยาศาสตร์ และใครๆ ก็ประกันว่าจบวิศวกรรมศาสตร์มีงานดีๆ ทำแน่นอน

ระหว่างเรียนวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยไอทีชั้นนำที่สอบเข้าไปเรียนได้ เขากลับพบว่าสิ่งที่ตัวเองสนใจคือคน ไม่ใช่วิศวกรรม และสังเกตเห็นว่าคนส่วนใหญ่ที่มาเรียนคณะนี้มาจากระดับหัวกะทิของโรงเรียนที่มีชื่อเสียง มีลูกเต้าชนชั้นกลางระดับล่างเล็ดรอดมาเรียนด้วยไม่กี่คน และส่วนใหญ่มาเรียนไม่ใช่เพื่อมา “รู้” แต่มาเรียนเพื่อบรรลุความฝันถึงชีวิตที่ดีกว่าของชนชั้นกลาง สุดท้ายแล้วคือเรียนเพื่อ “เงิน” ที่จะได้จาการงานในอนาคต

หลังจบวิศวกรรมศาสตร์ เขาเรียนเอ็มบีเอต่อ จากนั้นก็เริ่มทำงานกับบริษัทเพเรกรีนที่ฮ่องกง การไปทำงานกับบริษัทวาณิชธนกิจชั้นนำของโลกที่ฮ่องกงเปิดหูเปิดตาเขาหลายอย่าง มันเหมือนไปเห็นโลกใหม่ที่แตกต่างกับอินเดียบ้านเกิดราวฟ้ากับนรก

ทำงานไป การงานก็คืบหน้าไปเรื่อยๆ ชีวิตดีขึ้นมากมาย ผ่านประสบการณ์การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ที่เริ่มจากวิกฤติต้มยำกุ้งบ้านเรา เคยแม้กระทั่งเข้ามาเป็นที่ปรึกษาการเงินในประเทศไทย เพื่อให้คำปรึกษาหลังการลดค่าเงินบาทปี 2540

การทำงานในภาคการเงินระดับนี้ทำให้ได้สัมผัสอะไรมากมาย ที่เกินกว่าคนระดับธรรมดาจะได้สัมผัส ได้มองเห็นและรู้อะไรมากมายที่คนอื่นๆ ทั่วๆ ไปมองไม่เห็น เห็นนักการเมืองระดับรัฐมนตรีกับวิธีคิดของคนพวกนี้ เห็นว่านักการเมืองคือพวกที่สร้างความเลวร้าย แต่เชตานไม่คิดว่าจะประณามแต่นักการเมือง สังคมทั้งสังคมต่างหากที่โอนอ่อนผ่อนตามระบบที่ดำรงอยู่

เขาว่าที่จริงแล้วทุกคนพร้อมจะคอร์รัปชัน การคอร์รัปชันที่ง่ายที่สุดโดยไม่สำนึกถึงผลกระทบที่ตามมาสำหรับคนทั้งหมด ก็อย่างเช่นการแซงคิว จนกว่าคนจะตระหนักสำนึกได้ว่ามันมีปัญหาในขั้นรากฐาน ที่เราต้องร่วมกันมองไปทางเดียวกัน และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยกันเท่านั้น จึงจะเปลี่ยนแปลงไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนได้ โดยเฉพาะสำหรับผู้ยากไร้และด้อยโอกาสในสังคม

หลังจากทำงานมาระยะหนึ่ง สุดท้ายแล้ว เชตานรู้สึกอิ่มตัวกับชีวิตตัวเองที่ประสบความสำเร็จ มีเงินทองมีชีวิตที่ดี
What Young India Wants

แต่เมื่อมองย้อนกลับไปดูอินเดียบ้านเกิด คนส่วนใหญ่ของอินเดียจมอยู่ในปลัก เขานั่งคิดถึงอินเดียที่ดีกว่า ไม่ใช่สำหรับตัวองเท่านั้น แต่สำหรับคนอินเดียอีกนับล้านๆ คน ที่ยากจนข้นแค้นแสนสาหัส ทำไมอู่อารยธรรมของโลก ที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอย่างเคร่งครัด จึงได้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีคนยากจนที่สุดในโลก ทำไมประเทศที่จีดีพีเติบโตสูงกว่าระดับเฉลี่ยของโลกถึงได้มีสภาพเช่นนี้ ทำไมถึงรวยกระจุกจนกระจาย คุณค่าของอินเดียคืออะไร

คำตอบแรกของเขาคือการเขียนนิยาย เพื่อจะสื่อสิ่งที่เขาคิดออกไป Five Point Someone คือ นิยายเล่มแรกของเขาที่ออกวางตลาดในเดือนพฤษภาคม 2004

แบงเกอร์มาเขียนนิยายเพื่อจะสื่อปัญหาของอินเดียให้คนรุ่นใหม่รับรู้ผ่านรูปแบบบันเทิง มันประสบความสำเร็จในความเป็นนิยายวัยรุ่นตั้งแต่เล่มแรก และเล่มที่สองที่สามตามมา

แต่เท่านั้นไม่พอสำหรับเชตาน

หนังสือ What Young India Wants จึงได้เกิดขึ้นในบรรณพิภพของอินเดีย