ThaiPublica > ประเด็นสืบสวน > ‘กระดูกของความลวงหลายชั้นของนายทุน’ กับการทำพับลิก สโคปปิง “เหมืองทองคำ” จ.เลย

‘กระดูกของความลวงหลายชั้นของนายทุน’ กับการทำพับลิก สโคปปิง “เหมืองทองคำ” จ.เลย

25 กันยายน 2013


รายงานโดย: เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ โครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านทรัพยากรแร่ กลุ่มนิเวศวัฒนธรรมศึกษา

บริษัท ทุ่งคำ จำกัด (‘ทุ่งคำ’) ทำหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ตามหนังสือเลขที่ ทค.ลย(ว) 255/56 เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2556 เพื่อ “แจ้งความประสงค์จะดำเนินการจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (ค.1) โครงการเหมืองแร่ทองคำ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด คำขอประทานบัตร 76/2539”1 หรือจัดทำเวทีพับลิก สโคปปิง (Public Scoping)

ต่อมาทุ่งคำได้ทำหนังสืออีกฉบับหนึ่งถึงเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ตามหนังสือเลขที่ ทค.ลย(ว) 278/56 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2556 เพื่อจัดส่งและขอความอนุเคราะห์ประชาสัมพันธ์เอกสาร “รายละเอียดโครงการเหมืองแร่ทองคำ ทองแดง และเงิน คำขอประทานบัตรที่ 76/2539 และขั้นตอนการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA)” เพื่อให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2552 เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ ซึ่งมีข้อระเบียบปฏิบัติที่ระบุว่าให้มีการเปิดเผยข้อมูลโครงการก่อนวันดำเนินการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นฯ (พับลิก สโคปปิง) ต่อสาธารณชนให้รับทราบอย่างน้อย 15 วัน ก่อนวันจัดเวทีดังกล่าว

วัตถุประสงค์ชัดเจนได้แสดงอยู่ในหนังสือที่ทำถึง สช. ทั้งสองฉบับและเอกสารประกอบเวทีว่า จะจัดทำเวทีพับลิก สโคปปิง เฉพาะแปลงที่ 76/2539 เท่านั้น แต่รายละเอียดกลับมีแปลงอื่นปรากฏในหนังสือดังกล่าวด้วย โดยไม่มีหน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำและพิจารณารายงาน EHIA ทักท้วง ตักเตือน เอาผิด แต่อย่างใด ซึ่งเอกสารได้จัดส่งมาก่อนหน้าวันจัดเวทีถึง 15 วัน แต่กลับปล่อยให้ทุ่งคำดำเนินการจัดทำเวทีดังกล่าวต่อไปได้

และสิ่งที่เกิดขึ้นมี 2 ประเด็นสำคัญคือ

ประเด็นที่หนึ่ง – เอกสารประกอบเวทีพับลิก สโคปปิง ที่ใช้เผยแพร่ บนหน้าปกระบุชื่อว่า “รายละเอียดโครงการเหมืองแร่ทองคำ ทองแดง และเงิน คำขอประทานบัตรที่ 76/2539 และขั้นตอนการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA)” และในส่วนล่างสุดของหน้า 1-5 ของเอกสารดังกล่าว ระบุชื่อเอกสารว่า “โครงการเหมืองแร่ทองคำ ทองแดง และเงิน คำขอประทานบัตรที่ 76/2539 หมู่ที่ 13 ต.นาโป่ง อ.เมือง จ.เลย” ส่วนที่เหลือทั้งหมด ตั้งแต่หน้า 6-58 ในส่วนล่างสุดของเอกสาร กลับระบุชื่อเอกสารว่า “โครงการเหมืองแร่ทองคำ ทองแดง และเงิน คำขอประทานบัตรที่ 76 และ 77/2539 หมู่ที่ 13 ต.นาโป่ง อ.เมือง จ.เลย”

ในสาระความเป็นมาและรายละเอียดโครงการ ที่ปรากฏอยู่ในย่อหน้าสุดท้ายของหน้า 1 ระบุว่า “ทั้งนี้เพื่อให้มีแหล่งแร่เพิ่มเติมเพื่อป้อนการดำเนินการผลิตของบริษัทฯ จึงได้ดำเนินการยื่นคำขอประทานบัตรที่ 76/2539 รวมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกันกับคำขอประทานบัตรที่ 77/2539 เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ ทองแดง และเงิน ของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ตั้งอยู่ในแผนที่ภูมิประเทศมาตราส่วน 1: 50,000 ลำดับชุด L 7017 ระวาง 5343 IV ของกรมแผนที่ทหาร ระหว่างพิกัดฉากสากล (U.T.M.) แนวตั้งที่ 785000 E ถึง 786000 E และแนวนอนที่ 1927000 N ถึง 1929100 N โดยประมาณ อยู่ในท้องที่ของ ต.นาโป่ง อ.เมือง จ.เลย”

ประเด็นที่สอง – จากเอกสารประกอบเวทีพับลิก สโคปปิง ดังกล่าว การกำหนดพิกัดแนวตั้งที่ 785000 E ถึง 786000 E และแนวนอนที่ 1927000 N ถึง 1929100 N โดยประมาณ เป็นขอบเขตครอบคลุมพื้นที่คำขอประทานบัตรที่ 76/2539 และ 77/2539 และยังขยายพื้นที่เกินไปทางด้านทิศตะวันออกของพื้นที่คำขอประทานบัตรที่ 77/2539 ซึ่งมีแปลงคำขอประทานบัตรที่ 203/2539 ร่วมเป็น ‘พื้นที่กลุ่มคำขอประทานบัตร’ ด้วยอีก 1 แปลง

EHIAเหมืองทองคำ-1

สอดคล้องกับเอกสารแผนที่ธรณีวิทยาและธรณีวิทยาโครงสร้าง แปลงที่ 4 จังหวัดเลย ของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด มิถุนายน 2540 ที่ได้มีการกำหนดพื้นที่ในการทำเหมือง T-3 และ T-9 และซึ่งสอดคล้องกับเอกสารของฝ่ายอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเลย อีกทอดหนึ่งด้วย ที่ระบุไว้ในรายละเอียดคำขอประทานบัตร ประจำเดือนสิงหาคม 2553 ว่า โดยในพื้นที่บริเวณคำขอประทานบัตรรวม 3 แปลง พื้นที่ในการทำเหมือง T-3 ประกอบด้วย แปลงคำขอประทานบัตรที่ 76/2539, 77/2539 และ 203/2539 รวมพื้นที่ 898-0-50 ไร่ และพื้นที่ในการทำเหมือง T-9 ประกอบด้วย แปลงคำขอประทานบัตรที่ 71/2539 72/2539 และ 73/2539 รวมพื้นที่ 900 ไร่ โดยมีพิกัดแต่ละแปลงดังนี้

เหมืองทองคำ

พื้นที่ในการทำเหมือง T-3

คำขอประทานบัตร 76/2539 มีพิกัดแนวตั้ง 785450 E แนวนอน 1929100 N พื้นที่ 299-0-25 ไร่

คำขอประทานบัตร 77/2539 มีพิกัดแนวตั้ง 785450 E แนวนอน 1928230 N พื้นที่ 299-0-25 ไร่

คำขอประทานบัตรที่ 203/2539 มีพิกัดแนวตั้งที่ 786000 E แนวนอนที่ 1928000 N พื้นที่ 300 ไร่

พื้นที่ในการทำเหมือง T-9

คำขอประทานบัตรที่ 71/2539 มีพิกัดแนวตั้งที่ 783200 E แนวนอนที่ 1928470 N พื้นที่ 300 ไร่

คำขอประทานบัตรที่ 72/2539 มีพิกัดแนวตั้งที่ 783200 E แนวนอนที่ 1927800 N พื้นที่ 300 ไร่

คำขอประทานบัตรที่ 73/2539 มีพิกัดแนวตั้งที่ 783200 E แนวนอนที่ 1927290 N พื้นที่ 300 ไร่

ดังนั้น ทุ่งคำมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะไม่ขอประทานบัตรเพียงแค่แปลงที่ 76/2539 แปลงเดียว แต่จะขอเป็นพื้นที่กลุ่มคำขอประทานบัตรอย่างน้อย 3 แปลง คือ แปลงที่ 76/2539, 77/2539 และ 203/2539 และอาจจะมีความเป็นไปได้ที่ทำให้เชื่อว่าจะมีการบิดเบือนเอกสารในภายหลัง (อาจจะเป็นในขั้นเสนอร่างรายงาน EHIA ในเวทีพับลิก รีวิว ซึ่งเป็นขั้นตอน/เวทีต่อจากพับลิก สโคปปิง) ด้วยการขอประทานบัตรแปลงที่ 71/2539 72/2539 และ 73/2539 อีก 900 ไร่ ร่วมด้วย

“แต่ทำไมถึงไม่พูดข้อเท็จจริง ทำไมถึงต้องปิดบังและหลีกเลี่ยง หรือเกรงว่าถ้าประกาศจัดทำเวทีพับลิก สโคปปิง เพื่อจัดทำรายงาน EHIA เพื่อประกอบการขอประทานบัตรทั้ง 3 แปลง เนื้อที่รวมกัน 898-0-50 ไร่ (และอาจจะรวมแปลง 71-73/2539 อีก 900 ไร่ ด้วย) จะเกิดการคัดค้านต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่ขึ้นได้ เพราะเห็นว่าเป็นพื้นที่ทำเหมืองแปลงใหญ่เกินกว่าชุมชนในเขตตำบลนาโป่งจะแบกรับภาระและปัญหาผลกระทบได้ จึงทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ว่าจะขอประทานบัตรแปลงเล็กประมาณ 300 ไร่ แปลงเดียวไปก่อน ต่อเมื่อผ่านเวทีพับลิก สโคปปิง ไปแล้ว จึงค่อยอธิบายว่าจะทำเหมืองแปลงใหญ่ในภายหลัง”

เป็นที่น่าสังเกตว่า กระบวนการจัดทำและพิจารณารายงาน EHIA ในสังคมไทย ที่พับลิก สโคปปิง สามารถถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้ประกอบการได้โดยการเมินเฉยของส่วนราชการ-รัฐ และองค์กรอิสระต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งๆ ที่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือพับลิก สโคปปิง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดทำและพิจารณารายงาน EHIA ก็ระบุไว้ชัดอยู่แล้วให้ ‘กำหนดขอบเขต’ และ ‘แนวทาง’ การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ

แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า มีการขอประทานบัตรแปลงเดียว คือ แปลงที่ 76/2539 เนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ นั่นก็หมายถึงการจัดทำเวทีพับลิก สโคปปิง ดังกล่าว จะเป็นการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในพื้นที่เพียง 300 ไร่ เท่านั้น ส่วนพื้นที่นอกเหนือจากนั้นที่ปรากฏอยู่ในแปลงที่ 77/2539 และ 203/2539 (และอาจจะรวมแปลงที่ 71-73/2539 ด้วย) จะไม่ได้ถูกกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเอาไว้ด้วย

ส่งผลให้การวิเคราะห์ ประเมิน และคาดการณ์ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะไม่สอดคล้องกับพื้นที่ขอประทานบัตรจริง ก็เพราะวิเคราะห์ ประเมิน และคาดการณ์ผลกระทบในพื้นที่ทำเหมืองแปลงเดียว 300 ไร่ แต่ผลกระทบเกิดขึ้นกับพื้นที่ทำเหมืองทั้งสามแปลง ประมาณ 900 ไร่

ด้วยประเด็นที่ตั้งข้อสังเกตุข้างต้นในการทำพับลิก สโคปปิง และอาจทำให้เชื่อได้ว่าการปิดล้อมเวทีพับลิก สโคปปิง ด้วยกำลังตำรวจ 700 นาย เพื่อปิดกั้นประชาชนผู้เห็นต่างไม่ให้เข้าร่วมเวทีเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา แม้จะไม่เหมือนทีเดียว แต่ก็ทำให้นึกถึงวรรณกรรมรวมเรื่องสั้น ‘กระดูกของความลวง’ ของเรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ขึ้นมาเป็นอุทาหรณ์เทียบเคียง

ในเรื่องสั้นกระดูกของความลวง เล่าเรื่องจากสายตาของคนที่กำเนิดมาพร้อมกับความผิดปกติ จนถูกสังคมผลักไสให้เป็นคนชายขอบ แสดงให้เห็นอคติของสังคม รวมถึงด้านมืดของมนุษย์ที่ต้องการเห็นผู้อื่นด้อยกว่าเพื่อให้ตนเองรู้สึกสูงส่ง โดยตีแผ่จิตใจด้านมืดที่เต็มไปด้วยการฉกฉวยทำลาย การเมินเฉยต่อความเลวร้ายเบื้องหน้า การบิดเบือนความเป็นจริง และความโง่เขลาต่อสรรพสิ่ง ด้วยอคติเช่นนี้จนกลายเป็นความเคยชินของเรา เราจึงกลายเป็นผู้ทำให้ความลวงที่เป็นความเหลวไหลและเหลวแหลกของสังคมมีกระดูกขึ้นมา

สำหรับพับลิก สโคปปิง ที่เป็นจุดเริ่มต้นของ EHIA และเป็นจุดเริ่มต้นของขั้นตอนการขอประทานบัตรด้วยเช่นเดียวกัน จนเมื่อถึงปลายทางที่ EHIA ผ่านความเห็นชอบ และได้รับอนุญาตประทานบัตรให้ทำเหมืองแร่ได้ เมื่อนั้นเรา –ใครก็ตาม ที่เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดทำและให้ความเห็นชอบรายงาน EHIA ทั้งหน่วยงานรัฐ ราชการ องค์กรอิสระ นักวิชาการ และผู้ประกอบการ– เป็นผู้ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ EHIA และประทานบัตร โครงการเหมืองแร่ทองคำ ต.นาโป่ง อ.เมือง จ.เลย ขึ้นมา

หมายเหตุ: 1 ขอขอบคุณ ดาวัลย์ จันทรหัสดี เจ้าหน้าที่มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) ผู้มองเห็นประเด็นในพับลิก สโคปปิง จุดเริ่มต้นของ EHIA เพื่อประกอบการขอประทานบัตร แปลงที่ 76/2539 ต.นาโป่ง อ.เมือง จ.เลย เป็นคนแรก และได้ส่งข้อมูลให้ผู้เขียนเพื่อเขียนเป็นบทความชิ้นนี้ขึ้นมา