ธนาคารโลกชี้ทางรอดเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกต้องรับเทคโนโลยีมาใช้ การปฏิรูปธุรกิจอย่างจริงจัง พร้อมสร้างความร่วมมือสู่ความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต และคาดเศรษฐกิจไทยปี’68 โต 1.6 % ต่ำสุดเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก
วอชิงตัน ดี.ซี. 23 เมษายน 2568 –ธนาคารโลกรายงานอัปเดทเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (East Asia and Pacific: EAP)ในปี 2567 ว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก มีการเติบโตทางเศรษฐกิจเร็วกว่าภูมิภาคอื่นๆ ของโลก ทั้งนี้ ในการรักษาแนวโน้มการเติบโตและการสร้างงานให้คงอยู่ต่อไปได้นั้น ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจำเป็นต้องหาทางรอดท่ามกลางโลกที่ผันผวนและรับมือกับความท้าทายระยะยาวที่เกิดจากภาพรวมของการทำธุรกิจโลก (global integration) การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของประชากรให้ได้
ในการอัปเดตเศรษฐกิจของภูมิภาคปี 2568 ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าในปีนี้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 4.0 จากเดิมที่อยู่ที่ร้อยละ 5.0 ในปี 2567 อย่างไรก็ดี แนวโน้มการเติบโตดังกล่าวอาจปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับแนวโน้มการเติบโตในภาพรวมและอีกส่วนขึ้นอยู่กับนโยบายในการตอบสนองต่อความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลกของแต่ละประเทศ ทั้งนี้ อัตราความยากจนในภูมิภาคนี้จะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในช่วงปี 2567-2568 ประชากรราว 24 ล้านคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะหลุดพ้นจากความยากจนได้ อ้างอิงตามเส้นแบ่งความยากจนของผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูง*
ความไม่แน่นอนในระดับสากลที่เพิ่มมากขึ้นกำลังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภค ส่งผลให้การลงทุนและการบริโภคถูกจำกัด นอกจากนี้ การส่งออกของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกก็คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดทางการค้า ในขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงก็มีแนวโน้มที่จะส่งผลทำให้อุปสงค์ภายนอกประเทศยังคงลดลงต่อไป
“ในขณะที่ต้องหาทางรอดท่ามกลางโลกที่ผันผวน ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกก็ยังมีโอกาสที่จะรักษาแนวโน้มทางเศรษฐกิจของตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นได้โดยการลงทุนและรับเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ รวมถึงเพิ่มโอกาสทางธุรกิจผ่านการปฏิรูปอย่างจริงจัง และสร้างความร่วมมือระดับสากลในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น” มานูเอลา วี. เฟอโร รองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าว
ธนาคารโลกยังคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2568 ของแต่ละประเทศในภูมิภาคไว้ดังนี้:
ทั้งนี้ ทางธนาคารโลกได้เสนอแนะแนวทางการตอบสนองเชิงนโยบายสามประการ
อันดับแรกคือการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะสามารถกระตุ้นผลิตภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปยังการสร้างงานที่เพิ่มขึ้นมาใช้ ดังที่ประเทศมาเลเซียและไทยได้ดำเนินการไว้
แนวทางที่สองคือการปฏิรูปเพื่อยกระดับการแข่งขัน โดยเฉพาะในด้านการบริการ ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ดังที่เห็นได้จากกรณีของประเทศเวียดนาม
ประการที่สามคือการพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมความแกร่งทางเศรษฐกิจได้
“การผสมผสานระหว่างการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ กับการปฏิรูปที่จริงจังและความร่วมมือเชิงนวัตกรรมสามารถช่วยให้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคสามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบันและความท้าทายในระยะยาวได้ นั่นคือสูตรสำหรับการเพิ่มผลิตภาพและการสร้างงานที่ดีขึ้นกว่าเดิม”อาดิตยา แมตทู หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกของธนาคารโลก กล่าว