ThaiPublica > คอลัมน์ > รีวิวซีรีส์ The Whirlwind…เมื่อคำโกหกที่ใหญ่กว่าคือ วิธีชำระล้างสิ่งปฏิกูลทางการเมือง

รีวิวซีรีส์ The Whirlwind…เมื่อคำโกหกที่ใหญ่กว่าคือ วิธีชำระล้างสิ่งปฏิกูลทางการเมือง

26 กรกฎาคม 2024


Hesse004

ที่มาภาพ : https://asianwiki.com/File:The_Whirlwind-p1.jpeg

เดือนที่ผ่านมา Netflix ปล่อยซีรีส์เกาหลีเรื่อง “The Whirlwind” ชื่อไทย คือ “แผนพลิกอำนาจ” ซีรีส์นี้นับเป็นซีรีส์หนังการเมืองที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง

เมื่อหลายปีก่อน ซีรีส์ชุด The House of Cards เป็นซีรีส์หนังการเมืองที่พูดถึงการขบเหลี่ยมเฉือนคมกันเพื่อแย่งอำนาจนำในสภาคองเกรส

…คำว่า Whirlwind แปลว่า “ลมหมุน” เป็นคำเปรียบเทียบถึงภาพการกวาดล้างสิ่งปฏิกูลทางการเมืองในเกาหลีใต้

ปฏิกูลที่ว่านี้ คือ นักการเมืองขี้ฉ้อ ข้าราชการขี้โกง ตุลาการฉ้อฉล และกลุ่มทุนใหญ่ที่แสนละโมบ

ซีรีส์นี้ยังสะท้อนภาพรวมการเมืองยุ่งเหยิงและแย่งชิงอำนาจที่เข้มข้นผ่านพล็อตเรื่องการลอบสังหารประธานาธิบดี

หากจะว่าไปแล้ว การเมืองภายในของเกาหลีใต้มีครบทุกรสชาติ…ไล่มาตั้งแต่สมัยสังหารโหดอดีตประธานาธิบดี ปักจุงฮี จนถึงลงโทษประธานาธิบดีติด”คุกจริง” ที่ไม่ใช่แค่ “คุกทิพย์” เหมือนบางประเทศ

เรื่องราวใน Whirlwind เริ่มต้นด้วยการลอบสังหารประธานาธิบดีจอง อิลจุน ทำให้เกิดการแย่งชิงอำนาจระหว่างนายกรัฐมนตรีพัค ดงโฮ และรองนายกรัฐมนตรีจอง ซูจิน

การต่อสู้ที่เข้มข้นเพื่อแย่งชิงอำนาจสูงสุดใน “ทำเนียบสีฟ้า”

ซีรีส์ชุดนี้นำเสนอการเมืองผ่านมุมมองกลุ่มผู้กุมอำนาจในทำเนียบสีฟ้า ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอำนาจมาตั้งแต่ยุคปัก จุงฮี

ปัจจุบันทำเนียบสีฟ้า หรือที่ภาษาเกาหลีเรียก “เชิงวาแด” (Cheong Wa Dae)

จากทำเนียบประธานาธิบดีในอดีต วันนี้เปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะตั้งแต่ปี 2022

โดยส่วนตัวผู้เขียน… หลังจากดูซีรีส์นี้จบ ผู้เขียนได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า

“การแย่งชิงอำนาจทางการเมืองเป็นการต่อสู้ที่ไม่สิ้นสุด เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนมีความทะเยอทะยาน”…เพียงแต่ใครสามารถจัดการ ควบคุมความทะเยอทะยานนั้นได้ดีกว่ากัน

ที่มาภาพ : https://about.netflix.com/en/news/the-whirlwind-date-announcement-teaser

Whirlwind ตั้งแต่ Ep1-12 ทำให้เราเห็นภูมิทัศน์ทางการเมืองเกาหลีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

…แต่ละตอนมีการขบเหลี่ยม เฉือนคม

ปรัชญาที่ว่า “ในทางการเมืองแล้ว ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร” ยังคงใช้ได้อยู่เสมอ

Whirlwind ฉายภาพนักการเมือง ข้าราชการ กลุ่มทุนใหญ่ ไม่เว้นแต่อำนาจตุลาการ… ทุกคนเล่นเกมอำนาจและใช้คำโกหกเป็นเครื่องมือรักษาอำนาจและขยายอิทธิพล

ในซีรีส์เราได้เห็นทั้งการแบลคเมล์ กุข่าว ตีเนียน ข่มขู่ โดยใช้พฤติกรรมเหล่านี้เป็นเครื่องมือทำลายล้างศัตรูทางการเมือง

“นักการเมือง” คือ บุคคลสาธารณะที่อยู่ใน “ที่แจ้ง” ย่อมตกเป็นเป้าโจมตีได้ง่าย ไม่เฉพาะตัวเอง หากยังรวมถึง สามี ภรรยา ลูก หรือแม้แต่เพื่อน

สัจธรรมทางการเมืองไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบนโลก ล้วนเป็นเรื่องความร่วมมือกันเพื่อจัดสรรประโยชน์ระหว่างนักการเมืองกับกลุ่มธุรกิจใหญ่…เพราะนี่คือ เกมส์แบบหนึ่ง โดยใช้กติกาที่เรียกว่า “กติกาประชาธิปไตย”

ด้วยเหตุนี้ เมื่อหนุ่มสาวผู้มีอุดมการณ์อยากเปลี่ยนแปลงโลกสู่ “โลกอุดมคติ” พลันที่พวกเขาย่างก้าวสู่เวทีการเมืองแล้ว…ความไร้เดียงสาจาก อุดมการณ์ที่เคยมีจึงค่อย ๆ หายไป พร้อมกับสถานภาพใหม่ในฐานะชนชั้นผู้ปกครอง

แม้พวกเขาจะอ้างว่า พวกเขาไม่เคยเปลี่ยน…แต่จริง ๆ แล้ว “เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน”

นักแสดงในซีรีส์นี้นับว่าโดดเด่นเลยทีเดียว โดยเฉพาะการแสดงของนักแสดงหลักอย่างนายกรัฐมนตรีพัค ดงโฮ (แสดงโดย โซล คยอง กู) และรองนายกรัฐมนตรีจอง ซูจิน (แสดงโดย คิม อีแฮ) ที่ตีบทแตกและเล่นได้ทรงพลัง

เราเริ่มรู้จักการเมืองเกาหลีใต้สมัยใหม่ในยุคของปัก จุงฮี ที่ใช้ทำเนียบสีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจทางการเมือง

ยุคปัก จุงฮี ซึ่งเป็นยุคที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและปกครองแบบเผด็จการ

หลังจากเหตุการณ์ลอบสังหารปัก จุงฮีในปี ค.ศ.1979 เกาหลีใต้ได้เปลี่ยนแปลงไปสู่ระบอบประชาธิปไตย การต่อสู้ทางการเมืองและแย่งชิงอำนาจในยุคนี้สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งและความพยายามในการสร้างประชาธิปไตยที่ยั่งยืน

“ทำเนียบสีฟ้า” จึงเป็นทั้งศูนย์กลางทางการเมือง ขณะเดียวกันเรื่องอื้อฉาวทางการเมืองก็เกิดขึ้นอยู่เสมอ

ในรอบสิบปีที่ผ่านมา…การเมืองเกาหลีใต้ยังคงเต็มไปด้วยความผันผวน มีเรื่องราวทุจริตครั้งใหญ่และใช้อำนาจในทางที่ผิด เช่น กรณีของประธานาธิบดีปัก กึนฮเย ที่ถูกถอดถอนเมื่อปี ค.ศ. 2017 เนื่องจากคดีทุจริต

ปี 2022 ทำเนียบสีฟ้าได้ถูกเปลี่ยนเป็น “สวนสาธารณะ” แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลเกาหลีใต้ที่ส่งเสริมความโปร่งใสและการเข้าถึงของสาธารณชน

การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความพยายามในการเปิดเผยความจริงและทำให้เห็นว่าอำนาจที่แท้จริงนั้น ประชาชนต้องเข้าถึงได้

นอกจากนี้ การเมืองระดับชาติยังเป็นภาพความร่วมมือระหว่างนักการเมืองและกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่

กลุ่มทุนใหญ่ยังคงมีอิทธิพลอย่างมากในการกำหนดนโยบายและตัดสินใจทางการเมือง ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมและขาดความโปร่งใสในกระบวนการทางการเมือง

ท้ายที่สุด ผู้เขียนมองว่าสิ่งที่ซีรีส์นี้ต้องการบอกพวกเรา คือ บางครั้งการเลือกใช้ “ความจริง” เพื่อกำจัดปฏิกูลทางการเมืองที่หมักหมมมานานอาจไม่สามารถจัดการความโสมมของระบบได้

…หากแต่เป็นการโกหกคำโตกว่าเพื่อกำจัดสิ่งปฏิกูลเหล่านี้ต่างหาก

https://about.netflix.com/en/news/the-whirlwind-date-announcement-teaser