
ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่มณฑลหูเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน มีขยะทางการแพทย์ซึ่งเป็นขยะติดเชื้อเพิ่มขึ้น 600% จาก 40 ตันต่อวันเป็น 240 ตันต่อวัน ซึ่งกลายเป็นภาระหนักให้กับการจัดการกับขยะทางแพทย์ซึ่งเป็นขยะติดเชื้อที่ใช้อยู่ทั้งการขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานการกำจัดขยะทางการแพทย์ในบริเวณรอบๆ โรงพยาบาล
ประเทศอื่นๆ ก็อาจจะประสบความท้าทายในลักษณะนี้เช่นกัน ดังนั้น ระบบการจัดการกับขยะทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นจึงมีความสำคัญมาก เพราะช่วยลดการระบาดของโควิด-19 และการอุบัติขึ้นของโรคอื่นได้
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) จึงได้รวบรวมข้อคิดและข้อเสนอแนะการจัดการกับขยะทางการแพทย์มาจัดทำแผ่นพับ Managing Infectious Medical Waste during the COVID-19 Pandemic เพื่อให้รัฐบาลใช้เป็นแนวทางในการจัดการกับความท้าทายใหม่นี้ได้อย่างรวดเร็ว
สิ่งที่รัฐบาลควรพิจารณามีดังต่อไปนี้
หนึ่ง สำรวจว่าประเทศของเรามีหลักเกณฑ์หรือแนวทางการจัดการขยะติดเชื้ออะไรอยู่บ้าง
บางประเทศอาจมีกฎหมายและหลักเกณฑ์ปฏิบัติในการกำจัดขยะติดเชื้อจากโรงพยาบาลและจากครัวเรือนบังคับใช้อยู่แล้ว ก็ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และกฎหมายที่มีอยู่ พร้อมกับพิจารณาว่า จำเป็นต้องขยายขีดความสามารถเพิ่มขึ้นหรือไม่เพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับ ส่วนประเทศอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ระหว่างประเทศ อาจศึกษาจากคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) อนุสัญญาบาเซล (Basel Convention) และโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme: UNEP)
สอง ปัจจุบันมีเครื่องมืออุปกรณ์กำจัดขยะติดเชื้ออะไรบ้าง
โดยทั่วไปการกำจัดขยะติดเชื้อในปริมาณปกติก่อนที่จะเกิดการระบาด จะใช้วิธีการฝังกลบแบบถูกหลักสุขาภิบาล ใช้เตาเผาขยะทางการแพทย์ และการใช้ความร้อน แต่ในกรณีที่ระบบปัจจุบันมีข้อจำกัดหรือปริมาณขยะมากเกินขีดความสามารถก็อาจจะใช้เตาเผาเคลื่อนที่ เตาเผาอุตสาหกรรม และเตาเผาปูน
สาม ระบบและความสามารถของการขนขยะติดเชื้อที่มีอยู่เป็นอย่างไร
การขนขยะติดเชื้อที่ปลอดภัยหมายถึง รถขนต้องมีการฆ่าเชื้อ พนักงานขับและคนเก็บขยะต้องผ่านการฝึกอบรม มีเส้นทางขนโดยเฉพาะ รวมทั้งมีระบบติดตามรถ ขณะที่การฝึกอบรมต้องจัดให้มีสำหรับทีมงานที่ต้องจัดการกับขยะทางการแพทย์ติดเชื้อจากครัวเรือน
สี่ ประเมินแนวโน้มปริมาณขยะติดเชื้อทางการแพทย์โดยเทียบกับของจีน
ตารางด้านล่างแสดงการคาดการณ์ปริมาณขยะในบางประเทศอาเซียนเทียบจากจีน ซึ่งมีน้อยรายที่มีขีดความสามารถในการกำจัดปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลจึงต้องพิจารณาหาแนวทางในการจัดกับปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นให้เร็วที่สุด
ห้า มาตรการที่ควรนำมาใช้เพื่อให้มีการปฎิบัติสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่มีอยู่
อาจจะต้องพิจารณออกมาตรการความปลอดภัยเพิ่มเติม เพื่อให้แน่ใจว่าระบบการขนขยะและการกำจัดขยะมีการดำเนินการด้วยความระมัดระวัง มีระบบติดตามและแยกแยะ มีใบอนุญาตกำจัดขยะที่ถูกต้อง มีการจดบันทึกและติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
หก มาตรการฉุกเฉินนี้จะบังคับใช้นานเท่าไร
ในอู่ฮั่น การจัดการกับขยะทางการแพทย์ในระดับสูงสุดใช้เวลาเกิน 60 วัน ประเทศอื่นๆ ก็จะมีช่วงเวลาฉุกเฉินนี้ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับนโยบายเฉพาะด้านและการคาดการณ์การติดเชื้อ
ข้อเสนอแนะมีดังนี้
บริการกำจัดขยะมูลฝอยของเทศบาลทั่วไป
ขยะทั้งหมดในเขตเทศบาลควรถือว่าเป็นขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ และควรกำจัดด้วยการเผาหรือฝังกลบแบบถูกหลักสุขาภิบาล และแหล่งฝังกลบที่มีการเก็บขยะแบบไม่เป็นทางการจะต้องมีการจัดการที่มากขึ้นและระวังความปลอดภัยสูงขึ้น
ขยะติดเชื้อจากครัวเรือน
ขยะติดเชื้อในโรงพยาบาล ศูนย์การแพทย์ และศูนย์แพทย์ฉุกเฉิน
รัฐหรือหน่วยงานท้องถิ่นต้องประเมินปริมาณขยะที่จะเพิ่มขึ้น
ขยะทางการแพทย์ทุกอย่างต้องมีการกำจัดให้สอดคล้องกับกฎหมายหรือหลักเกณฑ์ที่ใช้ปฏิบัติอยู่ แต่จากประสบการณ์การกำจัดขยะของมณฑลหูเป่ย พบว่าการขนส่งและองค์ประกอบของระบบกำจัดขยะเป็นด่านแรกที่รับภาระหนัก
การขนส่ง
รถขนขยะควรมีตู้เก็บขยะที่แยกส่วนจากคนขับรถ และต้องเป็นตู้ที่มีพื้นผิวเรียบไม่ดูดซึม ไม่ติดเชื้อและปิดล็อก รวมทั้งควรมีการบันทึกหมายเลขเครื่องยนต์ หรือหมายเลขตัวถัง เพื่อควบคุมได้
การกำจัด
ขยะติดเชื้อควรแยกโดยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลขณะที่มีการจัดเก็บและใส่ถุงซ้อน พร้อมฉีดฆ่าเซื้อถุงด้วยน้ำยาคลอรีน 0.5% ก่อนที่จะเก็บในพื้นที่จัดเก็บชั่วคราวในโรงพยาบาล แต่วิธีการกำจัดอาจจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละโรงพยาบาล โดย
กรณีที่พื้นที่หรือแหล่งกำจัดขยะเดิมเริ่มมีภาระมากเกินความสามารถ ก็มีทางเลือกที่ขยายขีดความสามารถชั่วคราวด้วยการใช้
เตาเผาปูนซีเมนต์หรือเตาเผาอุตสาหกรรมอาจจะใช้เป็นเครื่องกำจัดขยะชั่วคราวได้ ซึ่งรัฐบาลจีนประสบความสำเร็จในการใช้เตาเผาปูนซีเมนต์
ข้อบัญญัติพิเศษกับประเทศที่มีระบบจัดการขยะนอกระบบในปริมาณมาก
การแยกขยะในขั้นกลางจะส่งผลให้อัตราการติดเชื้อสูงขึ้นและมีการแพร่กระจายของขยะติดเชื้อ จึงควรเลี่ยงความเสี่ยงของการจัดการกับขยะติดเชื้อหลายขั้นตอน ความเสี่ยงนี้จะสูงมากในกลุ่มแรงงานนอกระบบ
ต้องกำจัดอย่างเร่งด่วน
นายสตีฟ ปีเตอร์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานจากขยะของ ADB ซึ่งเป็นผู้เขียนข้อแนะนำนี้ ให้ความเห็นว่า
หากไม่กำจัดขยะติดเชื้ออย่างเร่งด่วน สถานการณ์เลวร้ายอาจเกิดขึ้นได้ เมื่อประเมินจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอู่ฮั่น และจะประสบกับภาระหนัก ภาวะที่ตึงมือ และกลุ่มคนที่เปราะบางที่สุดในชุมชนจะได้รับผลกระทบมากที่สุด
นายปีเตอร์สกล่าวว่า การใช้เตาเผาขยะควรเป็นวิธีการสุดท้ายในการกำจัดขยะที่เกิดจากการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 และแนะนำรัฐบาลให้รวบรวมขยะและจัดเก็บขยะติดเชื้อไว้ชั่วคราวในคอนเทนเนอร์ที่มีระบบเก็บความเย็น หากไม่สามารถกำจัดได้ทันที เมื่อครบระยะการจัดเก็บ โดยปกติอยู่ในช่วง 60-90 วัน ขยะที่เหลือสามารถนำไปเข้าเตาเผาปูนซีเมนต์ได้ ซึ่งจะได้ปูนซีเมนต์ออกมา เช่นเดียวกับที่จีนทำ
อุณหภูมิที่สูง สภาวะความเป็นด่างสูงและในสภาพแวดล้อมที่การเผาไหม้สูงจะช่วยป้องกันการเกิดควันพิษตลอดกระบวนการ นายปีเตอร์ส
กล่าว