
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน โดยวันนี้มีการประชุม คสช. ก่อนประชุม ครม. เพราะจำเป็นต้องออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ม. 44) 3 ฉบับ
รัฐบาลไม่เคยมีมติเรื่องเหมืองแร่บริษัทอัครา รีซอร์สเซส
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ คสช. ประชุม 3 ประเด็น ได้แก่ 1. พระราชบัญญัติเหมืองแร่ ฉบับใหม่ ขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ คาดว่าจะออกมาเร็วๆ นี้ เนื่องจากใกล้หมดเวลาต่ออายุสัมปทานแล้ว โดยคณะกรรมการเหมืองแร่แห่งชาติพิจารณาความเหมาะสมของการประกอบการเหมืองแร่ เช่น บริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด จ.พิจิตร ยืนยันว่าที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้มีมติอะไรทั้งสิ้น เป็นเพียงการรับทราบข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรมเท่านั้น และรัฐบาลให้ความเป็นธรรมตามสัญญาการประกอบเหมืองแร่ แต่ก็ต้องระวังไม่ให้เป็นคดีฟ้องร้อง
2.การยกเลิกกฎหมายว่าด้วยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กฎหมายว่าด้วยสภาพัฒนาการเมือง และกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย เนื่องจากทั้ง 3 องค์กรนี้ครบวาระไปแล้ว เห็นว่าควรให้บุคลากรไปทำงานหน่วยงานตัวเอง และองค์กรที่ยังขาดคน
3.การปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินการศึกษา (สมศ.) (เพิ่มเติม) ก่อนหน้านี้มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตนเป็นห่วงว่าเจ้าหน้าที่จะไม่มีงานทำ จึงให้ไปช่วยงานที่สำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนรักษาการผู้อำนวยการที่จะครบวาระในเร็วๆ นี้ ได้สั่งการให้คัดสรรใหม่
ตำรวจหยุดให้ข่าวจับธัมมยโชกับนักข่าว
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีการจับกุมพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ว่า ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหยุดให้ข่าวกับสื่อมวลชนหรือพูดถึงให้น้อยที่สุด มันเป็นเรื่องของการดำเนินคดีก็เป็นเรื่องปกติเหมือนคดีอื่นๆ ตนไม่ได้สั่งการอะไรเพิ่มเติม ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง กฎหมายก็คือกฎหมาย
“ผมในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ขอยืนยันว่าการตัดสินอะไรผิดหรือถูกเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม จะใช้ความรู้สึกตัดสินอย่างเดียวไม่ได้ ผมเองก็เข้าใจถึงพุทธศาสนิกชนต่างๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ ความเชื่อต่างๆ แต่กฎหมายก็คือกฎหมาย สิ่งใดก็ตามที่ละเมิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ คุมทุกกระทรวงเอง ใครจะเป็น รมต. ก็เหมือนกัน
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังพิจารณาการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งสถานการณ์ในวันนี้ไม่ได้บริหารราชการแผ่นดินด้วยนักการเมือง ตนก็ไม่ได้รังเกียจนักการเมือง ตนมองว่าการบริหารราชการภายใต้การทำงานของ คสช. มีอำนาจกำกับดูแลทุกกระทรวง โดยตนนั้นมีอำนาจสั่งการทุกกระทรวงด้วยตัวเอง ทั้งความคิดริเริ่ม วิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ชาติ และแนวทางการปฏิบัติงานกว้างๆ แล้วกระทรวงก็เป็นผู้ปฏิบัติ ดังนั้น ใครจะเป็นรัฐมนตรีก็เหมือนกัน ไม่เหมือนกับรัฐบาลที่ผ่านมา เพราะเขาเป็นพรรคการเมือง จึงต้องขึ้นกับนโยบายพรรค
“อย่าให้ความสนใจเรื่องนี้มากนัก ค่อยดูแล้วกัน เมื่อปรับ ครม. แล้วจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้นมาบ้าง ผมคิดว่าก็เปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ทุกวันนี้หลายอย่างเกิดผลสัมฤทธิ์มามากพอสมควร” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว (ดูเพิ่มเติมแนวทางการบริหารประเทศของรัฐบาลตามวิสัยทัศน์ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน)
พล.อ. ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงประเด็นปลดล็อกพรรคการเมืองว่า พรรคการเมืองยังไม่ปลดล็อกตัวเอง ยังพูดให้เกิดข้อขัดแย้งกันตลอดเวลา กรรมการร่างรัฐธรรมนูญเชิญให้มาหารือร่วมก็ไม่มา แล้วตนจะไปปลดล็อกอะไรให้ เขาไม่ปลดตัวเองก็เรื่องของเขา ถึงเวลาที่กำหนดก็ไปสู่การเลือกตั้งเอาแล้วกัน
แนวคิดค่าพยาบาลข้าราชการยังไม่ยุติ
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึง แนวคิดการควบคุมค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการและครอบครัว ที่โอนให้บริษัทประกันทำหน้าที่แทนกรมบัญชีกลาง พล.อ. ประยุทธ์ ย้ำว่า เรื่องยังไม่ได้ข้อยุติ อย่าเพิ่งทำให้เป็นความขัดแย้ง ขณะนี้เป็นขั้นตอนศึกษาที่ต้องหาวิธีที่ดีที่สุด หลักการคือให้ดูแลเหมือนเดิม แต่ต้องระวังเรื่องงบประมาณรั่วไหลและความซื่อสัตย์ ขอให้เข้าใจว่ากรมบัญชีกลางไม่ได้มีหน้าที่จ่ายเงิน คงต้องลงทุนมหาศาลกับระบบการควบคุมการเชื่อมโยงค่ารักษาพยาบาล จึงต้องใช้แบบเดิมไปก่อน ตนขอร้องว่าประชาชนอย่าเบิกค่ายาทุกวัน หลายที่ มันควบคุมไม่ได้
หวังไทยโตด้วยตัวเอง ขอประชาชนร่วมมือ
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลพูดไปมีจุดหมาย ฉะนั้น ทุกคนต้องติดตามและเรียนรู้ ถ้ายังไม่ร่วมมือกัน ประเทศก็พัฒนาไม่ได้ วันนี้เรามาพูดเรื่องเศรษฐกิจว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศของเราแข็งแรงด้วยตัวเอง วันนี้เรามุ่งหวังการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งเราต้องพัฒนาตัวเอง ธุรกิจเอสเอ็มอีก็ต้องมีผลิตภาพที่มีประสิทธิภาพ ต้องปรับปรุงให้ทันสมัย เราต้องมีการกล้าลงทุน ถ้าไม่ปรับปรุงตัวเองก็จะขายของได้น้อย ตนได้สั่งคณะทำงานให้ปฏิรูปเรื่องการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไทยแล้ว
ทุกคนต้องให้ความร่วมมือกับรัฐบาล มันต้องเดินตามให้ทันว่ารัฐบาลคิดอะไรแล้วต้องให้เกิดประโยชน์ วันหน้าจะพ่วงไปสู่เรื่องของรถไฟ รถเมล์ฟรี อีกหลายๆ เรื่องจะตามมา อยากให้ขึ้นทะเบียน แต่วันนี้หมดช่วงเวลาเปิดให้ขึ้นทะเบียน เอาไว้ไปขึ้นทะเบียนกันคราวหน้า ซึ่งมันเกี่ยวพันไปถึงทำอย่างไรให้เศรษฐกิจดี”
มติ ครม. ที่สำคัญอื่นๆ มีดังนี้

รัฐจัด 18 วัน “ช็อปช่วยชาติ” กระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี’59
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการที่ปรึกษารัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ) กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2559) ในการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ได้ใช้จ่ายเป็นค่าสินค้า หรือค่าบริการ แก่ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ในวงเงินไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 14-31 ธันวาคม 2559
โดยเงื่อนไขการซื้อสินค้าต้องมีหลักฐานการซื้อสินค้าหรือรับบริการเป็นใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ สุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ และค่าบริการที่จ่ายให้กับผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และค่าที่พักโรงแรม จะไม่ร่วมรายการดังกล่าว เนื่องจากค่าบริการด้านการท่องเที่ยวอยู่ภายใต้มาตรการเที่ยวช่วยชาติ ที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30,000 บาทอยู่แล้ว
การออกมาตรการในครั้งนี้ได้ขยายเวลาเพิ่มเป็น 18 วัน จากในปี 2559 ให้ระยะเวลาเพียง 7 วัน ซึ่งคาดว่าจะมีภาษีสูญเสียประมาณ 3,200 ล้านบาท แต่จะเป็นการเพิ่มยอดขายสินค้า หรือการให้บริการแก่ผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
“ในปี 2558 มาตรการช็อปช่วยชาติมีผู้ร่วมใช้สิทธิ์ ประมาณ 1 ล้านราย มีการลดภาษีไปประมาณ 1,200 ล้านบาท มียอดขายรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท คาดว่าในปีนี้จะมีผู้ใช้สิทธิ์ 2 ล้านราย จะเกิดยอดขายประมาณ 20,000 ล้านบาท คิดเป็น 0.2% ของจีดีพี ซึ่งจะสร้างความคึกคักในช่วงปลายปี 2559 และจะส่งผลต่อการจ้างงานและการผลิตระลอกต่อไปในปี 2560” นายกอบศักดิ์กล่าว
นอกจากนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า ครม. ได้มีมติเห็นชอบการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ในช่วงเทศกาลปีใหม่ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 29 ธันวาคม 2559 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 4 มกราคม 2560
เห็นชอบ 2 ร่างกฎหมายประกันภัย
นายกอบศักดิ์กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. รวม 2 ฉบับ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประกันชีวิต พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ให้สอดคล้องกับแนวทางประกอบธุรกิจ การใช้เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป และมีบทบัญญัติที่จะช่วยคุ้มครองประชาชนจากการฉ้อฉลประกันภัย
โดย พ.ร.บ.ประกันชีวิตมีการแก้ไขบทบัญญัติเพื่อรองรับวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในธุรกิจประกันชีวิต โดยออกหลักเกณฑ์มากำกับตัวแทนและนายหน้าโดยตรง เพื่อให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรม โดยผู้ที่เป็นตัวแทนต้องไม่มีประวัติเสียหาย หรือขาดความรับผิดชอบ เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทประกันจะมีหน้าที่กำกับดูแลและออกกฎเกณฑ์เป็นของตัวเอง ซึ่งมีตัวแทนและนายหน้าประกันภัยมากถึง 300,000 คน
มีการกำหนดจรรยาบรรณมาควบคุมตัวแทนและนายหน้า ซึ่งคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยจะไปวางหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการควบคุม ทั้งการโฆษณา การเปิดเผยข้อมูล การเสนอขายผลิตภัณฑ์ และการส่งเบี้ยประกันภัย รวมทั้งการปรับปรุงมาตรการลงโทษให้เหมาะสมมากขึ้น โดยที่รัฐสามารถดำเนินการฟ้องคดีต่อจากประชาชนได้หากว่าคดีดังกล่าวควรดำเนินการให้เป็นบรรทัดฐานของสังคม
สำหรับประกันวินาศภัย ที่ผ่านมา เมื่อเกิดเหตุ เช่น กรณีไฟไหม้หรือเกิดอุบัติเหตุ จะมีผู้ประเมินวินาศภัยที่จะไปดูแลประเมินความเสียหาย ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา แต่ในอนาคตจะกำหนดให้ผู้ประเมินดังกล่าวที่เป็นบุคคลธรรมดาต้องเป็นบุคคลที่มีสังกัดอยู่ในบริษัทที่เป็นนิติบุคคลที่เป็นผู้ประเมินวินาศภัย โดยจากนี้จะมีการตั้งบริษัทขึ้นมากำกับดูแลด้านนี้เฉพาะ เพื่อพัฒนาบุคลากรในเรื่องนี้ต่อไปในอนาคต และปรับปรุงบทลงโทษให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
“นายกฯ ขอให้ไปดูแลเรื่องดังกล่าวเพื่อเป็นประโยชน์กับประชาชน โดยหลังจาก ครม. เห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว จะเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งในช่วงนี้ก็สามารถแก้ไขรายละเอียดของกฎหมาย โดยเพิ่มข้อห่วงใยของนายกฯ ที่มอบหมายมาบรรจุไว้ในกฎหมายได้ก่อนเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา เพราะนายกฯ คงได้รับการร้องเรียนถึงเรื่องดังกล่าวมาแล้ว จึงได้ขอให้เพิ่มการดูแลเรื่องนี้ต่อไป” นายกอบศักดิ์กล่าว
ยกฐานะโรงงานยาสูบ เป็น “การยาสูบแห่งประเทศไทย”
นายกอบศักดิ์กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. …. ที่มีสาระสำคัญกำหนดให้โรงงานยาสูบมีสถานะเป็นนิติบุคคล โดยเปลี่ยนเป็น “การยาสูบแห่งประเทศไทย” (ยสท.) มีสภาพเป็นรัฐวิสาหกิจที่เป็นนิติบุคคล ภายใต้กระทรวงการคลัง ให้มีคณะกรรมการ ยสท. ให้มีผู้ว่าการ ยสท. มีการกำหนดที่ตั้ง อำนาจหน้าที่ ทุน รายได้ การเงินการบัญชี การตรวจสอบ การกำกับดูแล การร้องทุกข์ และตั้งกองทุนสงเคราะห์ เป็นสวัสดิการให้พนักงานและลูกจ้าง เป็นต้น
“กฎหมายนี้เป็นการยกระดับโรงงานยาสูบให้มีสภาพนิติบุคคล ซึ่งจะส่งผลให้สามารถทำธุรกิจ และแข่งขันกับบริษัทต่างชาติรายใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการจัดเก็บรายได้ และนำมาใช้ในการดำเนินงานของตน เหลือเท่าไรจึงนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน มีอำนาจดำเนินกิจการต่างๆ เว้นแต่การลงทุนเพื่อขยายกิจการที่มีมูลค่าเกิน 500 ล้านบาท ให้กู้ยืมเงินที่เกิน 100 ล้านบาท การจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ที่เกิน 10 ล้านบาท การจัดตั้งบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด และการเข้าร่างกิจการ การถือหุ้นในบริษัท จะต้องขอความเห็นชอบจาก ครม.” นายกอบศักดิ์กล่าว
เห็นชอบค่าจ้างขั้นต่ำพิเศษ 3 อุตสาหกรรม 12 สาขาอาชีพ
นายกอบศักดิ์กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบการกำหนดอัตราค่าจ้างมาตรฐานฝีมือ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ 3 กลุ่มอุตสาหกรรม 12 สาขาอาชีพ โดยอาชีพดังต่อไปนี้จะได้รับค่าจ้างขั้นต่ำที่สูงกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปกติ โดยจะต้องเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบระดับตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ในระดับที่ 1 และระดับที่ 2
กลุ่มจักรกลและโลหการ โดยสาขาช่างเทคนิคเขียนแบบเครื่องกล และช่างเทคนิคระบบไฮดรอลิก ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 460 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 550 บาทต่อวัน สาขาช่างเทคนิคระบบส่งกำลัง ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 450 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 540 บาทต่อวัน ส่วนสาขาช่างเชื่อมทิกสำหรับอุตสาหกรรมจักรกลและโลหการ ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 500 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 600 บาทต่อวัน
กลุ่มเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น สาขาช่างเชื่อมระบบท่อในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 400 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 485 บาทต่อวัน สาขาช่างเทคนิคห้องเย็นขนาดใหญ่ และช่างเทคนิคห้องเย็นขนาดเล็ก ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 385 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 470 บาทต่อวัน และพนักงานประกอบเครื่องปรับอากาศ ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 370 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 455 บาทต่อวัน
กลุ่มแม่พิมพ์ สาขาช่างเทคนิคเครื่องกัดอัตโนมัติ ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 450 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 540 บาทต่อวัน สาขาช่างเทคนิคเครื่องอีดีเอ็ม ช่างเทคนิคเครื่องไวร์คัทอีดีเอ็ม ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 430 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 515 บาทต่อวัน ส่วนสาขาช่างขัดเงาแม่พิมพ์ ระดับที่ 1 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 380 บาทต่อวัน และระดับที่ 2 จะได้ค่าจ้างเริ่มต้นที่ 455 บาทต่อวัน
Action Plan คมนาคมปี2559-2560 วงเงิน 2.5 ล้านล้าน
นายกอบศักดิ์กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. ได้รับทราบแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2560 (Action Plan) เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
โดยแผนดังกล่าวมีโครงการที่มีความพร้อมในการดำเนินการในปีงบประมาณ 2560 และต้องการเร่งรัดผลักดัน รวม 36โครงการ วงเงินรวม 8.95 แสนล้านบาท เช่น โครงการบริหารจัดการระบบตั๋วรวม โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ โครงการจัดซื้อรถโดยสารรถไฟฟ้า จำนวน 200 คัน พร้อมก่อสร้างสถานีประจุไฟฟ้า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงต่างๆ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสีเขียวเข้ม เป็นต้น
สำหรับผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2559 เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ประกอบด้วยโครงการจำนวน 20 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 1.79 ล้านล้านบาท ปัจจุบันมีโครงการที่สามารถเริ่มประกวดราคาได้ในปีงบประมาณ 2559 จำนวน 10 โครงการ คิดเป็น 50% ของโครงการทั้งหมด เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สีชมพู และสีเหลือง นอกจากนั้นเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมการประกวดราคาปรับแก้ไขรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) นำเสนอคณะรัฐมนตรี

ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th
รัฐบาลจีนพอใจไทยปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ – ท่องเที่ยวจีนดีขึ้น
พล.ท. สรรเสริญ กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม. พล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ รายงานสถานการณ์การท่องเที่ยว หลังรัฐบาลปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมาย หรือทัวร์ศูนย์เหรียญ ว่า รายได้จากการท่องเที่ยวตลอดปี 2559 เป็นไปตามเป้าหมาย 2.4 ล้านล้านบาท เกินเป้าหมายเดิมคือ 2.3 ล้านล้านบาท มีนักท่องเที่ยว 30.2 ล้านคน แม้ว่าราว 3-4 เดือน หลังปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมาย นักท่องเที่ยวชาวจีนจะหายไป 20-30% แต่ยืนยันว่าปัจจุบันสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนมาเมืองไทยดีขึ้น อัตราหายลดเหลือประมาณ 7%
“รัฐบาลจีนพอใจการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ เพราะนักท่องเที่ยวจีนไม่ถูกหลอกอีก ขณะที่ผู้ประกอบการทัวร์ของจีนเองก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร ยกเว้นผู้ประกอบการไทยที่เคยผูกพันกับเรื่องของทัวร์ศูนย์เหรียญที่อาจได้รับผลกระทบบ้าง ต่อไปนักท่องเที่ยวที่มาจะมีคุณภาพเชิงการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่ง พล.อ. ประยุทธ์ ฝากในช่วงท้ายว่าการดำเนินการทั้งหมดจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีได้ ขณะเดียวกันยังเป็นการช่วยให้บริษัทที่ไม่ได้อยู่ในระบบเข้ามาอยู่ในระบบให้ถูกต้องด้วย” พล.ท. สรรเสริญ กล่าว
ผ่อนผันผู้เสียหาย – พยานค้ามนุษย์ อยู่ไทยต่อได้ 2 ปี
พล.ท. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบการผ่อนผันให้ผู้เสียหายและพยาน รวมทั้งผู้ติดตามบุคคลดังกล่าวในคดีค้ามนุษย์อยู่ในประเทศไทย และสามารถทำงานหลังคดีสิ้นสุดได้เป็นเวลา 2 ปี โดยหากประสงค์จะอยู่ต่อจะสามารถต่ออายุได้คราวละ 1 ปี จากเดิมที่มีมติให้สามารถอยู่ต่อได้เพียง 1 ปี และต้องทำการต่ออายุต่อไป
“เนื่องจากมีการร้องขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะหน่วยงานของสหรัฐอเมริกา ที่จัดทำรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trip report) ที่เห็นว่าหากผู้เสียหายและพยานให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เป็นประโยชน์ต่อไทย ก็ควรจะขยายเวลาให้ โดยกระทรวงแรงงานจะอนุญาตให้สามารถทำงานได้ทุกประเภทงานตามที่แรงงานได้ตกลงกับนายจ้าง ส่วนกระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการตรวจสุขภาพโดยยกเว้นค่าธรรมเนียม” พล.ท. สรรเสริญ กล่าว
ขยายเวลาเกษียณอายุ ผู้พิพากษา-อัยการ อายุ 70 ปี
พล.ท. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบร่างกฎหมาย 3 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….
โดยให้ข้าราชการอัยการ ข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม เกษียณอายุ 70 ปี สำหรับข้าราชการอัยการเมื่อมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณให้ไปดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสจนกว่าจะพ้นจากราชการ โดยอัยการอาวุโสไม่มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.)
ส่วนข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม เมื่อมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ พ้นจากตำแหน่งที่ดำรงอยู่และให้ไปดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส โดยไม่มีสิทธิ์ได้รับเลือกเป็นกรรมการตุลาการ (ก.ต.) หรือผู้ทรงคุณวุฒิใน ก.ต. และมิให้ได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารศาลยุติธรรมและกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม เพื่อให้คดีที่คั่งค้างมีการดำเนินการได้เร็วขึ้น
ออก พ.ร.บ.ตั้งมหาวิทยาลัยส่งเสริมกีฬา
พ.อ. อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ พ.ศ. …. มีสาระสำคัญว่า กำหนดให้สถาบันการพลศึกษาตาม พ.ร.บ.สถาบันการพลศึกษา พ.ศ. 2548 เป็นมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ มีสถานะเป็นนิติบุคคล เน้นการศึกษาเฉพาะทางการกีฬา ผลิตบุคลากรสาขาพลศึกษา ครอบคลุมทุกศาสตร์กีฬา โดย ร่าง พ.ร.บ. นี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านที่ 3 และร่างแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2560-2564)
นายกฯ สั่งแนวจัดงานปีใหม่
พ.อ. หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ มีข้อสั่งการเกี่ยวกับแนวการจัดงานปีใหม่ ดังนี้ 1. กิจกรรมทางศาสนา ที่ทุกศาสนาสามารถร่วมกันได้ 2. เป็นไปเพื่อสาธารณะประโยชน์ 3. ถ้าเป็นงานบันเทิงของหน่วยงานใดๆ ต้องแสดงให้เห็นอัตลักษณ์ของแต่ละวัฒนธรรม 4. แสดงถึงความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ และถวายพระพรแด่พระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
และในวันที่ 16-18 ธันวาคม 2559 เวลา 8.00-22.00 น. มีงาน Night at The Museum ที่มี 16 พิพิธภัณธ์เข้าร่วม เช่น พิพิธภัณฑ์เหรียญ พิพิธบางลำพู มิวเซียมสยาม ท้องฟ้าจำลอง เป็นต้น ผู้สนใจดูได้จากที่นี่