ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์
คนรุ่นเราใช้ชีวิตผ่านประสบการณ์ในอดีตมานานพอสมควร เหลือเวลาอยู่กับอนาคตอีกไม่มาก ผิดกับคนรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์ในอดีตไม่มาก แต่พวกเขานอกจากจะต้องอยู่กับปัจจุบันให้ได้แล้ว ยังต้องมีชีวิตอยู่กับอนาคตอีกยาวนาน
พวกเขาอยู่ร่วมสมัยกับพวกเราในโลกที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง ภัยคุกคาม ความไม่แน่นอนมากมาย
ไม่ว่าโลกปัจจุบันจะเป็นอย่างไร คำถามคือ พวกเขาจะอยู่ในโลกที่มีอนาคตที่สดใส (Bright Future) หรือจะต้องทนอยู่กับโลกที่มีอนาคตที่มืดมน (Bleak Future)
Kofi Annan อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติได้เคยกล่าวไว้ว่าคนรุ่นใหม่ควรเป็นแนวหน้าแห่งการเปลี่ยนแปลงและรังสรรค์เปิดโอกาสและเติมเต็มให้พวกเขามีอำนาจนำพวกเขาจะสร้างโลกที่ดีกว่าเดิม -Young people should be at the forefront of change and innovation. Empower them to lead, and they will build a better world.
การสร้างผู้นำคนรุ่นใหม่ตั้งแต่วันนี้ จึงเป็นหนึ่งในแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ที่ไม่เพียงแต่เชื่อมปัจจุบันกับอนาคตให้กับประเทศของเรา ประชาคมโลกของเรา แต่ยังหมายถึงการธำรงไว้ซึ่งอารยธรรมของมวลมนุษยชาติ
โจทย์ที่ท้าทายคือ เราจะสร้างผู้นำคนรุ่นใหม่ให้เป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” (Change Makers) เพื่อเป็น “สถาปนิกและวิศวกร ผู้ออกแบบอนาคต” (Architect & Engineer of the Future) ให้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ผู้นำการเปลี่ยนแปลง จะต้องเป็น Well-Rounded Leaders ที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล (Visionary Leadership) มีคุณธรรมจริยธรรมเป็นที่ตั้ง (Moral Leadership) พร้อมๆกับการมีความสามารถนำการเปลี่ยนแปลงให้เกิดผลสัมฤทธิ์ (Achievable Leadership) ในเวลาเดียวกัน
พูดง่ายๆ Character of Change Maker = Visionary Leadership x Moral Leadership x Achievable Leadership
นั่นหมายความว่า หากขาดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งไป ก็ไม่สามารถตอบโจทย์ความเป็น Change Maker ได้
แน่นอนทีเดียว การสร้าง Change Maker ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ การสร้างผู้นำแบบดังกล่าว จำเป็นต้องปลูกฝังชุดของกรอบความคิด (Mental Model) ที่หลากหลาย (ดูรูป)
Change Maker’s Mental Models ประกอบไปด้วย
1. Growth Mindset
2. System Thinking
3. Ethical Decision Making
4. Eco-Centricity
5. Team Spirit
6. Complex Problem Solving
7. Program Leadership
Growth Mindset
เป็นกรอบความคิดที่เชื่อว่า ความสามารถและสติปัญญาของเราสามารถพัฒนาได้ผ่านความพยายาม ความมุ่งมั่น การเรียนรู้ และประสบการณ์ใหม่ ๆ ตรงข้ามกับ Fixed Mindset หรือกรอบความคิดแบบตายตัวที่เชื่อว่าความสามารถเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ Growth Mindset นั้น
-
1. มองความล้มเหลวเป็นโอกาสเรียนรู้ – ไม่กลัวความผิดพลาด แต่ใช้มันเป็นบทเรียน
2. เชื่อว่าความสามารถพัฒนาได้ – อาศัยความพยายามและการฝึกฝน
3. เปิดรับคำติชม – นำฟีดแบ็กมาปรับปรุงตัวเอง
4. ท้าทายตัวเองเสมอ – ชอบออกจาก Comfort Zone
5. มองเห็นความสำเร็จของผู้อื่นเป็นแรงบันดาลใจ – ไม่อิจฉา แต่เรียนรู้จากพวกเขา
Systems Thinking
เป็นแนวทางการมองโลกและแก้ปัญหาที่เน้นการเข้าใจ ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ในระบบ แทนที่จะมองสิ่งต่างๆ แบบแยกส่วนออกจากกัน แนวคิดนี้ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของปัญหา เข้าใจสาเหตุ-ผลกระทบ และสามารถออกแบบแนวทางการแก้ไขที่ยั่งยืนได้ Systems Thinking นั้น
-
1. มองเห็นระบบเป็นองค์รวม ไม่มองปัญหาแยกเป็นส่วน ๆ แต่เข้าใจว่าทุกอย่างเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน
2. วิเคราะห์ความสัมพันธ์และกลไกย้อนกลับ ปัจจัยหนึ่งส่งผลต่ออีกปัจจัย และอาจย้อนกลับมาส่งผลต่อปัจจัยเดิม เช่น การให้เงินอุดหนุนราคาน้ำมัน → คนใช้น้ำมันมากขึ้น → มลพิษเพิ่มขึ้น → ต้นทุนด้านสุขภาพสูงขึ้น
3. มองเห็นพลวัตและการเปลี่ยนแปลง ระบบมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และบางครั้งผลลัพธ์อาจไม่ได้เกิดขึ้นทันที (Delay)
4. ระบุจุดคานงัด หาจุดที่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ เช่น การเปลี่ยนแนวคิดด้านการศึกษาแทนการเพิ่มงบประมาณเพียงอย่างเดียว
Ethical Decision Making
เป็นกระบวนการตัดสินใจที่คำนึงถึงหลักจริยธรรม และผลกระทบทางศีลธรรม ต่อบุคคล สังคม และสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่แค่พิจารณาผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจหรือประสิทธิภาพเพียงอย่างเดียว Ethical Decision Making จะเน้น
-
1. ความซื่อสัตย์และความโปร่งใส ตัดสินใจโดยยึดหลักความจริง เปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา
2. เคารพสิทธิและศักดิ์ศรีของทุกคน คำนึงถึงสิทธิของทุกฝ่าย ไม่เอาเปรียบหรือคิดร้ายกับผู้อื่น
3. ผลกระทบเชิงระบบ วิเคราะห์ว่าการตัดสินใจส่งผลกระทบต่อสังคม-เศรษฐกิจ-สิ่งแวดล้อม อย่างไร
4. การคิดแบบมองยาว ไม่ตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์ระยะสั้นโดยละเลยผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
5. แนวทาง “Win-Win” และความรับผิดชอบต่อสังคม หาทางออกที่ให้ประโยชน์กับทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่ฝ่ายที่ได้เปรียบ
Eco-Centricity
เป็นแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับระบบนิเวศโดยรวม มากกว่าการให้ความสำคัญกับมนุษย์เพียงอย่างเดียว โดยเน้น
-
1. การคิดแบบองค์รวม เข้าใจว่าธรรมชาติ เศรษฐกิจ และสังคมเป็นระบบที่เชื่อมโยงกัน ดังนั้น ทุกการกระทำของมนุษย์ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม และกลับมาส่งผลต่อมนุษย์เอง
2. การอยู่ร่วมกับธรรมชาติแทนการครอบงำ เปลี่ยนจากแนวคิด “ใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด” → เป็น “ใช้ทรัพยากรอย่างรับผิดชอบและฟื้นฟูธรรมชาติ”
3. ระบบเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับธรรมชาติ จาก Linear Economy (ผลิต-ใช้-ทิ้ง) → เป็น Circular Economy (ออกแบบให้ใช้ซ้ำ-หมุนเวียน-คืนสู่ธรรมชาติ)
4. การตัดสินใจเชิงระบบ การออกนโยบายและการพัฒนาธุรกิจต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
Team Spirit
คือจิตวิญญาณของทีม หรือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในทีม ซึ่งหมายถึงความร่วมมือ ความสามัคคี และความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกันภายในทีม หัวใจสำคัญของ Team Spirit อยู่ที่
-
1. ความไว้วางใจ เชื่อมั่นในกันและกัน กล้าแบ่งปันความคิดเห็นโดยไม่กลัวการตัดสิน
2. เป้าหมายร่วมกัน ทุกคนเข้าใจและมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ไม่ใช่แค่เป้าหมายส่วนตัว
3. การสื่อสารที่ดี เปิดกว้าง รับฟัง แลกเปลี่ยนความเห็นอย่างสร้างสรรค์
4. การสนับสนุนซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือและเสริมพลังให้กัน แทนที่จะแข่งขันกันเอง
5. ความรับผิดชอบร่วม ไม่โทษกันเมื่อเกิดปัญหา แต่ร่วมกันแก้ไข
Complex Problem Solving
เป็นความสามารถในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาประเด็นปัญหาที่ซับซ้อน ซึ่งมักเป็นปัญหาที่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ต้องใช้การคิดเชิงระบบ และการมองแบบองค์รวม ประเด็นปัญหาที่ซับซ้อนจะมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้
-
1. มีปัจจัยเชื่อมโยงกันหลายมิติ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกี่ยวข้องกับพลังงาน เศรษฐกิจ และนโยบาย
2. ไม่มีคำตอบเดียว ต้องเลือกแนวทางที่เหมาะสมที่สุดภายใต้เงื่อนไขที่มี
3. เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ปัญหาอาจเปลี่ยนไปตามข้อมูลใหม่
4. มีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น โรคระบาดที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด
ในการแก้ปัญหาประเด็นปัญหาที่ซับซ้อน จึงต้องอาศัย
-
1. การคิดเชิงระบบ มองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบและผลกระทบระยะยาว
2. First-Principles Thinking แยกแยะปัญหาออกเป็นองค์ประกอบพื้นฐานและคิดใหม่จากหลักการแรก
3. การตัดสินใจเชิงจริยธรรม พิจารณาผลกระทบต่อทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า
4. การทำงานเป็นทีม ปัญหาซับซ้อนมักต้องการความร่วมมือจากหลายฝ่าย
5. การทดลองและปรับตัว ลองใช้แนวทางใหม่ ๆ และปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์
Program Leadership
เป็นภาวะผู้นำในการบริหารโครงการหรือโปรแกรมขนาดใหญ่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดการหลายโครงการที่มีเป้าหมายเชื่อมโยงกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ขององค์กร ในขณะที่ Project Management มุ่งเน้นไปที่การบริหารโครงการเดี่ยวให้สำเร็จตามแผน Program Leadership จะดูแลหลายโครงการที่เชื่อมโยงกันในระดับระบบ เพื่อสร้างผลกระทบในระยะยาว ในการขับเคลื่อน Program Leadership ต้องประกอบไปด้วย
-
1. วิสัยทัศน์และการคิดเชิงกลยุทธ์ กำหนดทิศทางและเป้าหมายระยะยาวของโปรแกรม
2. การคิดเชิงระบบ เข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างโครงการต่าง ๆ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
3. การบริหารผู้มีส่วนได้เสีย ต้องสื่อสารและสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน
4. ความยืดหยุ่นและการบริหารการเปลี่ยนแปลง สามารถปรับตัวเมื่อเผชิญกับความไม่แน่นอน
5. การตัดสินใจอย่างมีจริยธรรม นำโปรแกรมไปสู่ความสำเร็จโดยคำนึงถึงความเป็นธรรมและความยั่งยืน
ทั้ง 7 Change Maker’s Mental Models นั้น มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง
Growth Mindset – ความเชื่อในศักยภาพการเรียนรู้และการปรับตัว จะส่งเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ความยืดหยุ่น และการเปิดรับการเปลี่ยนแปลง Growth Mindset จำเป็นต่อการแก้ Complex Problem Solving และ Program Leadership เพราะผู้นำต้องปรับกลยุทธ์และเรียนรู้จากความล้มเหลว เสริมสร้าง Team Spirit โดยสร้างวัฒนธรรมของการให้ฟีดแบ็ก การทำงานร่วมกัน และการเรียนรู้ร่วมกัน
Systems Thinking – การเข้าใจความเชื่อมโยงของระบบต่างๆ จะช่วยให้ผู้นำมองเห็นปัญหาในมุมกว้างกว่าการมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบแยกส่วน จะทำให้เข้าใจถึงรากเหง้าของปัญหา Systems Thinking ยังสนับสนุน Ethical Decision Making โดยช่วยให้แน่ใจว่าแนวทางแก้ปัญหาคำนึงถึงผลกระทบระยะยาว Systems Thinking ยังสอดคล้องกับแนวคิด Eco-Centricity เพราะเน้นความเชื่อมโยงของระบบมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
Eco-Centricity – การคิดแบบสอดคล้องกับธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยกำหนดแนวทางของ Ethical Decision Making เพื่อให้แน่ใจว่าความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีไม่ทำลายสมดุลทางนิเวศ Eco-Centricity ยังเสริมสร้าง Systems Thinking โดยช่วยให้การตัดสินใจมุ่งเน้นความยั่งยืน มิเพียงเท่านั้น Eco-Centricity ยังมีบทบาทสำคัญใน Program Leadership โดยให้ความสำคัญกับโครงการที่สอดคล้องกับความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมและสิ่งแวดล้อม
Ethical Decision-Making – การเลือกโดยยึดหลักคุณค่า จำเป็นต่อ Program Leadership เพราะผู้นำต้องบริหารผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่าย Ethical Decision-Making ยังเสริมสร้าง Team Spirit เพราะความไว้วางใจและความซื่อสัตย์ ช่วยให้เกิดวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันที่เข้มแข็ง ที่สำคัญ Ethical Decision-Making จะได้รับข้อมูลสนับสนุนที่เพียงพอจาก Systems Thinking เพราะการตัดสินใจที่มีจริยธรรมต้องพิจารณาผลกระทบในวงกว้างและระยะยาว
Team Spirit – การทำงานร่วมกันและเป้าหมายร่วมกัน Growth Mindset จะสนับสนุนสมาชิกในทีมให้มีการเรียนรู้ร่วมกัน Team Spirit เป็นหนึ่งในหัวใจของ Complex Problem-Solving เพราะมุมมองที่หลากหลายช่วยให้ได้แนวทางแก้ปัญหาที่ดีกว่า มิเพียวเท่านั้น Team Spirit ยังส่งเสริม Ethical Decision-Making เพราะทีมที่มีความเป็นหนึ่งเดียวจะช่วยกันตรวจสอบและรับผิดชอบต่อกัน
Complex Problem-Solving – การจัดการกับความไม่แน่นอน ต้องอาศัย Systems Thinking เพื่อวิเคราะห์ประเด็นปัญหาอย่างรอบด้าน ส่วน Growth Mindset จะช่วยให้ทีมมองความท้าทายเป็นโอกาสในการเรียนรู้ ที่สำคัญ Complex Problem-Solving เสริมสร้าง Program Leadership โดยช่วยให้ผู้นำสามารถบริหารความไม่แน่นอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Program Leadership – การนำวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติ จำเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบทั้งหมดข้างต้นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ Growth Mindset ช่วยให้ผู้นำมีความยืดหยุ่น Systems Thinking ช่วยให้เกิดการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ Eco-Centricity ช่วยให้ผู้นำมุ่งเน้นความยั่งยืน Ethical Decision-Making สร้างความไว้วางใจ Team Spirit ช่วยให้เกิดความร่วมมือร่วมใจ และ Complex Problem-Solving ช่วยให้ผู้นำรับมือกับความท้าทายได้อย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ
กล่าวโดยสรุป ทั้ง 7 Change Maker’s Mental Models จะช่วยให้ผู้นำคนรุ่นใหม่
-
– มีความเข้าใจโลกของความเป็นจริง (Understanding the Nature of Reality)
– เห็นภาพใหญ่ (Big Picture)
– คิดอ่านอย่างเป็นระบบ (System Worldview)
– เกิดจินตภาพใหม่ที่สามารถนำไปสู่การปฎิบัติที่เห็นผล (Re-imagineering)
– มีความกล้าในการทำสิ่งที่ถูกต้อง (Courage)
– ตัดสินใจและแก้ปัญหาบน Moral Grounding
– อยู่ในโลกที่สามารถผสมผสาน Idealism กับ Realism ได้อย่างลงตัว
– สามารถถอดรหัสความซับซ้อนของปัญหา แปลง Real World Challenges เป็น Sustainable Solutions เกิด Real World Impact ได้
“เมื่อคนรุ่นใหม่ปรับ โลกจะเปลี่ยน”