ThaiPublica > คอลัมน์ > เรื่องเล่าจากลุงหมีปุ๊ (55).. ภาพมุมสูง

เรื่องเล่าจากลุงหมีปุ๊ (55).. ภาพมุมสูง

22 ธันวาคม 2024


ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์

ลุงหมีขอเล่าเรื่องเบาๆ เป็นการส่งท้ายปีเก่า2567นะครับ

ที่บ้านลุงหมีมีหน้าต่างที่มุมห้องด้านข้างของบ้านซึ่งลุงหมีไม่ได้เปิดใช้บ่อยนัก วันนี้มาเปิดดูวิวจากหน้าต่างก็มองเห็นภาพที่มองมุมสูงลงไปที่น่าสนใจ (เรียกว่า bird eye view ก็ได้)

ภาพนี้คือซุ้มดอกเฟื่องฟ้าบนราวสะพานเยื้องหน้าบ้านลุงหมี (เคยเล่าถึงใน เรื่องเล่าตอนที่ 30- เช้าวันดอกไม้งาม) แต่เป็นมุมมองจากเหนือคลองที่สะพานพาดข้าม ทำให้มองเห็นต้นกำเนิดของซุ้มไม้นี้ชัดเจน คือ เป็นต้นเฟื้องฟ้าปลูกที่ริมรั้วบ้านเก่าของลุงหมี ต่อมาได้ปล่อยให้กิ่งเฟื่องฟ้าเลื้อยไปตามราวสะพานโดยอิสระตามธรรมชาติอยู่นานสามสิบกว่าปีจนเป็นซุ้มที่หนาแน่นด้วยดอกและใบไม้

ช่วงนี้เป็นจังหวะที่ดอกเฟื่องฟ้าสีม่วงแก่ตัวแล้ว หลายดอกจึงเริ่มกลายสีเป็นดอกสีเหลือง เมื่อถ่ายภาพขยายซุ้มเฟื่องฟ้านี้แบบโคลสอัพ จะเห็นดอกไม้สองสีคือม่วงและเหลืองตัดกับสีเขียวเข้มของใบไม้ชัดเจน

มองดูเป็นลายถักทอตามธรรมชาติที่งดงาม

คลองที่สะพานพาดข้ามเป็นคลองย่อยของคลองพระโขนง(ซึ่งไหลผ่านคลองมหาบุศย์อันเป็นต้นกำเนิดของตำนานแม่นาคพระโขนง) คลองย่อยนี้ยังมีการไหลเวียนของน้ำจึงทำให้เป็นคลองที่ดูสะอาด ออกสีเขียวสะท้อนสีของวัชพืชซึ่งเกิดในน้ำ หากมองจากสะพานไปในทิศที่คลองไหลออกบรรจบคลองพระโขนงจะมองเห็นท่าน้ำเล็กๆมีขั้นบันไดพาดลงน้ำอยู่ทางซ้ายมือในรูป

ท่าน้ำนี้ทำให้ลุงหมีนึกถึงเรื่องเล็กๆที่เกิดขึ้นในอดีต 40 ปีมาแล้ว (ลุงหมีอายุมากแล้วจึงขอย้อนเล่าถึงความหลังบ้างนะ) สมัยนั้นคลองย่อยนี้ยังมีคนพายเรือใช้เป็นเส้นทางสัญจร มีเสียงคนร้องขายของขายอาหารจากเรือ ตอนนั้นลุงหมีมักจะเดินมานั่งเล่นที่ท่าน้ำดูเรือพายผ่านอยู่เสมอ วันหนึ่งก็เห็นคุณป้าพายเรือขายขนมครก ลุงหมีอยากช่วยอุดหนุนคุณป้า จึงเรียกให้หยุดเรือแล้วบอกขอซื้อขนมครก 20 บาท (ขอย้ำว่าเป็นเรื่องเมื่อ 40 ปีมาแล้ว) คุณป้าก็จัดการแคะขนมครกจากกะทะบนเตาดินเผาแล้วจัดวางใส่บนกระทงใบตองส่งให้ลุงหมี ลุงหมีนึกว่าจบแล้ว แต่คุณป้าบอกว่าเพิ่งแคะขนมครกให้ 10 บาท ขอใช้เวลาแคะอีกถาดนึงจึงจะได้ครบ 20 บาท

ลุงหมีจึงได้ดูคุณป้าแคะขนมครกด้วยความรู้สึกเพลิดเพลินและเห็นใจที่คุณป้าขายขนมราคาถูกมาก จากนั้นลุงหมีก็เป็นขาประจำอุดหนุนคุณป้าคนนี้และแจกจ่ายขนมครกให้คนในบ้านช่วยกันกิน

เพื่อให้คนอ่านยุคปัจจุบันเห็นหน้าตาชุดกะทะขนมครกทำด้วยดินเผา ลุงหมีจึงไปค้นรูปจากgoogleมาใส่ไว้ให้ดู

ภาพมุมสูงชุดต่อไปเป็นต้นพวงครามที่ออกดอกเต็มต้นมานานจนหลายช่อกลายสีจากสีม่วงเป็นสีเขียว (และต่อไปจะเป็นสีน้ำตาลแบบใบไม้แห้งแล้วร่วงหล่นจากต้น) ลุงหมีถ่ายรูปจากมุมมองบนพื้นดิน เทียบกับมองจากมุมสูงมาให้ดู ภาพมุมสูงจะเห็นช่อดอกสีม่วงชัดเจนกว่า

ภาพแถมสุดท้ายมองจากหน้าต่างห้องทำงานของลุงหมี ตรงกลางกรอบหน้าต่างด้านล่างจะเห็นรังนกมีไข่นกวางอยู่สองใบ ถือเป็นอนุสรณ์ของไข่นกรังที่สาม (ลุงหมีเล่าเรื่องแม่นกกกไข่ไว้ในเรื่องเล่าตอนที่ 52 และตอนที่ 53 แล้ว) ไข่รังนี้ฟักตัวไม่สำเร็จโดยแม่นกใช้เวลานั่งกกไข่อย่างอดทนนานสามอาทิตย์ ในสองรังแรกที่ลุงหมีติดตามดูพัฒนาการ ลูกนกจะฟักตัวออกจากไข่ภายในสองอาทิตย์ แต่รังนี้เลยเวลาไปแล้ว แม่นกจึงยอมแพ้และบินออกจากรังไป ลุงหมีปล่อยให้รังนกนี้อยู่ในสภาพเดิมเป็นประติมากรรมตามธรรมชาติประดับกรอบหน้าต่างไปพลางก่อน

ขอให้สังเกตว่าต้นพวงครามที่ลุงหมีถ่ายรูปให้ดูอยู่ใกล้บริเวณรังนก ใช้เป็นจุดให้ลูกนกรังแรกฝึกโผบินมาเกาะกิ่งไม้ใกล้รังได้