
กรุงศรี ขับเคลื่อนกลยุทธ์ธุรกิจอาเซียนภายใต้แนวคิด GO ASEAN with krungsri มุ่งสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ผสานความร่วมมือระหว่างเครือข่ายทั้งในประเทศและอาเซียน เพื่อส่งต่อความเชี่ยวชาญและนำเสนอนวัตกรรมต่างๆ ด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภครายย่อย รวมทั้งจับมือกับพันธมิตรในหลากหลายธุรกิจ มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าขยายตลาดในอาเซียน
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ กรุงศรีจัดงาน Press Briefing หัวข้อ “ภาพรวมและทิศทางการดำเนินธุรกิจของกรุงศรีในอาเซียน” โดย นางสาวพัทธ์หทัย กุลจันทร์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจอาเซียน
นางสาวพัทธ์หทัย กุลจันทร์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจอาเซียน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรีได้กำหนดเป้าหมายตามแผนธุรกิจระยะกลางในการเป็นธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน ธุรกิจอาเซียนจึงเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่สำคัญของกรุงศรี ปัจจุบันกรุงศรีมีบริษัทในเครือในต่างประเทศทั้งสิ้น 6 บริษัท เป็นธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคจำนวน 5 บริษัท และธุรกิจธนาคารพาณิชย์จำนวน 1 แห่ง กระจายอยู่ 5 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน ทำให้มีฐานลูกค้าอาเซียนราว 19 ล้านราย ซึ่งเชื่อว่าด้วยความเชี่ยวชาญของกรุงศรีในธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคและศักยภาพของบริษัทลูกในต่างประเทศจะสามารถผสานความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อสร้างการเติบโตให้กับกรุงศรีได้เพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต”
“ขณะนี้เราไปลงทุนอยู่ 6 บริษัท 5 ประเทศ แล้วก็ยังร่วมมือกับธนาคารพันธมิตร 4 ราย คือ กรุงศรี, Danamon Bank, Vietin Bank และ Security Bank สามารถที่จะครอบคลุม ในปัจจุบันเรามีฐานลูกค้าทั้งหมด 19 ล้านคน โดยที่ 16 ล้านคนอยู่ในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย” นางสาวพัทธ์หทัยกล่าว

สำหรับการขยายเครือข่ายในอาเซียนของกรุงศรี เริ่มขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว โดยในปี 2557 ได้ก่อตั้งบริษัท กรุงศรี บริการเช่าสินเชื่อ จำกัด หรือ กรุงศรี ลีสซิ่ง ในประเทศลาว เป็นบริษัทแรกที่ไม่ได้มาจากการซื้อกิจการ ต่างจากอีก 5 กิจการ บริษัทกรุงศรีลิสซิ่งเป็นการร่วมลงทุนระหว่างกรุงศรีออโต้ที่ถือหุ้น 75% และกรุงศรีคอนซูมเมอร์ผ่านบริษัท AYCAP จำกัด 25% ในระยะแรกบริษัทกรุงศรีลิสซิ่ง เริ่มให้บริการทางด้านสินเชื่อรถยนต์เป็นหลัก แต่ต่อมาเริ่มขยายผลิตภัณฑ์ของไปสู่สินเชื่อในการชําระหนี้สินค้า หลังจากนั้นมีการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล
ในปี 2559 กรุงศรีได้เข้าซื้อกิจการ หัตถา กักสิกอร์ ลิมิเต็ด(Hattha Kaksekar Limited) ไมโครไฟแนนซ์อันดับที่ 4 ของประเทศกัมพูชา เพื่อเข้าลงทุน 100% ในปี 2563 Hattha Kaksekar Limited ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ยกระดับการดำเนินธุรกิจเป็นธนาคารพาณิชย์ให้บริการครบวงจรภายใต้ชื่อ Hattha Bank Plc. ปัจจุบันมีสาขากว่า 170 แห่งทั่วประเทศกัมพูชา
ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน กรุงศรี ได้เข้าซื้อหุ้น 50% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วในบริษัท เอสบี ไฟแนนซ์ คอมปานี อิงค์ (SB Finance Company, Inc. หรือ SBF) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ให้บริการด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในเครือ ซีเคียวริตี้ แบงก์ คอร์ปอเรชั่น (Security Bank Corporation หรือ SBC) หนึ่งในธนาคารชั้นนำของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ที่เป็นพันธมิตรของกรุงศรี
เมื่อปีที่ผ่านมากรุงศรีประสบความสําเร็จในการซื้อกิจการอีก 3 บริษัท คือ SHB Finance ในประเทศเวียดนาม Home Credit ในประเทศฟิลิปปินส์ และ Home Credit ในประเทศอินโดนีเซีย โดยการซื้อ SHB Finance ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคชั้นนำของเวียดนามนั้นกรุงศรีได้รับโอนหุ้นสัดส่วน 50% แรกมาแล้ว และจะรับโอนส่วนที่เหลืออีก 50% ภายในระยะเวลา 3 ปีหลังจากนี้เมื่อทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามเงื่อนไขและตามข้อกำหนดจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง
“แผนในการเข้าซื้อกิจการ SHB Finance ธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในประเทศเวียดนามนั้นราบรื่นและรวดเร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ โดยเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา กรุงศรีได้ยื่นเข้าซื้อและรับโอน 50% ที่คงเหลือจากการซื้อและรับโอนส่วนของทุนครั้งแรก โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างรอการพิจารณาอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่ากรุงศรีจะเข้าถือหุ้น 100% ของ SHB Finance เสร็จสมบูรณ์ในช่วงกลางปี 2568 จากเดิมที่คาดว่าจะยื่นเข้าซื้อ 50% ที่คงเหลือในปี 2569 (หรือ 3 ปีหลังจากการซื้อและโอนส่วนของทุนครั้งแรก) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกรุงศรีในการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอาเซียนและความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดเวียดนาม” นางสาวพัทธ์หทัยกล่าว

นางสาวพัทธ์หทัยกล่าวถึงรูปแบบการดำเนินธุรกิจในแต่ละประเทศว่า ไม่แตกต่างจากรูปแบบธุรกิจในประเทศไทยมากนัก พร้อมอธิบายเพิ่มเติมด้วยการเริ่มที่ Hattha Bank ในกัมพูชา ซึ่งเป็นธนาคารแห่งเดียวที่กรุงศรีเข้าไปลงทุน ส่วนที่เหลือทั้งหมดเป็นสถาบันการเงินในรูปแบบที่จะปล่อยสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค (consumer finance) Hattha Bank นอกจากเงินฝากตามปกติแล้ว แต่การที่ยกระดับมาจากไมโครไฟแนนซ์ จึงมีการให้สินเชื่อบุคคลในพื้นที่ต่างจังหวัด ทั้งในภาคเกษตร หรือผู้ประกอบการรายเล็ก มีการปล่อยสินเชื่อบ้าน มีการให้บริการขายประกัน และมีบริการ mobile app
“ในกัมพูชามีธุรกิจที่เติบโตเร็วในเรื่องของแพลตฟอร์ม ดิจิทัล ธนาคารกลางกัมพูชาก็ให้ความสําคัญกับการให้สถาบันการเงินขยายไปลงทุนในเชิงของ mobile app หรือ ดิจิทัลมากขึ้น” นางสาวพัทธ์หทัยกล่าว
ส่วนในสปปลาว. กรุงศรีได้ให้สินเชื่อทั้งรถยนต์ มีการให้สินเชื่อผ่อนชําระค่าสินค้า และให้สินเชื่อส่วนบุคคล สําหรับ Home Credit ในฟิลิปปินส์ช่วงที่กรุงศรีเข้าซื้อ มีผลิตภัณฑ์เดียวคือสินเชื่อส่วนบุคคล กรุงศรีจึงได้แนะนําผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการได้ดีในประเทศไทย ก็คือ สินเชื่อมอเตอร์ไซค์ให้กับทางฟิลิปปินส์ และผลิตภัณฑ์ Car4Cash ซึ่งเติบโตดี นอกเหนือจากการให้สินเชื่อส่วนบุคคลที่ให้บริการดีอยู่แล้ว
ในเวียดนามในช่วงที่ซื้อมีผลิตภัณฑ์เดียว คือสินเชื่อส่วนบุุคล หลังจากเข้าไปซื้อกิจการ มีการทํางานร่วมกัน ก็ได้ออกผลิตภัณฑ์บัตรกดเงินสดในประมาณปลายปีที่แล้ว นอกจากนี้เวียดนามจะให้สินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งกรุงศรีก็มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้วพร้อมให้คำแนะนำรวมไปถึงการแนะนําพันธมิตร สำหรับการบริการสินเชื่อดิจิทัล

สําหรับ Home Credit ในฟิลิปปินส์กับอินโดนีเซีย เนื่องจากมีรูปแบบแพลตฟอร์มเดียวกัน ลักษณะผลิตภัณฑ์จึงเหมือนกัน โดยเริ่มจากการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าผ่อนชําระสินค้า หากมีประวัติการชำระที่ดี ก็จะเริ่มให้บริการผลิตภัณฑ์อื่น คือ สินเชื่อเงินสด แล้วหลังจากนั้นถ้าลูกค้าผ่อนชําระได้ดีอีก ก็จะนําเสนอผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ฺBuyNowPayLater ซึ่งผลิตภัณฑ์ของฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย เป็นการให้เป็นวงเงินในโทรศัพท์มือถือ ลูกค้าสามารถใช้วงเงินได้หลายวัตถุประสงค์ และสิ่งที่น่าสนใจในประเทศฟิลิปปินส์กับอินโดนีเซีย สามารถขายประกันได้ค่อนข้างดีโดยขายไปพร้อมกับการเข้ามาขอสินเชื่อเพื่อผ่อนชำระของลูกค้า ส่งผลให้อัตราในการเข้าไปในการขายประกันได้ในฟิลิปปินส์สูงถึง 200% ในอินโดนีเซีย 160%
นางสาวพัทธ์หทัยกล่าวว่า ที่ผ่านมา กรุงศรีได้ขับเคลื่อนธุรกิจอาเซียนและสร้างการเติบโตโดยใช้ประโยชน์จากจุดแข็งที่มี เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ด้วยการสร้างระบบนิเวศกรุงศรี (Krungsri Ecosystem) และความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทาง ได้แก่
1)กรุงศรีได้ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายและความแข็งแกร่งของกรุงศรี และ MUFG ทำให้บริษัทในเครือในต่างประเทศสามารถชิงความได้เปรียบทางการแข่งขัน อาทิเช่น การได้รับอันดับความน่าเชื่อถือที่ดีของ กรุงศรี และ MUFG จากบริษัทจัดอันดับเครดิตชั้นนำส่งผลให้บริษัทลูกในต่างประเทศมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลงสามารถแข่งขันในตลาดได้ดีขึ้น
2)ในฐานะผู้นำในตลาดสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในประเทศไทย กรุงศรีมุ่งส่งต่อความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค ทั้งจากกรุงศรี ออโต้ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ให้กับบริษัทในเครือในต่างประเทศ เพื่อนำจุดแข็งและความสำเร็จที่ได้ไปเป็นแนวทางเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมทางการเงินที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในประเทศต่างๆ ช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือสามารถสร้างรายได้ให้กับธุรกิจ
3)กรุงศรียังให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศต่างๆ ในอาเซียน โดยที่ผ่านมา กรุงศรีได้พัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรหลายราย ภายใต้โครงการ ASEAN Privilege โดยจับมือกับพันธมิตรอย่าง คิง พาวเวอร์ และ เดอะมอลล์ กรุ๊ป เพื่อให้สิทธิประโยชน์ด้านไลฟ์สไตล์และการชอปปิงแก่ลูกค้านักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศอาเซียนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย และเร็วๆ นี้ กรุงศรีเตรียมประกาศความร่วมมือกับกลุ่มโรงพยาบาลชั้นนำในไทย เพื่อขยายบริการด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาล ซึ่งเป็นธุรกิจที่ดึงดูดและเป็นจุดแข็งของประเทศ ให้สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าในอาเซียนได้มากยิ่งขึ้น
“เรายังเห็นศักยภาพในการเติบโตในประเทศอาเซียนของเราได้เป็นอย่างมาก ข้อแรก เราสามารถที่จะใช้อันดับเครดิตที่แข็งแกร่งของ MUFG และกรุงศรี ช่วยบริษัทลูกที่กู้เงินในแต่ละประเทศให้มีอํานาจในการต่อรองสูงขึ้นและก็ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ทําให้บริษัทที่เราเข้าไปถือหุ้นสามารถประหยัดต้นทุนทางการเงิน ข้อสองรูปแบบธุรกิจรายย่อยในแต่ละประเทศที่เข้าไปคล้ายกับธุรกิจรายย่อยของกรุงศรีมาก ดังนั้นได้มีการแชร์แนวทาง One Retail ที่กรุงศรีนำมาใช้ ทำให้สามารถขายผลิตภัฯฑ์เกี่ยวเนื่องกับสินค้าหลัก หรือ Cross-selling ได้ นอกจากนี้จากการที่เป็นผู้นำในส่วนแบ่งการตลาดทั้งในกรุงศรีคอนซูเมอร์หรือกรุงศรีออโต้ ก็ได้แชร์ประสบการณ์ให้กับแต่ละประเทศที่เข้าไป ตลอดจนพยายามต่อยอดจากพันธมิตรที่มี ในปัจจุบันได้มีการให้สิทธิประโยชน์กับลูกค้าของธนาคารที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจะได้รับสิทธิประโยชน์จากพันธมิตรของกรุงศรี” นางสาวพัทธ์หทัยกล่าว

นางสาวพัทธ์หทัยกล่าวถึงผลการดำเนินงานจากการขยายเครือข่ายในอาเซียนว่า ณ สิ้นเดือนกันยายน มียอดสินเชื่อคงค้างประมาณ 104,000 ล้านบาทคิดเป็น 5% ของสินเชื่อรวมของกลุ่ม
“จากแนวทางการดำเนินงานที่ผ่านมา ทำให้ภาพรวมในปี 2567 กรุงศรีประสบความสำเร็จในการขยายพอร์ตสินเชื่อในภูมิภาคอาเซียน โดยมุ่งเน้นการเติบโตในกลุ่มลูกค้า SME และกลุ่มลูกค้ารายย่อย นอกจากนี้ เรายังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินทรัพย์ และเสริมสร้างรายได้จากกลุ่มสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง ปัจจุบันธุรกิจอาเซียนมีสัดส่วนสินเชื่อคิดเป็น 5% ของสินเชื่อรวม และสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 20% ของรายได้รวมจาก 13% ในปีที่แล้ว และคาดหวังจะเพิ่มเป็น 25% ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 23.2%” นางสาวพัทธ์หทัย กล่าว
อาเซียนยังมีศักยภาพทั้งในด้านการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาวและจากจำนวนประชากร โดยจากประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ การเติบโตทางเศรษฐกิจช่วงปี 2568-2572 ประเทศไทยจะขยายตัวราว 3% อินโดนีเซียโต 5.1% เวียดนาม 6.5% ฟิลิปปินส์ 6.3% กัมพูชา 5.9% ลาว 4.3% และเมียนมา 2.0%
นอกจากนี้อาเซียนยังเป็นภูมิภาคที่มีประชากรจำนวนมาก โดยใน 7 ประเทศ ประกอบด้วยประเทศไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว และเมียนมา มีประชากร กว่า 600 ล้านคน ณ สิ้นปี 2566 และใน 7 ประเทศนี้ยังเป็นประชากรในวัยแรงงานมีอายุเฉลี่ย 24-40 ปี

นางสาวพัทธ์หทัย กล่าวว่า ในประเทศที่กรุงศรีเข้าไปลงทุน เมื่อพิจารณาจาก SBF และHome Credit ในฟิลิปปินส์ก็เห็นว่า ฟิลิปปินส์มีศักยภาพสูง หลังจากโควิด การเติบโตการการปล่อยสินเชื่อใหม่ของ Home Credit ฟิลิปปินส์สูงถึง 20-30% และเป็นบริษัทที่ทํากําไรได้สูงที่สุดในธุรกิจอาเซียนที่มี
“ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีศักยภาพ เพียงแต่ว่าฟิลิปปินส์อาจจะมีแค่ข้อเสียอย่างหนึ่ง คือประสบภัยไต้ฝุ่นทุกเดือน จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นสิ่งที่เราก็ค่อนข้างกังวล แต่ที่ผ่านบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่วนประเทศที่เคยคิดที่จะไปลงทุน คือ เมียนมา แต่จากการประเมินสถานการณ์ก็ยังคงไม่เข้าไป ส่วนประเทศอื่นๆ คงต้องชะลอ เพราะเพิ่งปิดการซื้อกิจการ 3 บริษัทในปีที่ผ่านมา ก็ต้องมุ่งไปที่กการปรับโครงสร้างแล้วก็จัดรูปแบบธุรกิจให้มั่นคงก่อนที่จะพิจารณาเข้าไปลงทุนเพิ่มในประเทศไหนได้อีก” นางสาวพัทธ์หทัย กล่าว
นอกจากนี้อาเซียนยังเป็นภูมิภาคที่มีประชากรจำนวนมาก โดยใน 7 ประเทศ ประกอบด้วยประเทศไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว และเมียนมา มีประชากร กว่า 600 ล้านคน ณ สิ้นปี 2566 และใน 7 ประเทศนี้ยังเป็นประชากรในวัยแรงงานมีอายุเฉลี่ย 24-40 ปี

สำหรับพฤติกรรมผู้บริโภคในอาเซียน จากข้อมูลสถิติในประเทศไทยหนี้ภาคครัวเรือนลดต่ำกว่า 90% ต่อ GDP เป็นครั้งแรก แต่เป็นเพราะธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อในระบบ ขณะที่ในอาเซียนหนี้ภาคครัวเรือนเไม่ได้สูงอยู่ที่ประมาณ 50%-60% เท่านั้น และอัตราการเข้าถึงบริการธนาคาร(Banking penetration) ก็ต่ํากว่าประเทศไทยยังอยู่ที่ประมาณ 50%-60% เช่นกัน ไม่รวมกัมพูชาที่ค่อนข้างสูง 70%-80% พฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศอาเซียนที่เข้าไปลงทุนเหมือนประเทศไทยในช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ไม่สามารถที่ได้วงเงินสูงตั้งแต่เริ่มใช้บริการ แต่ต้องแสดงให้สถาบันการเงินเห็นก่อนว่า มีความสามารถ มีศักยภาพในการจ่ายชําระ
เพิ่ม
“นี่เป็นเหตุผลที่ในอาเซียนยังมีการคิดอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง เพราะความเสี่ยงของลูกค้ายังสูง และยังไม่สามารถเข้าถึงระบบธนาคาร ส่วนหนึ่งจากรายได้ที่อาจจะไม่ได้สูงเทียบเท่ากับประเทศไทย รายได้เฉลี่ยของประเทศอาเซียนยังต่ํากว่าประเทศไทย ฉะนั้นการเรียกเก็บดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคล อยู่ในระดับค่อนข้างสูงประมาณ 40%” นางสาวพัทธ์หทัย กล่าวและว่า สำหรับฐานลูกค้าปัจจุบันมีจำนวน 19 ล้านราย แม้จะสูงแต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ใช้บริการผลิตภัณฑ์มากนัก จึงต้องการที่จะดึงให้ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการเพิ่มเติม
ทั้งนี้ สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานของธุรกิจอาเซียน ในปี 2568 กรุงศรีจะมุ่งให้ความสำคัญใน 3 เรื่องหลัก ประกอบด้วย
1) ปรับแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง โดยในแต่ละบริษัทจะมีการกำหนดกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาวะตลาดและสถานการณ์การแข่งขันในธุรกิจ อาทิ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการของสาขา และเร่งขยายฐานผู้ใช้งานโมบายแอปพลิเคชันของ Hattha Bank
2)เพิ่มความแข็งแกร่งในการสร้างรายได้ อาทิ นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด และรักษาฐานลูกค้าเดิมให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ Home Credit Philippines และ Home Credit Indonesia สามารถครองความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจจากปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 80% รวมทั้งพัฒนาโมเดลทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าในกลุ่มใหม่ๆ เช่น Home Credit Philippines และ SHB Finance ที่มีแผนการขยายและเข้าสู่ตลาดบัตรเครดิต การขายประกันในรูปแบบของผลิตภัณฑ์การเงินผ่านช่องทางธนาคาร (Bancassurance) ของ Hattha Bank
3) เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล อาทิ การนำเทคโนโลยีการสร้างหุ่นยนต์มาเพื่อทำงานแบบอัตโนมัติบนระบบคอมพิวเตอร์ (Robotic Process Automation) เข้ามาช่วยในงานด้านการปฏิบัติงาน เพื่อทำให้สามารถดำเนินการได้เร็วขึ้น ช่วยลดต้นทุน รวมถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันบนมือถือที่มีอยู่ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและมากขึ้น สามารถช่วยขยายฐานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิผล
“กรุงศรียังคงยืนยันความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอาเซียนต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าท้องถิ่นในแต่ละประเทศได้มีการเข้าถึงนวัตกรรมทางการเงินที่หลากหลายสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ขณะเดียวกันจะช่วยส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกันในภูมิภาคอาเซียนได้มากขึ้น สอดคล้องกับแนวคิด GO ASEAN with krungsri” นางสาวพัทธ์หทัย กล่าว